xs
xsm
sm
md
lg

6 องค์กร รธน.กลับลำไม่เป็นคนกลาง ให้ รบ.-กปปส.ชงเอง จี้คุยเลี่ยงสงครามงดต่อรอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แถลง 6 องค์กรตาม รธน.เปลี่ยนท่าทีไม่เป็นคนกลาง แต่ชงหนังสือ รบ.-กปปส.ให้เสนอชื่อคนกลางฝ่ายละ 10 เพื่อหาชื่อที่ตรงกันมาทำหน้าที่คนกลาง ย้ำพร้อมหนุน เชื่อ 2 ฝ่ายตอบรับสำเร็จใน 1 เดือน จี้ สังคมช่วยกดดัน เชื่อทำสถานการณ์คลี่คลาย ดักอย่าสร้างเงื่อนไขต่อรอง ต้องตาม กม.มิเช่นนั้นถอนตัว ปัดบังคับฝ่ายใด แนะลงบันได เลี่ยงสงคราม เมินต่างชาติจุ้น เลขาฯ กกต.ยัน เร่งจัดการ 170 กว่าคดีเลือกตั้ง

วันนี้ (17 มี.ค.) ตัวแทน 6 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย นางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายโอกาส เตพละกุล ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง และนายพรชัย จำรูญพานิชย์กุล รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้แถลงรูปแบบและแผนที่ความสำเร็จ เพื่อหาทางออกของประเทศ โดยนางผาณิต กล่าวว่า วิกฤตทางการเมืองของประเทศในขณะนี้ ถือเป็นวิกฤตการณ์ที่อาจนำประเทศไปสู่ความเสียหาย ความสูญเสียที่ไม่อาจแก้ไขเยียวยาได้ โดยความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้นจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันของทั้งสองฝ่าย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีเจตนาดีต่อชาติบ้านเมืองด้วยกันทั้งสิ้น จึงจำเป็นที่คนไทยต้องช่วยกันหาทางยุติความขัดแย้ง และสร้างความปรองดองเพื่อหาทางออกให้กับประเทศ และลดความขัดแย้งที่มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงขึ้นเพื่อให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว

นายผาณิต กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาองค์กรอิสระและองค์กรอื่นตามรัฐธรรมนูญไม่ได้นิ่งเฉย มีความห่วงใยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงได้มีการหารือร่วมกันมาโดยตลอด ทั้งที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ รวมทั้งผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ก็มีความเห็นว่า องค์กรอิสระควรเป็นผู้ประสานเบื้องต้น ในการสร้างสะพานเชื่อมในการสื่อสารประเด็นความขัดแย้งระหว่างคู่ขัดแย้ง เพื่อให้ได้ข้อเสนอแนะที่ตกผลึกร่วมกันและข้อยุติที่เห็นร่วมกัน

ขณะที่ นายสมชัย กล่าวว่าการเปิดตัวของ 6 องค์กรตามรัฐธรรมนูญถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำเกินหน้าที่ ไม่ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ยอมรับว่าไม่มีรัฐธรรมนูญมาตราใดที่ระบุว่าเมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งของบ้านเมือง ให้มีองค์กรใดมาทำหน้าที่แก้ไข แต่ที่ทั้ง 6 องค์กร ต้องออกมาเป็นการตระหนักถึงหน้าที่ของพลเมืองไทยที่รักประเทศไทย จึงจำเป็นต้องทำบางอย่างซึ่งก็มีข้อครหา เรื่องความไม่เป็นกลาง และมีการคาดการณ์ว่าสิ่งที่จะเสนอจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทำให้ก่อนแถลงข่าวในครั้งนี้ ทั้ง 6 องค์กรได้มีการประชุมทบทวนแนวทางของ 4 กรอบการเจรจา และ 6 ขั้นตอนความสำเร็จ และใครจะเป็นคนกลางที่จะทำให้การเจรจาประสบความสำเร็จ โดยได้ข้อสรุปว่า ทั้ง 6 องค์กรจะไม่เป็นคนกลางในการเจรจาระหว่างคู่ขัดแย้งหลัก ระหว่างรัฐบาล และ กปปส.แต่จะมีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาล และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส.ในวันพรุ่งนี้ (18 มี.ค.) เพื่อให้แต่ละฝ่ายได้เสนอรายชื่อบุคคลที่แต่ละฝ่ายยอมรับและพร้อมให้เป็นคนกลาง ฝ่ายละ 10 คน เพื่อหารายชื่อที่ตรงกันไม่น้อยกว่า 5 รายชื่อ มาทำหน้าที่คณะคนกลาง เพื่อวางกรอบการเจรจาและแผนความสำเร็จ ซึ่งอาจใช้กรอบการเจรจาเดิมที่ตั้งไว้เป็นแนวทาง หรือไม่ก็ได้ ซึ่งนายโอกาส จะเป็นผู้ทำหน้าที่รวบรวมรายชื่อ

ขณะที่ ทั้ง 6 องค์กรพร้อมที่จะสนับสนุนการจัดประชุมของคณะคนกลาง ซึ่งหากมีเรื่องต้องใช้งบประมาณ ก็จะเป็นผู้เสนอขอต่อรัฐบาล อย่างไรก็ตาม กระบวนการเสนอชื่อคณะคนกลางอาจไม่สำเร็จได้ในครั้งเดียว แต่ละฝ่ายอาจจะต้องเสนอรายชื่อคนกลาง 2-3 ครั้งกว่าจะได้ข้อสรุป แต่หากได้รับการตอบรับจากคู่ขัดแย้งของทั้ง 2 ฝ่ายก็เชื่อว่าน่าจะประสบความสำเร็จภายใน 1 เดือน

“ตามแผนที่ความสำเร็จ 6 ขั้นตอน ตอนนี้เราได้ประกาศต่อสาธารณะเพื่อให้คู้ขัดแย้งมีการแจรจา ซึ่งสังคมต้องร่วมกันกดดันให้เกิดการเจรจา ซึ่งเป็นขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 คือการให้มีคณะคนกลางที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับ ส่วนขั้นตอนที่ 3-6 คือการรับฟังข้อเสนอของทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อสร้างข้อเสนอใหม่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับ การประสานเพื่อปรับข้อเสนอให้ 2 ฝ่ายเข้าใกล้กันมากที่สุด การจัดประชุมของผู้มีอำนาจสูงสุดของทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อสร้างข้อยุติ และการร่วมกันแถลงผลการเจรจาต่อสาธารณะนั้น ต้องให้คณะคนกลางเป็นผู้กำหนดและดำเนินการ 6 องค์กรจะไม่เข้ายุ่งเกี่ยว ซึ่งเชื่อว่ากระบวนการนี้จะทำให้สถานการณ์คลี่คลายมากที่สุด”

นายสมชัย ยังกล่าวอีกว่า บุคคลที่ถูกเสนอมาเป็นคนกลางต้องเสียสละและพร้อมที่จะทำหน้าที่ โดยจะเป็นใครก็ได้ที่ทั้ง 2 ฝ่ายยอมรับ ไม่ปิดกั้นประมุข 6 องค์กร หรือผู้นำเหล่าทัพ หากมีการเสนอชื่อ แต่ทั้งนี้การทำงานของคณะคนกลางจะต้องเป็นไปอย่างเปิดเผย และอยู่ภายใต้การตรวจสอบของสาธารณะ และไม่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของทั้ง 2 ฝ่าย หรือเกี้ยเซี้ยกัน และต้องเป็นไปตามกฎหมายไม่สร้างเงื่อนไขโดยนำคดีต่างๆ ที่ทั้ง 6 องค์กรกำลังพิจารณามาต่อรอง เช่น การพิจารณาคดีของ ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยังคงดำเนินต่อไป กกต.เองก็ยังเดินหน้าจัดการเลือกตั้ง ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งหากว่าไม่เป็นไปตามเงื่อนไขนี้ 6 องค์กรก็จะประกาศถอนตัวทันที

เมื่อถามว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นการบีบให้นายกฯต้องลาออกเพื่อหานายกฯคนกลางใช่หรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ข้อเสนอของทั้ง 6 องค์กร ไม่ได้พูดถึงเนื้อหา ไม่ได้พูดถึงนายกฯคนกลาง หรือนายกฯต้องลาออก ไม่ได้พูดว่าต้องปฏิรูปก่อนหรือหลังเลือกตั้ง รวมถึงไม่ได้พูดว่า กปปส.ต้องยุติการชุมนุม แต่พูดถึงการสร้างกลไกการเจรจาเท่านั้น ซึ่งถ้าหากได้คณะคนกลางแล้วจะเสนออย่างไรเป็นเรื่องของคณะคนกลาง

“การเจรจาจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้า 2 ฝ่ายไม่ปรารถนาให้เกิดการเจรจา ถ้าไม่ปรารถนาก็ไม่สำเร็จ ซึ่งถ้าฝ่ายหนึ่งไม่เสนอรายชื่อมาก็เท่ากับว่าไม่สามารถหาคนกลางได้แล้วในประเทศนี้ เราก็ไม่ทำ ทุกอย่างก็จะจบ ถึงตอนนั้นถ้าอยากทำสงครามก็ทำต่อไปอยากจะชนช้างทำยุทธหัตถีก็ทำกันไป วันนี้เราทอดบันไดลงให้ทั้ง 2 ฝ่ายแล้วท่านต้องรู้จักใช้บันไดลง แต่ถ้าจะยังทำสงครามชนช้างกันต่อ ความเสียหายของประเทศชาติที่จะเกิดขึ้นท่านต้องรับผิดชอบ”

เมื่อถามต่อว่า มีการกำหนดเงื่อนเวลาในการรอคำตอบของทั้ง 2 ฝ่ายเท่าใด นางผาณิต กล่าวว่า คิดว่าทั้ง 2 ฝ่ายคงรอฟังอยู่ ถ้าจริงใจในการแก้ปัญหาด้วยการเจรจา ท่านคงคิดได้ตั้งแต่วันนี้ 7 วันก็ถือว่าช้าไปแล้ว ฉะนั้นถ้าตอบได้ภายใน 7 วันก็เป็นการดี

เมื่อถามต่อว่าจะมีการเชิญคู่ขัดแย้งอย่าง นปช. คปท.ร่วมวงเจรจาด้วยหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า กระบวนการเจรจาในครั้งนี้จะไม่ขยายคู่ขัดแย้ง เพราะประเด็นจะแตกออกไปมากในการเจรจาเราจะนำคู่ขัดแย้งหลักมาเจรจาเท่านั้น อีกทั้งเราไม่ได้หวังว่าจะต้องสำเร็จ เพราะปัญหามีมากและยาวนาน แต่คิดว่าหากมีความหวังแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เราก็จะทำ

เมื่อถามว่า หากการเจรจาครั้งนี้ล้มเหลว จะให้องค์การสหประชาชาติ เข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจาหรือไม่ นางอมรา กล่าวว่า อย่าเพิ่งสิ้นหวังตั้งแต่ยังไม่ได้ทำ เราเชื่อว่าสังคมไทยพร้อมที่จะเป็นคนกลางในการเจรจา ไม่จำเป็นต้องดึงคนต่างชาติเข้ามาเจรจา

ด้าน นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางสำนักงาน กกต.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อรวบรวมเอกสารหลักฐาน เกี่ยวกับการขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งในส่วนของการขัดขวางการรับสมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ รวมถึงการฟ้องร้องทางแพ่ง เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง และคดีต่างๆ ที่ กกต.ถูกฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมีทั้งสิ้น 170 กว่าคดี และยืนยันว่า กกต.จะดำเนินการให้เร็วที่สุด



















กำลังโหลดความคิดเห็น