xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ชี้โอกาสเกิดสุญญากาศเลือนลาง ย้ำต้องชนะขาดทหารถึงเลือกข้าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” ชี้โอกาสเกิดสุญญากาศเลือนลาง เพราะต้องให้ ปธ.วุฒิฯ พ้นสภาพก่อนชี้มูลนายกฯ-ครม.ทั้งคณะ เพื่อให้รอง ปธ.วุฒิฯ ทำหน้าที่ใช้มาตรา 7 ซึ่งจะให้เป็นไปตามลำดับเกิดได้ยาก ระบุขวางเลือกตั้ง ส.ว.30 มี.ค.เป็นปัจจัยสำคัญ หากปล่อยให้ผ่านฉลุยกระบวนการตุลาการภิวัฒน์ปิดฉากทันที แนะย้ำชูธงปฏิรูป “พลังงาน-ที่ดิน” ทำให้ กปปส.ชนะขาด แล้วทหารถึงจะกล้าเลือกข้าง

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เกาะติดชัตดาวน์กรุงเทพฯ”  

วันที่ 4 มี.ค. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกและแกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่ 2 กล่าวในรายการ “เกาะติดชัตดาวน์กรุงเทพฯ” ทางเอเอสทีวีว่า วุฒิสภาเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะชี้ขาดการใช้ตุลาการภิวัฒน์ได้ โดยต้องเป็นตามขั้นตอนดังนี้ 1. ประธานวุฒิสภาพ้นสภาพ 2. นายกฯ และครม.ทั้งคณะพ้นสภาพไป 3. ให้รองประธานวุฒิสภาทำหน้าที่แทนประธานวุฒิฯที่พ้นสภาพไป ในการกราบบังคมทูลใช้มาตรา 7 ต้องเป็นไปตามนี้ถึงจะเกิดสุญญากาศทางการเมืองได้

บางทฤษฎีบอกว่าครบ 30 วันหลังเลือกตั้ง ก็คือวันที่ 4 มี.ค.ต้องเปิดประชุมสภา แล้วหลัง 4 มี.ค.ไป 30 วันก็ต้องเลือกนายกฯ ให้สำเร็จ ก็มีทฤษฎีว่าประธานวุฒิฯ คนปัจจุบันต้องกราบบังคมทูลใช้มาตรา 7 ถ้าไม่ทำหน้าที่ก็จะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งต้องส่งฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งกว่าจะวินิจฉัยก็คงอีกนาน

นายปานเทพกล่าวต่อว่า ในสถานการณ์ที่ ป.ป.ช.ยังไม่ชี้มูลความผิด ประธานวุฒิฯ ก็จะทำหน้าที่รักษาการไปเรื่อยๆ จนได้ประธานวุฒิฯ คนใหม่ แต่ถ้าสมมติชี้มูลประธานวุฒิฯ ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เกิดขึ้นก่อน 30 มี.ค. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง ส.ว. แล้วระหว่างนี้รัฐบาลยังไม่พ้นสภาพ คนก็เล็งเห็นว่าต้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ว.ให้ได้ 8 จังหวัดขึ้นไป เพื่อไม่ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ แล้วให้รองประธานวุฒิฯรักษาการต่อไปจนกว่า ครม.ทั้งคณะจะพ้นสภาพ แล้วใช้มาตรา 7 โดยรองประธานวุฒิฯ แต่ถ้าวันที่ 30 มี.ค. เลือกตั้ง ส.ว. ผ่านฉลุย ได้ประธานวุฒิฯ คนใหม่ ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นคนระบอบทักษิณแน่นอน ความหวังที่จะให้ตุลาการภิวัฒน์ทำให้เกิดสุญญากาศจะปิดฉากทันที

แต่ถึงแม้จะควบคุมไม่ให้ประธานวุฒิฯเป็นคนของระบอบทักษิณได้ จะสามารถทำให้รัฐบาลพ้นสภาพโดยตุลาการภิวัฒน์หรือเปล่า ตอนนี้ตนแทบมองไม่เห็นหนทาง จากความคิดที่ว่า 30 วันยังไม่สามารถเปิดสภาได้ รัฐบาลต้องพ้นสภาพไป ซึ่งก็ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ใช้เวลาอีกยาวพอควร

หรือถ้าขวางวุฒิสภาชุดใหม่สำเร็จ แต่ชุดเก่ายังอยู่ทำหน้าที่รักษาการ แล้วระหว่างนี้ ป.ป.ช.ชี้มูลนายกฯ นำเข้าสู่กระบวนการถอดถอนโดย ส.ว. แน่นอนก็ต้องตัดสินให้นายกฯปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ หรือไม่ก็รอตีความต่อ

นายปานเทพกล่าวอีกว่า การเกิดสุญญากาศโดยตุลาการภิวัฒิยังมีข้อต่อสู้ของสองฝั่งอยู่มาก โอกาสเกิดสุญญากาศ 100 เปอร์เซ็นต์พร้อมๆ กับลำดับวุฒิสภาในการใช้มาตรา 7 อาจเกิดไม่ได้ แต่ไม่ใช่ไม่มีความหวัง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

เมื่อเห็นว่าตุลาการภิวัฒน์มีอุปสรรคมาก ต้องมองความจริงว่าไม่สามารถเป็นตัวปิดเกมได้สำเร็จ หรือหากเปลี่ยนแปลงได้ก็จะเกิดการลุกฮือจากอีกฝ่าย แล้วถึงเปลี่ยนแปลงอำนาจได้ก็ไม่มีหลักประกันว่าผู้เข้าสู่อนาจมีอำนาจต่อรองกับทักษิณได้หรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นเลือกตั้งใหม่ระบอบทักษิณกลับคืนชีพยิ่งใหญ่กว่าเดิม

นายปานเทพกล่าวต่ออีกว่า เงื่อนไขที่ระบอบทักษิณไม่สามารถรับได้ คือการชี้มูลนายกฯ แม้ต่อให้ถอดถอนโดย ส.ว.ไม่สำเร็จ แต่ต้องไปศาลฎีกาฯซึ่งมีโอกาสติดคุก เขาไม่ปล่อยให้ไปถึงจุดนั้นแน่ หนทางในการต่อสู้ก็คือต้องกำจัดผู้ชุมนุมไม่ให้ขัดขวางเลือกตั้งสำเร็จ และสร้างสถานการณ์รุนแรงให้ยาวนานเพื่อรัฐประหารตัวเอง หรือให้คนอื่นที่ตัวเองคุยได้สอดแทรกรัฐประหารแล้วเกิดการประนีประนอม

รัฐบาลอยู่ในสถานภาพที่มีทางเลือกไม่มาก แล้วยิ่งเกิดกระแสตีกลับเรื่อง สปป.ล้านนา ทำให้กองทัพที่อยากอยู่ข้างประเทศไทย แต่สถานการณ์บีบรัดต้องออกมาขัดขวางขบวนการนี้ แต่ก็ไม่ใช่จะออกมาล้มรัฐบาล ทำให้สถานการณ์ยืดเยื้อต่อไป กองทัพกลายเป็นผู้ถือดุลและอำนาจต่อรองสูงด้วย

ตนมีความคิดว่าสมมติกองทัพเลือกยืนข้างประชาชนเต็มที่ แต่ระดับนำของกองทัพที่มักคิดเอาตัวรอดจะทำให้มีการปฏิรูปประเทศได้จริงหรือเปล่า เชื่อว่ากองทัพจะเลือกข้างผู้ชนะ แล้วการทำให้กองทัพยืนข้างประชาชน มีอยู่ทางเดียวคือต้องชนะขาด แล้วการชนะขาดไม่มีทางอื่น ไม่ใช่กระแสเกลียดชัง แต่ต้องขยายแนวร่วม เช่น การชูธงปฏิรูปพลังงาน ปฏิรูปที่ดิน เอาประโยชน์ประชาชนเป็นใหญ่ เมื่อกองทัพเห็นว่าชนะขาดเพราะครองใจประชาชนได้ หรือแม้แต่เลือกตั้งก็มีโอกาสชนะด้วย เขาก็ต้องเลือกข้างผู้ชนะเพื่อรักษาอำนาจต่อไปหลังมีการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าไม่คิดครองใจประชาชนส่วนใหญ่ หลังเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดการต่อต้านจากอีกฝ่าย บางคนบอกว่าล้มรัฐบาลก่อนค่อยปฏิรูป ทั้งที่ต้องปฏิรูปก่อนถึงจะล้มรัฐบาลได้

มีคนถามว่าทำไมเอเอสทีวีไม่ตั้งเวทีปฏิรูปพลังงาน หรือไปขึ้นเวทีที่ชูธงปฏิรูปพลังงาน นั่นก็เพราะเรารู้ว่าเวทีที่นำมวลชนได้มากที่สุดคือเวทีใหญ่ ไม่ใช่เวทีย่อย ถึงจะผลักดันได้สำเร็จ และเกิดแนวร่วมครั้งใหญ่


กำลังโหลดความคิดเห็น