xs
xsm
sm
md
lg

“ปานเทพ” ขึ้นเวทีแจ้งวัฒนะเสนอแผนปฏิรูปพลังงาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ปานเทพ” ปราศรัยเวทีแจ้งวัฒนะ ย้ำชูธงปฏิรูปพลังงานขจัดระบอบทักษิณอย่างแท้จริง เสนอหากประชาชนสถาปนาอำนาจรัฐได้สำเร็จ ในฐานะที่รัฐถือหุ้นใหญ่ ปตท. ให้ออกนโยบายงดปันผลเพื่อทำประโยชน์ให้สังคมมากขึ้น ชี้แม้มีแต่เวทีเล็กที่พูดเรื่องพลังงาน แต่หวังจะช่วยจุดประกายความหวังให้คนทุกสีมาร่วมปฏิรูปประเทศได้


วันนี้ (6 มี.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกและแกนนำรุ่น 2 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัยที่เวที กปปส.แจ้งวัฒนะ ว่าการปฏิรูปพลังงานคือการครองหัวใจคนไทย โดยไม่แบ่งแยกสี ระบอบทักษิณจะถูกขจัดอย่างแท้จริงเมื่อครองหัวใจคนไทยทั้งประเทศได้ ทำให้โอกาสเกิดสงครามระหว่างสีเสื้อลดน้อยลง

มีคนบอกว่าล้มรัฐบาลก่อนเรื่องปฏิรูปเอาไว้ทีหลัง ตนขอชี้แจงว่า ถ้าสถานการณ์มีมวลชนสองฝั่งก้ำกึ่งกัน คนที่อยากเลือกข้างจะลังเล โดยเฉพาะคนที่ถือดุลอำนาจคือกองทัพ แต่ถ้าครองหัวใจคนส่วนใหญ่ได้ คนที่เอาตัวรอดจะเลือกข้างฝ่ายที่ชนะแน่นอน ฉะนั้นการชูธงปฏิรูปจะได้แนวร่วมจากทุกสี และมั่นใจได้ว่าชนะแน่นอน

นายปานเทพกล่าวต่อว่า รัฐบาลมักบอกว่าเราตอ้งดูแลคนจน ก็คือคนที่ใช้ก๊าซหุงต้มในครัวเรือน เลยตั้งกองทุนน้ำมันขึ้นมา เราเลยต้องจ่ายน้ำมันแพงกว่าปกติเพื่อนำเงินใส่กองทุนนั้น โดยเบนซิน 95 จ่ายเพิ่มจากราคาปกติ 10 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่ม 3.30 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่ม 1.20 บาท/ลิตร โดยอ้างว่าจ่ายแพงเพื่อช่วยคนไทยทั้งประเทศ แต่ปรากฏว่าคนที่ใช้ก๊าซหุงต้มมากที่สุดคืออุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยเฉลี่ยตอนนี้ 40 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ คนที่ใช้ก๊าซหุงต้มยังต้องจ่ายแพงด้วย เพราะกองทุนฯขาดทุน โดยคนที่จ่ายแพงสุด คือ ภาคอุตสาหกรรมทั่วไป จ่ายเข้ากองทุนฯ 12 บาท/กิโลกรัม ภาคครัวเรือน 3.60 บาท/กิโลกรัม ยานยนต์ 3.40 บาท/กิโลกรัม ส่วนอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจ่ายเพียง 1 บาท/กิโลกรัม ตกลงพี่น้องประชาชนจ่ายแพงเพื่อแบกรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

นายปานเทพกล่าวอีกว่า วิธีการแก้ไม่ยาก ประการแรกต้องให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีจ่ายเข้ากองทุนฯ เท่ากับอุตสาหกรรมทั่วไปคือ 12 บาท/กิโลกรัม ผลคือเราเลิกจ่ายน้ำมันแพงเพราะแบกรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีทันที เบนซิน 95 ราคาลดทันทีถาวร 10 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91-95 ลดลงขั้นต่ำ 3-4 บาท ก๊าซธรรมชาติเลิกขึ้นราคาไปเลย ส่วนกองทุนพลังงานที่ขาดทุน 2 หมื่นกว่าล้าน คำนวณแล้วแค่เพิ่มเปอร์เซ็นต์จัดเก็บจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี จะได้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยปีละ 3 หมื่นล้านบาททันที วิธีนี้ง่ายและเป็นธรรมที่สุด

นอกจากนี้ บริษัทรับสัมปทานหน้าปากหลุมอ่าวไทยก็เจ้าเล่ห์ เขาขายให้บริษัทลูกในราคาถูกๆ จะได้จ่ายภาคหลวงและภาษีให้รัฐต่ำๆ แล้วขายประชาชนแพงๆ นี่เป็นเหตุผลตั้งบริษัทลูกเยอะๆ แล้วบอกเราต้องขายตามราคาตลาดโลก

นายปานเทพยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องทำคือรื้อ พ.ร.บ.ปิโตรเลียมใหม่ทั้งฉบับ เริ่มต้นที่ก๊าซปากหลุมอ่าวไทย ต้องเลิกคิดค่าภาคหลวงและภาษีจากราคาขายให้กับบริษัทลูก แต่ต้องใช้วิธีแบ่งสัดส่วนปิโตรเลียมให้รัฐ ไม่ใช่เงิน ซึ่งถ้าทำได้หมดปีนึงจะมีรายได้กลับเข้าประเทศขั้นต่ำ 2 แสนล้านบาท แต่ถ้าทำไม่ได้พร้อมกันหมดก็ทำทีละขั้น เพราะบางส่วนต่อสัญญาสัมปทานไปแล้ว เอาเริ่มต้นของใหม่เปลี่ยนระบบสัมปทานเป็นลงทุนทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของรัฐตั้งแต่วันแรก โดยแบ่งตามปิโตรเลียมที่ผลิตได้ทั้งหมด แล้วรายได้อาจมากกว่า 2 แสนล้านบาทด้วย เพราะทุกวันนี้คนไทยเข้าใกล้บริเวณขุดเจาะไม่ได้เลย ไม่สามารถตรวจสอบได้ ทั้งที่เป็นน่านน้ำไทย

นอกจากนี้ มาตรา 64 ของ พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ระบุว่า ให้ผู้รับสัมปทานได้รับหลักประกันว่ารัฐไม่บังคับโอนทรัพย์สินเป็นของรัฐ และรัฐจะไม่จำกัดการส่งออกปิโตรเลียมออกนอกราชอาณาจักร นี่คือหัวใจ ถ้าเราแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียมว่ารัฐไทยสามารถบังคับให้โอนทรัพย์สินของผู้รับสัมปทานเป็นของรัฐได้ในกรณีที่ผู้รับสัมปทานให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ

พ.ร.บ.ปิโตรเลียมยังบอกอีกว่า ให้ผู้รับสัมปทานรับผิดชอบรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง วัสดุ อุปกรณ์ในการสำรวจ ผลิต เก็บรักษา ขนส่ง ปิโตรเลียม ทั้งที่เขามีแต่ลงทุนเบื้องต้นทรัพย์สินเป็นของรัฐ ใครอยากลงทุนเพิ่มเติมก็จ่ายรัฐเพิ่ม แต่นี่ให้รื้อถอนออก แล้วใครจะกล้ามาสู้กับผู้รับสัมปทานรายเดิม โดยต้องแก้เป็นว่าให้สิ่งปลูกสร้าง วัสดุ อุปกรณ์ ตกเป็นของรัฐ

นี่คือตัวอย่างเล็กน้อย เราร่างทั้งฉบับไว้แล้ว รอการชูธงของพี่น้องประชาชนว่าพร้อมเปลี่ยนแปลงประเทศกับพวกเราหรือไม่

นายปานเทพยังกล่าวด้วยว่า เรื่องการแปรรูป ปตท. บางคนบอกว่าเป็นรัฐวิสาหกิจ นักการเมืองครอบงำได้ แต่คิดอีกด้าน ปตท.เป็นบริษัทมหาชน แต่ข้าราชการที่มีอำนาจกำหนดนโยบายพลังงานไปนั่งเป็นบอร์ด ยิ่งน้ำมันแพงโบนัสยิ่งได้มาก ฉะนั้นต้องขจัดทิ้ง ต้องไม่เกี่ยวข้องกับข้าราชการในการกำนดนโยบายพลังงานโดยเด็ดขาด

ส่วนจะแก้ปัญหา ปตท.ยังไงดี ข้อแรกการกระจายหุ้นที่ผ่านมาทั้งหมดไม่ชอบธรรม ซึ่งทนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ได้ฟ้องศาลปกครองแล้วศาลรับ เพื่อเพิกถอนการแปรรูป ปตท. ทำให้การกระจายหุ้นครั้งนั้นเป็นโมฆะอย่างสมบูรณ์ ซึ่งศาลกำลังไต่สวน แต่หากพี่น้องสามารถสถาปนาอำนาจรัฐได้ แก้ง่ายมาก ในเมื่อรัฐถือหุ้นเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ทำไมจะออกนโยบายไม่ปันผลไม่ได้ กำหนดนโยบายให้ประโยชน์สังคมมากขึ้น สามารถทำได้อยู่แล้ว ถ้าทำเพื่อประโยชน์ประชาชนแท้จริง

นายปานเทพกล่าวทิ้งท้ายว่า อย่าจมปลักแค่ความเกลียดชังระบอบทักษิณ โดยไม่ให้ประชาชนอีกฝั่งเดินมาหาเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศร่วมกัน หากสู้ชนะอีกฝ่ายก็จะลุกขึ้นสู้ ประเทศไม่มีวันสงบ เราใช้เวทีนี้แม้ไม่ใหญ่เท่าเวทีหลัก แต่ก็เป็นการจุดประกายความหวังให้คนทั้งประเทศได้ว่าเราจะเปลี่ยนประเทศเพื่อประโยชน์ประชาชนอย่างแท้จริง


กำลังโหลดความคิดเห็น