“ม.ล.กรกสิวัฒน์” เผยเสวนาปฏิรูปพลังงาน เวที กปปส. ที่กลายเป็นเวทีเปิด หลังมวลชนเรียกร้อง โต้ “ดร.รักไทย” เอาข้อมูลคล้าย ปตท.มาพูด พร้อมแจงเหตุไม่ได้ขึ้นพูดเวทีปทุมวันไม่เกี่ยว “กำนันสุเทพ-สาทิตย์” เชื่อประเด็นปฏิรูปพลังงานไม่ทำประชาชนแตกแยก
วันนี้ (12 ก.พ.) เมื่อเวลา 19.36 น. ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี อนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา และนักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยกับหม่อมกร ถึงการเสวนาสานพลังสู่การปฏิรูป ประเด็นการปฏิรูปพลังงาน ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่หอศิลปวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเสวนาลับไม่ให้สื่อมวลชนเข้าร่วมว่า
“และแล้วการประชุมเรื่องปฏิรูปพลังงานก็ผ่านไป อย่าถามว่าหน้าห้องประชุมเกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้เพราะผมอยู่ในห้องประชุม ต้องถาม พ.ท.รัฐเขต ครับ แต่ผลของมันก็คือ ทำให้การประชุมปิด กลายเป็นการประชุมเปิดให้ประชาชนร่วมฟังได้
พอย้ายมาห้องประชุมใหญ่ ผมก็เปิดด้วยการชี้แจงว่าที่ผมได้ไม่ขึ้นเวทีปทุมวันนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับลุงกำนันและผู้ใหญ่บ้านสาทิตย์เลย แต่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่เท่านั้น (แต่ผู้ที่แอบอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใคร ผมจะเปิดเผยให้ทราบต่อไปครับ) จากนั้นผมก็ต่อด้วยเรื่องที่มีคนดิสเครดิตภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวด้านพลังงาน โดยกล่าวว่า ถ้าเห็นภาคประชาชนพูดไม่ถูกต้องตรงไหนขอให้คุณอนิก (เมียนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์) และ ดร.รักษ์ไทย ช่วยชี้แนะกันตรงๆ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปที่ถูกต้อง
“เริ่มที่ ดร.รักไทย กล่าวว่าน้ำมันแพงเพราะภาษี และราคาหน้าโรงกลั่นไม่แพงเลย!!! ผมถึงกับตะลึงในคำตอบ เพราะเป็นคำตอบของ ปตท.นั่นเอง ซึ่งถ้าเป็นคนรู้จริงก็จะทราบว่าราคาหน้าโรงกลั่นที่ขายคนไทยนั้นแพงกว่าราคาส่งออกขายต่างชาติ โดยระบุในหนังสือชี้ชวนการขายหุ้นของโรงกลั่นทุกโรง ที่บอกว่าราคาหน้าโรงกลั่นที่ขายคนไทยใช้ราคาสมมติว่านำเข้าจากสิงคโปร์ จึงสามารถบวกค่าใช้จ่ายเทียม ทั้งค่าขนส่งจากสิงคโปร์ ค่าประกันภัย ค่าสูญเสียระหว่างขนส่งได้ ทั้งที่มันบวกไปแล้ว 1 รอบในการนำเข้าน้ำมันดิบ ส่วนการส่งออกให้ใช้ราคาส่งออก ซึ่งราคาทั้ง 2 แตกต่างกันมาก
สรุปว่ากลั่นเมืองไทย มลภาวะอยู่เมืองไทย แต่คนไทยจ่ายแพงกว่าส่งออก (ขัดหลักกลไกตลาดเสรีมาก) ที่ถูกต้องก็คือราคาเฉพาะเนื้อน้ำมันขายคนไทยหรือต่างชาติต้องเท่าๆ กันตามกลไกตลาดโลกครับ การให้บวกค่าใช้จ่ายเทียมได้นี้ คือเงินกินเปล่าของโรงกลั่นครับ ปรับลดลงได้แน่นอน
ส่วนที่บอกว่าแพงเพราะภาษีก็ไม่จริงอีก เพราะภาษีมิได้สูงเมื่อเทียบกับต่างประเทศ แต่สิ่งที่บวกเข้าไปแล้วไม่ควรบวก คือ กองทุนน้ำมัน ที่ปิโตรเคมีลูกของบริษัทพลังงานได้ประโยชน์ไปเต็มๆ ในการซื้อก๊าซหุงต้มราคาต่ำเพียงประมาณ 17 บาทต่อกิโลกรัม โดยใช้สิทธิพิเศษที่มีมติออกมาสมัย นายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดยให้ธุรกิจปิโตรเคมีใช้ก๊าซจากอ่าวไทยก่อนเสมอกับภาคครัวเรือน ผลคือปิโตรเคมีดูดก๊าซไปใช้อย่างก้าวกระโดด ทำให้ก๊าซในประเทศขาดแคลน ภาระของการนำเข้าก๊าซตกจึงแก่กองทุนน้ำมันและภาคประชาชน
วิธีแก้คือ ให้ภาคประชาชนใช้ก๊าซจากอ่าวไทยก่อนเท่านั้น และให้ปิโตรเคมีไปนำเข้าก๊าซเอาเอง เท่านี้ภาระกองทุนน้ำมันก็หมดลง เบนซินก็จะถูกลงลิตรละ 10 บาททีเดียว
สรุปว่าที่กล่าวหาภาคประชาชนว่าข้อมูลไม่ตรงกับเขา ก็เป็นความจริงครับ เพราะเราใช้ข้อมูลมากกว่าที่ปรากฏในเว็บไซต์ของ ปตท.และกระทรวงพลังงานครับ จึงอยากให้ผู้เห็นต่างเปลี่ยนจากการดิสเครดิต ไปเป็นค้นคว้าหาข้อมูลตามที่ผมบอก ก็จะหูตาสว่างกว้างไกลครับ
ผมเชื่อว่าปฏิรูปพลังงานจะไม่ทำให้ประชาชนแตกแยก แต่จะทำให้สีดำแทรกมาในสีขาวหลุดร่วงออกไปเองครับ
ปล.เวทีปิดเร็วกว่ากำหนด….เพราะเหตุใด….ไม่ทราบครับ”
รายงานข่าวแจ้งว่า เดิมนั้นทางแกนนำ กปปส.จะจัดเสวนาเฉพาะวิทยากรที่ทาง กปปส.จัดมาร่วมก้บวิทยากรจากกองทัพประชาชน และเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (กคป.) โดยไม่ให้มีประชาชนเข้าร่วมฟัง อย่างไรก็ตาม ได้มีมวลชนจาก กคป.มาขอเข้าฟังการเสวนา ซึ่งนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส.ได้ปฏิเสธไม่ให้เข้าฟัง และมีการ์ดของ กปปส.มาขัดขวาง ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน จนทางแกนนำ กปปส.ต้องยอม และเปลี่ยนไปเสวนาในห้องประชุมใหญ่ แต่ได้ลดเวลาการเสวนาลง จากเดิมจะจัดถึงช่วงเย็นในเวลา 17.00 น. เหลือเพียงแค่เวลา 12.30 น. โดยเริ่มจากเวลา 11.30 น.ทำให้แต่ละคนมีเวลาพูดเพียง 5-7 นาที ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ ขณะที่นายสาทิตย์ได้เดินออกจากห้องประชุมไปด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ทั้งนี้ บนเวทีเสวนา ม.ล.กรกสิวัฒน์ได้ให้ข้อมูลโต้แย้งนายรักไทย บูรพ์ภาค ในเรื่องของการกำหนดราคาพลังงาน แต่นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ผู้ดำเนินรายการ ได้สรุปว่าข้อมูลไม่ต่างกัน และการเสวนาก็จบลงโดยไม่มีข้อสรุปว่าจะปฏิรูปพลังงานอย่างไร โดยนายเจิมศักดิ์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ต้องล้มระบอบทักษิณก่อน