xs
xsm
sm
md
lg

“โภคิน” ไม่ห่วง กกต.จ้องฟันออกทีวี “จิรายุ” แถโต้คน ปชป.ออกทีวีหลายช่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โภคิน พลกุล (ภาพจากแฟ้ม)
ผู้สมัคร ส.ส.เพื่อไทย ดาหน้าโต้ กกต.ปมออกสื่อรัฐช่วงหาเสียง “โภคิน” อ้างแค่พูดให้ความรู้ โวยองค์กรอิสระจ้องเชือดรัฐบาล โทษ ปชป.ไม่ลงเลือกตั้งเหมือนเดิม “เด็จพี่” ร่วมโวย กกต.เลือกปฏิบัติ วอนชาวนาประณาม “สุเทพ” หลังม็อบชาวนาบุกพาณิชย์ ล้มประมูลข้าวเน่า “ภูมิธรรม” อ้างนายกฯ ร้องไห้เพราะอึดอัด เด็จน้อง “จิรายุ” ผสมโวยที่ออกสื่อรัฐเพราะถูก ส.ส.ปชป.ออกทีวีด่าหลายช่อง

วันนี้ (13 มี.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายโภคิน พลกุล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะเอาผิดผู้สมัครพรรคเพื่อไทยที่ไปออกรายการโทรทัศน์ ซึ่งเป็นสื่อของรัฐในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เลือกตั้งว่า ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะทางรายการเป็นคนเชิญมา ไม่ได้ไปบีบบังคับให้รายการนำตนไปออกทีวี และหลายครั้งก็ปฏิเสธไป อีกทั้งเมื่อไปออกสื่อก็ไม่ได้โฆษณาหาเสียงอะไร พูดแค่เรื่องให้ความรู้เกี่ยวการเลือกตั้งเท่านั้น ถ้า กกต.จะให้ใบแดงก็ต้องมาดูกันว่าเป็นอย่างไร เรื่องนี้ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย มองว่าไม่น่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้ง ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. 57 เป็นโมฆะนั้น มองว่าการกระทำดังกล่าวเหมือนเพิ่มอำนาจให้องค์กรอิระและศาลรัฐธรรมนูญ คนที่ทำการสุจริตมีความผิด ส่วนคนที่ไม่สุจริตขัดขวางให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ถูกมองว่าถูกอยู่เช่นนี้แล้วประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไป สิ่งที่เป็นอยู่นี้เป็นผลพวงจากที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงเลือกตั้ง จึงเกิดการขัดขวางต้องการให้เลือกตั้งเป็นโมฆะ

นายโภคิน กล่าวว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทขัดรัฐธรรมนูญนั้น มองว่าคงไม่มีการยื่นอุทธรณ์ เพราะศาลได้วินิจฉัยในหลักการใหม่คือเงินกู้ต้องส่งคลังทั้งหมด จะได้ไม่มีรายรับรายจ่ายขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี เช่น มี 100 ก็ใช้เพียง 100 แต่ที่รัฐบาลคิดคือ มี 100 อาจจะใช้ 120 เพื่อทำการเสริมสภาพคล่อง และเป็นการขอกรอบวงเงิน ไม่ได้เป็นการอนุมัติโครงการ เมื่อครั้งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมีการยื่นเรื่องให้ตีความเงินกู้ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็งลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ

“ตอนนี้องค์กรอิสระจ้องเชือดรัฐบาล ทั้งโครงการประชานิยมต่างๆ รวมทั้งการเปิดสภาไม่ทันตามกำหนด หลังการเลือกตั้งภายใน 30 วัน อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยไม่มีความเป็นห่วงอะไร โครงการรับจำนำข้าว ชาวนาก็เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรงมากที่สุด หรือการเปิดสภาไม่ทันกำหนดหลังการเลือกตั้งภายใน 30 วัน ก็ต้องมองว่าถึงเราจะถูกรังแกขัดขวางอย่างไรก็ต้องรักษาประชาธิปไตยเพื่อให้ประเทศไทยเกิดสันติสุข แต่ที่เราเป็นห่วงมากคือองค์กรอิสระอย่าล้มการเลือกตั้ง” นายโภคิน กล่าว

ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุ กกต.เตรียมพิจารณาผู้สมัคร ส.ส.16 คนของพรรคเพื่อไทย อาจเข้าข่ายขัดกฎหมายเลือกตั้ง หลังใช้สื่อของรัฐหาเสียงว่า ทางฝ่ายกฏหมายของพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้วเห็นว่าไม่ได้ขัดกฎหมาย เพราะไม่เข้าข่ายการหาเสียง ตนอยากให้นายสมชัยดูที่เนื้อหาก่อน ซึ่งเรื่องนี้เป็นการเลือกปฏิบัติหรือลุแก่อำนาจหรือไม่

นายพร้อมพงศ์ ยังได้กล่าวถึงกรณีที่ กกต.เชิญอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ ผอ. ช่อง 11 มาชี้แจงถึงการตรวจสอบนายกฯ ในการลงพื้นที่ตรวจราชการ เข้าข่ายหาเสียงขัดกฏหมายหรือไม่ว่า เรื่องนี้เป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่ เป็นการใช้อำนาจโดยการไม่เคารพการทำหน้าที่ของสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อของรัฐหรือเอกชน เพราะไม่มีกฎหมายห้ามไม่ให้สื่อเชิญใครหรือไม่เชิญใครมาออกทีวี

โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังได้กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มชาวนาและผู้ชุมนุม กปปส.บุกเข้าพื้นที่กระทรวงพาณิชย์ ตัดไฟ ล้มการประมูลข้าวผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าฯ จนต้องยกเลิกกลางคันว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.และพวกทำตัวปากว่าตาขยิบ ปากบอกช่วยชาวนา แต่ให้มวลชนมาขัดขวางการประมูลข้าว เพราะหากประมูลสำเร็จกระทรวงพาณิชย์จะได้นำเงินมาจ่ายให้ชาวนา นี่คือการขัดขวางการทำหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ ตนขอเรียกร้องให้ชาวนาทั้งประเทศ ออกมาประณามการกระทำของนายสุเทพและพวก

“ชาวนาที่หลงเชื่อคำยั่วยุของนายสุเทพและพวก ควรตาสว่างได้แล้ว ถ้ายังร่วมกันขัดขวางอยู่กว่าชาวนาจะได้รับเงินคงอีกนาน สิ่งที่นายสุเทพและพวกทำแสดงให้เห็นว่าทำทุกอย่างเพื่อให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ ทำตัวเป็นคนดี แต่พฤติกรรมต่ำทราม” โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายกฏหมายของพรรคประชาธิปัตย์ พยายามเดินหน้าเอาผิดรัฐบาล ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.บ. เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ขัดกฏหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 169 นั้น เรื่องนี้สำหรับพรรคเพื่อไทย ไม่อยู่เหนือความคาดหมาย เจตนาเห็นได้ชัดต้องการล้มรัฐบาล ที่ไปยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดนายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเรียกร้องให้รัฐบาลรับผิดชอบนั้น เป็นแค่เกมการเมือง ซึ่งรัฐบาลไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ เพราะได้ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาแล้ว ไม่ใช่ทำตัวได้ทีขี่แพะไล่ เพราะทำประเทศล้าหลังไป 20 ปี พรรคประชาธิปัตย์ควรหันกลับมาทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่คอยเตะตัดขารัฐบาล

ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ต้องรอให้ศาลอุทธรณ์มีคำตัดสินที่ชัดเจนออกมาก่อน พรรคจึงจะประชุมเพื่อกำหนดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะเป็น พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการ ป.ป.ส.หรือไม่ต้องหารือก่อน แต่ยืนยันว่าจะส่งผู้สมัครลงแน่นอน ไม่กลัวว่าคะแนนเสียงจะลดลง เพราะพรรคการเมืองต้องเคารพเสียงประชาชน อีกทั้งจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้วประชาชนคิดเห็นอย่างไร

ส่วนกรณีศาลรัฐธรรมนูญ ตีตกร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาทนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า รู้อยู่แล้วว่าผลจะออกมาแบบไหน เมื่อศาลวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ ร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ก็ต้องตกไป หลังจากนี้พรรคคงต้องหารือกัน แต่เบื้องต้นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ได้เตรียมการรองรับไว้แล้ว โดยยังยืนยันความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมเพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาค และหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะหาช่องทางดำเนินการ

“รู้สึกเห็นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ที่ต้องประคับประคองบ้านเมืองในสถานการณ์ขณะนี้ การที่นายกฯ น้ำตาคลอหลายครั้งในระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ไม่ใช่เพราะอ่อนแอ แต่เป็นความอึดอัด คับข้องใจ ที่ทำอะไรไม่ได้ และที่ผ่านมานายกฯ ไม่เคยบ่นท้อ แถมยังให้กำลังใจสมาชิกให้ทุกคนเคารพหลักการ ยึดหลักประชาธิปไตย ลดการเผชิญหน้าและไม่ใช้ความรุนแรง” นายภูมิธรรมกล่าว

ขณะที่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องไปยังหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้เตรียมวางแผนสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ใหม่ดีกว่าว่าจะหาเสียงอย่างไรให้ชนะ โดยไม่ต้องใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่ง หากไม่ชี้หน้าด่าคนอื่นให้ตัวเองดูดี ไม่รู้ว่าจะชนะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่ ตอนนี้ทางพรรคขอรอศาลมีคำพิพากษาออกมาก่อนว่าจะให้เลือกตั้งใหม่หรือไม่ ภาค กทม.พร้อมต่อสู้ในสนามเลือกตั้ง เพราะการเลือกตั้งปีที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ชนะพรรคเพื่อไทยไปไม่กี่เสียง ถ้าเปรียบเทียบว่าคน กทม.100 คน เลือกพรรคประชาธิปัตย์ 51 คน และเลือกพรรคเพื่อไทย 49 คน ดังนั้น หากพรรคประชาธิปัตย์เล่นแฟร์เพลย์ ไม่ใส้ร้ายป้ายสีก็คงไม่ต้องเสียงบประมาณในการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.ใหม่อีกเป็นพันๆ ล้านบาท

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ตอนนี้ผู้สมัครของพรรคยังเป็น พล.ต.อ.พงศพัศ อยู่ โดยพรรคจะรอผลการพิพากษาของศาลก่อนที่จะกำหนดทิศทางการเตรียมการเลือกตั้งและออกเป็นมติพรรคต่อไป ส่วนที่มีข่าวว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.จะลาออกนั้น ตนอยากเรียกร้อง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ อย่าเพิ่งลาออก เพราะเหมือนเป็นการตัดตอนคดี แต่หากลาออกจริงทางคณะกรรมการปราบโกงของพรรคเพื่อไทย จะดำเนินการตรวจสอบการใช้งบประมาณของรองผู้ว่าฯ กทม.อย่างเข้มงวด

นายจิรายุ กล่าวว่า นโยบายดีแต่ด่า ดีแต่พูด ที่ใช้ในการโจมตีคู่แข่ง เป็นการกระทำส่วนตัวของบุคคล หรือเป็นนโยบายของหัวหน้า ขณะนี้มีเกิดขึ้นหลายพื้นที่ อย่างที่เขตคลองสามวา นายสมัย เจริญช่าง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไปขึ้นป้ายโฆษณา ใส่โลโก้พรรคประชาธิปัตย์ ด่ากราดไปทั่ว ไม่เหมาะกับคนที่เคยเป็นครูบาอาจารย์ ตนจึงอยากถามไปยังหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ว่า การให้สมาชิกพรรคใช้โลโก้ของพรรคไปขึ้นป้ายด่ากราดเช่นนี้ เกี่ยวโยงกับพรรคและเป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ทั้งนี้ ตนและทีมกฏหมายของพรรคจะเข้าแจ้งความดำเนินคดี และยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ดำเนินคดีเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของนายสมัย เนื่องจากนายสมัย เป็นสมาชิกพรรค และเป็นผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะขณะนี้ยังอยู่ในช่วง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง

นายจิรายุ ยังกล่าวถึงกรณีที่ กกต.เตรียมพิจารณาผู้สมัคร ส.ส.16 คนของพรรคเพื่อไทย อาจเข้าข่ายขัดกฎหมายเลือกตั้ง หลังใช้สื่อของรัฐหาเสียงว่า ตนอยากให้ไปตรวจสอบในกรณีเดียวกันในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ เป็นรัฐบาลรักษาการ มีรัฐมนตรีและผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ไปออกรายการทีวี ของรัฐเป็นจำนวนมาก ที่ต้องมีผู้สมัครของพรรคออกไปพูดนั้น เพราะในช่วงตั้งแต่การมีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ก็มี อดีต ส.ส.หรือกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ไปออกรายการสถานีโทรทัศน์หลายช่อง และเปิดฉากด่าใส่ร้ายป้ายสีอย่างเดียว องค์กรอิสระที่เป็นที่พึงของประชาชน ต้องทำงานปราศจากอคติ แม้จะมีการอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ลงเลือกตั้ง แต่กฎหมายการเลือกตั้งย่อมคุ้มครอง ผู้สมัครทุกพรรคที่จะได้รับผลกระทบจากการใส่ร้ายป้ายสี เพราะพรรคประชาธิปัตย์ยังมีสถานะเป็นพรรคการเมืองอยู่ ถ้าไม่อยากทำงานเพื่อประชาชน ก็แจ้งยกเลิกพรรคการเมืองไป


กำลังโหลดความคิดเห็น