xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ซัด “ปู” ไร้จิตสำนึก ไม่ยอมรับกระบวนการทาง กม.สะท้อนวิธีคิดตระกูลชินวัตร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต (แฟ้มภาพ)
โฆษก ปชป.ประณาม “ยิ่งลักษณ์” ไร้จิตสำนึก ล้มเหลวด้านจริยธรรม ไม่ยอมรับกระบวนการทางกฎหมาย สะท้อนวิธีคิดคนตระกูลชินวัตร ไม่ยอมรับการตรวจสอบ แถมเปิดธาตุแท้ขู่ใช้ความรุนแรงหากถูกกฎหมายเล่นงาน เชื่อคนไทยไม่กลัวเพราะร่วมปกป้อง ซัดชอบโยนผิดคนอื่น คิดแต่คำแก้ตัวไม่คิดแก้ปัญหา เหน็บควรออกไปแสดงละคร เพราะยิ้ม โกรธ ร้องไห้ ได้ในเวลาไม่กี่วินาที บี้ “เฉลิม” แจง ศรส.ใช้งบ 3.5 พันล้านใน 3 เดือน แนะ กกต.สอบปมขัด รธน.เย้ย “ปึ้ง” โวเก่งการทูตกว่าคนบัวแก้ว แค่ตัวตลก ลั่นไทยมีวุฒิภาวะแก้ปัญหาชาติเองได้ ไม่ต้องพึ่งเลขาฯยูเอ็น


นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ออกมาปฏิเสธการใช้กฎหมายในการดูแลประชาชน โดยยืนยันถึงสองครั้งว่าไม่ต้องการให้ประเทศไทยใช้กระบวนการทางกฎหมายตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลว่า เป็นความล้มเหลวด้านจริยธรรมของบุคลากรทางการเมืองไทยครั้งประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ว่าสังคมใดที่ไม่ใช่สังคมวิกลจริตไม่มีทางยอมรับได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวหาว่า องค์กรอิสระใช้กฎหมายไล่ล่าจนไม่มีที่ยืน เท่ากับยอมรับว่ามีพฤติกรรมขัดต่อกฎหมาย ทุจริต คอร์รัปชัน ไม่สามารถยอมรับกระบวนการตรวจสอบของประเทศได้ นับเป็นเรื่องที่น่าเสียใจและคนไทยต้องให้สติ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตนไม่ทราบว่ากุนซือคนไหนคิดคำพูดให้ แต่คำพูดเหล่านี้จะติดตัวจนวันตาย ซึ่งสะท้อนหลักการทำงานและหลักคิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย ที่ไม่ยอมรับกระบวนการตรวจสอบ และของดเว้นการใช้กฎหมายตรวจสอบ

“ที่บอกไม่ให้ใช้กฎหมายกำลังจะบอกให้ใช้ความรุนแรง อาวุธสงครามเข้าห้ำหั่นโดยไม่ต้องเคารพกฎหมายใช่หรือไม่ และที่พูดว่าใครทำไม่ดีขอให้สังคมออกมาประณามแปลว่าต่อไปนี้ถ้ามีใครฆ่าคนตาย ไม่ต้องจับติดคุกให้สังคมประณาม แล้วจะอยู่กันอย่างไร และตอนนี้คนประณามตัวเองมาเป็นปีกันทั้งประเทศ ทำไมไม่รับรู้ เพราะถ้ามีจิตสำนึกคงไม่สร้างปัญหาให้บ้านเมือง การประณามจึงใช้ไม่ได้ผลกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องใช้กฎหมายในการตรวจสอบ

นอกจากนี้ยังขู่ประเทศไทยว่าถ้าใช้กฎหมายมากๆ จะยืนสู้ แปลได้ว่าจะให้คนเสื้อแดงเผาเมืองอีกใช่หรือไม่ ความเสียหายของบ้านเมืองที่ผ่านมาสอดคล้องกับความคิดของคนในตระกูลชินวัตร ขณะที่ นปช.ประกาศลั่นกลองรบ ผมเชื่อว่าไม่มีคนไทยกลัวแต่จะช่วยกันปกป้องระบบนิติธรรม นิติรัฐ ไม่ยอมให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และตระกูลชินวัตรอยู่เหนือกฎหมาย และคนไทยพร้อมรักษาประเทศให้ปลอดภัยจากน้ำมือของ น.ส.ยิ่งลักษณ์”

ส่วนที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญ ทั้งเนื้อหาและกระบวนการตรากฎหมาย แต่พรรคเพื่อไทยออกมาโจมตีว่าสองมาตรฐานโดยนำไปเทียบกับ พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็ง ถือเป็นความพยายามบิดเบือนความจริง เพราะพ.ร.ก.ไทยเข้มแข็ง เป็นพระราชกำหนดไม่ใช่พระราชบัญญัติ โดยพระราชกำหนดจะถูกตรวจสอบโดยรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 แต่ถ้าเป็น พระราชบัญญัติจะถูกตรวจสอบตามมาตรา 169 จึงนำมาเปรียบเทียบไม่ได้ โดยในขณะนั้นพรรคเพื่อไทยยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตาม มาตรา 184 และศาลรัฐธรรมนูญก็ชี้ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน และการที่พรรคเพื่อไทย เปรียบเทียบเรื่องนี้ขอให้ย้อนกลับไปดูวันที่มี พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยื่นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 ศาลก็ชี้ว่าจำเป็นทั้งที่พวกตนไม่เห็นด้วย แต่ก็เคารพคำวินิจฉัยของศาล รัฐบาลพยายามบิดเบือนกล่าวหาศาลรัฐธรรมนูญและพรรคประชาธิปัตย์ โดยนำกรณีที่แตกต่างกันมาเปรียบเทียบกันระหว่างพระราชกำหนด กับพระราชบัญญัติเพื่อให้เกิดความสับสน

ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอขยายเวลาชี้แจงต่อ ป.ป.ช.45 วัน แต่ ป.ป.ช.อนุญาตให้ขยายเวลาได้ 15 วันนั้น นายชวนนท์ กล่าวว่า ขอถามว่าเอาเวลาไปทำอะไรทำไมไม่อ่านข้อกล่าวหา 49 หน้า แต่ปากบอกว่าพร้อมให้ตรวจสอบในขณะที่พฤติกรรมไม่พร้อมให้มีการตรวจสอบ มีแต่กล่าวหาคนอื่นพยายามตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ กล่าวหา กปปส.ไปปิดทำให้ประมูลข้าวไม่ได้ กู้เงินไม่ได้ เพราะ กกต.คิดแต่คำแก้ตัวไม่คิดแก้ปัญหา แก้ตัวทั้งวันไม่แก้ปัญหาสักเรื่อง เพราะการประมูลข้าวไม่กระทบกับการชำระหนี้ที่ค้างกว่าแสนล้านบาท เพราะการประมูลข้าวได้เงินไม่กี่พันล้านเท่านั้น

“คุณยิ่งลักษณ์ต้องเลิกโกหกและแสดงละคร หากหมดตำแหน่งนายกฯอาจไปเล่นละครได้ เพราะยิ้ม โกรธ ร้องไห้ ได้ในเวลาไม่กี่วินาที ในขณะที่คนไทยจะตาย เพราะการแสดงละครของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงขอให้เลิกโทษคนอื่น แต่ให้โทษตัวเองเวลามองกระจก ถึงเวลาสละอำนาจเพื่อประเทศไทย เพราะสร้างความเสียหายครบวงจรทั้งเศรษฐกิจ สังคมไทย การเมืองและจริยธรรม”

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรียกร้องให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงานและสวัสดิการสังคม ในฐานะ ผอ.ศูนย์รักษาความสงบ หรือศรส.ชี้แจงการใช้จ่ายงบประมาณหลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่อนุมัติงบประมาณ 1,059 ล้านบาท จาก 3,500 ล้านบาท เนื่องจากขาดความชัดเจน ทำให้มีการตั้งคำถามว่าในช่วง 3 เดือน เหตุใดจึงใช้งบประมาณถึง 3,500 ล้าน หรือมีค่าไวน์ ค่าอาหาร รวมอยู่ด้วยหรือไม่ ต้องชี้แจงว่านำเงินไปทำอะไร เพราะขณะนี้มีการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญด้วยว่า การตั้ง ศรส.ผิดกฎหมาย เพราะทำในขณะที่เป็นรัฐบาลรักษาการ หากมีการชี้ว่าขัดรัฐธรรมนูญ ศรส.จะเป็นองค์กรเถื่อน จึงอยากให้ กกต.พิจารณาเรื่องนี้ด้วย และ ศรส.ต้องมีคำตอบว่าใครจะรับผิดชอบต่อการผลาญงบประมาณที่เกิดขึ้น

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ที่ออกมาตอบโต้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่ออกจดหมายเปิดผนึกต่อต้านพฤติกรรมดึงองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศไทยว่า ไม่รู้เรื่องการต่างประเทศดีเท่ากับตนเองว่า ใครอ่านคำสัมภาษณ์ดังกล่าวแล้วไม่ขำก็คงมีปัญหา นายสุรพงษ์กำลังเป็นตัวตลกของข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นผู้ทำลายองค์กรที่มีศักดิ์ศรีของกระทรวงการต่างประเทศ ที่อ้างว่าจะนำยูเอ็นเข้ามาเพราะไม่อยากให้เด็กตีกันก่อนที่จะให้ครูเข้ามา

“ผมยืนยันว่าคนไทยไม่ใช่เด็กของยูเอ็น ถ้านายสุรพงษ์อยากเป็นเด็กของยูเอ็นก็เชิญไปเรียนหนังสือกับยูเอ็นที่ประเทศอื่น เพราะคนไทยมีวุฒิภาวะแก้ปัญหากันเองได้ ไม่มีใครเกรงกลัวองค์กรระหว่างประเทศ แต่ต่อต้านเพราะไม่ต้องการให้นายสุรพงษ์นำประโยชน์ชาติไปแลกเปลี่ยนประโยชน์ทางการเมืองของนักการเมืองที่คิดขายชาติ ด้วยการนำกิจการภายในไปเร่ขายเปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาขยายอิทธิพลก้าวก่ายการบริหารประเทศ เมื่อเข้ามาได้จะให้ออกไปก็ยาก นายสุรพงษ์จึงต้องเข้าใจว่าข้าราชการทำงานอย่างมืออาชีพ ไม่ใช่นักการเมืองชั่วที่คิดกอบโกยประโยชน์โดยเอาประโยชน์ชาติไปแลก”


กำลังโหลดความคิดเห็น