xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ย้ำดีเบตพลังงานเพื่อเอกภาพ พร้อมยุติบทบาทหากข้อมูลผิด เชื่อ ป.ป.ช.ชี้มูล “ปู” เป็นจุดเปลี่ยน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” แจงเกิดสุญญากาศเป็นไปได้ยาก หรือต่อให้มีนายกฯมาตรา 7 ก็จะมีอายุไม่นานพอต่อการปฏิรูปประเทศ ชี้จุดเปลี่ยนอยู่ที่ ป.ป.ช.ชี้มูล “ปู” เพราะเสี่ยงติดคุก เชื่อจะเป็นเหตุทำให้รัฐบาลเล่นเกมแรงเพื่อล้มกระดาน ย้ำ กปปส.จำเป็นต้องพูดเรื่องผลประโยชน์ประชาชนเพื่อครองใจคนส่วนใหญ่ให้ได้ ระบุท้า “ปิยสวัสดิ์” ดีเบตเรื่องพลังงานเพื่อความเอกภาพในการต่อสู้ ลั่นพร้อมยุติบทบาทหากข้อมูลผิด


วันนี้ (17 มี.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกและแกนนำรุ่น 2 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “เกาะติดสถานการณ์การชุมนุม” ช่วงวิเคราะห์สถานการณ์ ว่า มีข่าวลือว่าพรุ่งนี้ (18 มี.ค.) ป.ป.ช.จะชี้มูลประธานวุฒิสภา สมมติเป็นเช่นนั้นจริง ประธานวุฒิฯจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิฯคนที่หนึ่ง มาทำหน้าที่แทน จนกว่ามีประธานวุฒิฯคนใหม่

ทั้งนี้ตามมาตรา 127 ระบุเงื่อนไขเวลาว่าต้องเปิดประชุมสภาภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะได้ ส.ส.ไม่ครบ และมาตรา 172 ก็ระบุเงื่อนไขเวลาเช่นกันว่าให้สภาพิจารณาเห็นชอบเสนอนายกฯ โดยให้ผู้แทนราษฎรเลือกคนเป็นนายกฯภายใน 30 วัน นับจากวันเปิดประชุมนัดแรก

โจทย์สำคัญคือ ครม.จะพ้นสภาพเมื่อไหร่ ซึ่งตนมองว่าต่อให้ถูกชี้มูล ครม.ก็ไม่หมดสภาพ เพราะมาตรา 81 บัญญัติว่า ครม.จะต้องอยู่ในหน้าที่ต่อไป จนกว่า ครม.ชุดใหม่จะเข้าทำหน้าที่ มาตรานี้เอาเงื่อนไขเหตุการณ์ไม่ใช่เงื่อนไขเวลา ฉะนั้นจะให้ ครม.เดิมหมดสภาพไปได้ต้องให้เกิด ครม.ชุดใหม่ ซึ่งเกิดได้ดังนี้ 1.เกิดจากการเลือกตั้ง แต่วิธีนี้ไม่สำเร็จแล้ว 2.ตามมาตรา 7 และ 3.รัฐประหาร

ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับว่ารองประธานวุฒิสภาจะตัดสินใจอย่างไร จะกล้าใช้มาตรา 7 ด้วยการยกเหตุผลเรื่องเงื่อนไขเวลาที่ไม่สามารถมีนายกฯได้ตามกำหนดหรือไม่ จะได้เกิด ครม.ชุดใหม่ เพื่อให้ชุดเก่าพ้นสภาพไป โดยรองประธานวุฒิฯจะกล้าใช้ต้องมีการสนับสนุนจากมวลมหาประชาชนแบบเป็นเอกภาพ

นายปานเทพ กล่าวต่อว่า แล้วถ้าสมมติศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ เกิดขึ้นก่อนมีนายกฯมาตรา 7 เหตุการณ์ก็จะยากขึ้นไปอีก เพราะต้องมีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งครั้งใหม่ จะทำให้นายกฯมาตรา 7 อยู่ได้ระยะสั้นๆ เท่านั้น ไม่สามารถปฏิรูปอะไรได้เลย ยกเว้นว่ารองประธานวุฒิฯ กล้าตัดสินใจใช้มาตรา 7 ก่อนมีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ ครม.จากมาตรา 7 เป็นผู้กำหนดวันเลือกตั้ง

จะเห็นได้ว่าสุญญากาศเกิดได้ไม่ง่าย หรือถึงเกิดก็ไม่ยาวนานเพียงพอต่อการปฏิรูป ตนคิดว่าจุดชี้ขาดไม่ใช่สุญญากาศแล้ว เพราะรัฐบาลก็เห็นว่ามันมีช่องที่แคบมาก แต่จุดเปลี่ยนน่าจะเป็นการที่รัฐบาลรักษาการรับไม่ได้กับบทลงโทษตามรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าหาก ป.ป.ช.ชี้มูลนายกฯเรื่องจำนำข้าว โดยกรณีนี้ผู้ยื่นคำร้องให้เอาผิดกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งปมถอดถอน และให้ดำเนินคดีอาญาด้วย เรื่องก็จะต้องไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ศาลเดียวติดคุก จึงเห็นว่าเขาเลยยื้อเวลา ป.ป.ช.ให้ยาวที่สุดจนกว่าได้ ส.ว.ใหม่ เพราะหวังว่าจะได้พวกตัวเองเข้าไปได้มากและกุมสภาพ ส.ว.ได้ ซึ่ง ส.ว.จะมีหน้าที่ในการเลือก ป.ป.ช.เพิ่มเติม ถอดถอนบุคคลในองค์กรอิสระก็ทำได้ บุคคลที่ถูกชี้มูลทั้งหมดมาถึง ส.ว.ให้ถอดถอน ถ้ากุมสภาพได้แค่เรียกประชุมไม่ถอดถอนก็ปฏิบัติหน้าที่ใหม่ได้ทันที เสื้อแดงจึงพุ่งเป้าไปยัง ป.ป.ช.ด้วยการประกาศ 19 มี.ค.ปิดตาย ป.ป.ช.จนกว่าจะมีการปฏิวัติ ตนเชื่อว่าถ้า ป.ป.ช.ชี้มูลยิ่งลักษณ์ เสื้อแดงอาจก่อเหตุเพื่อล้มกระดานจริงๆ

“ผมถึงย้ำว่าอย่าหลีกเลี่ยงการพูดเรื่องประโยชน์ของประชาชนเพื่อความเป็นเอกภาพ อย่ามองข้ามเรื่องปฏิรูปพลังงาน-ที่ดิน หรือเรื่องที่มีประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรง น่าเสียดายที่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ปฏิเสธดีเบตเรื่องพลังงาน เพราะถ้าฝ่ายเราผิด ให้ประชาชนรู้กลางจอ เราพร้อมยุติบทบาท เพื่อเดินหน้าปฏิรูปในอีกแบบ” นายปานเทพ ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น