“คำนูณ” ชี้ปลาย มี.ค.-เม.ย.เกิดจุดเปลี่ยนแปลงสำคัญ เพราะเป็นช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเลือกตั้งเป็นโมฆะ บวกกับ ป.ป.ช.ชี้มูล “นายกฯ-ส.ส.-ส.ว.” คาดเกิดสุญญากาศการเมืองหลังเลือกตั้ง ส.ว. ฉะนั้นประธานวุฒิสภาคนใหม่จึงสำคัญมาก ระบุต้องเลือกฝ่ายตรงข้าม “ทักษิณ” เข้ามาให้ได้เกิน 15 คนขึ้นไป
วันนี้ (12 มี.ค.) นายคำนูณ สิทธิสมาน กล่าวในรายการ “เกาะติดสถานการณ์การชุมนุม” ช่วงวิเคราะห์สถานการณ์ทางเอเอสทีวีว่า เรื่องคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ป่วยการพูดว่ารัฐบาลจะรับผิดชอบ เขาคงไม่รับผิดชอบอะไร ก่อนหน้านี้เรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมร้ายแรงกว่านี้เยอะก็ยังไม่รับผิดชอบเลย เรารอดูเหตุการณ์ข้างหน้าดีกว่า วันนี้สถานการณ์น่าสนใจว่าแนวรบทางด้านกฎหมายรัดตัวเข้ามาแล้ว
นอกจากวันนี้ศาลวินิจฉัยออกมาแล้วว่าร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทขัดต่อรัฐธรรมนูญ เรื่องที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน คือ ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดินให้วินิจฉัยว่าเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะ โดยมีมติ 5 ต่อ 4 ซึ่งสำคัญมาก เพราะเป็นคำร้องที่จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองคืบไปอีกขั้นนึง แล้วศาลมีมติให้พิจารณาเร็ว คือวันพุธที่ 19 มี.ค.ก็จะเรียก 3 ฝ่ายมาชี้แจง คือประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือผู้แทน ประธาน กกต.หรือผู้แทน และนายกฯ หรือผู้แทน คดีนี้เป็นคดีข้อกฎหมาย ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยมาแล้ว ตนจึงคาดการณ์ว่าทุกอย่างจะลงตัวเข้าจุดสำคัญในช่วงปลาย มี.ค.ไปจนถึง เม.ย. โดยศาลจะประชุมทุกวันพุธ ก็เป็นไปได้เมื่อเรียกทุกฝ่ายมาชี้แจงแล้วเคลียร์เลย หรือไม่คลียร์ก็เชิญพยานมาเพิ่มเติม ประกอบกับศาลเคยวินิจฉัยไว้มีพื้นฐานพอสมควร ฉะนั้นอาจรู้ผลว่าเลือกตั้งเป็นโมฆะหรือไม่ ไม่เกินวันพุธที่ 2 เม.ย. อาจบวกลบ 1 สัปดาห์ แต่ภายในเมษายนแน่นอน ถ้าเลือกตั้งเป็นโมฆะจะเป็นการคลี่คลายสถานการณ์ไปเปลาะหนึ่ง
นายคำนูณกล่าวต่อว่า เม.ย.จะมีเหตุการณ์สำคัญเข้ามา สัปดาห์หน้าคดีเรื่องแก้ไขที่มา ส.ว.มีคดีสองกลุ่ม คือ ประธานวุฒิสภาและประธานสภาผู้แทนฯ กับอีกกลุ่มคือพวก ส.ส.-ส.ว.ที่ลงมติ เมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วเข้าสู่กระบวนการถอดถอน โดยใช้เวลาประมาณ 40 วัน ซึ่งเป็นไปได้สูงว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีการชี้มูลประธานวุฒิสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ และรองประธานวุฒิฯขึ้นมาทำหน้าที่แทน จากนั้นอาจตามด้วยการชี้มูล ส.ส-ส.ว.ที่ถูกกล่าวโทษไปแล้ว ถ้า ส.ส.ถูกชี้มูลจะมีผลต่อการที่พวกเขาสมัครรับเลือกตั้งอยู่ และถ้า ส.ว.ถูกถอดถอนจะมีผลต่อจำนวนในการทำหน้าที่ต่อไป เพียงแต่ว่าระยะเวลาอาจไม่ทันการบางประการ เพราะจะมีเลือกตั้ง 30 มีนาคม ชัดเจนแล้วหลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศอย่าเลือกขี้ข้าทักษิณ การเลือกตั้งคงเดินหน้าไปได้ แต่จะได้ถึง 95 เปอร์เซ็นต์เมื่อไหร่เป็นอีกประเด็นหนึ่งเพราะคงมีการร้องเรียน
อีกประการนายกฯ จะถูก ป.ป.ช.ชี้มูลคดีทุจริตจำนำข้าวเมื่อไหร่ เขาขอขยายยื่นคำให้การจาก 14 มี.ค.ออกไปอีก 45 วัน เชื่อว่า ป.ป.ช.คงให้เลื่อนแต่คงไม่ถึง 45 วัน ครบกำหนดเมื่อไหร่คงถึงเวลาชี้มูล น่าจะตกอยู่ที่เดือน เม.ย. ฉะนั้นช่วงสงกรานต์จะมีคดีความที่ ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน
นายคำนูณกล่าวอีกว่า เหตุการณ์เหล่านี้ไม่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของทักษิณ เขาอ่านเกมขาดว่าเลือกตั้งจะโมฆะ แต่มั่นใจว่าเลือกตั้งรอบใหม่ประชาธิปัตย์จะลงสมัครแล้วเพื่อไทยก็จะชนะอีก แต่ไม่ง่ายอย่างนั้น ถ้ามวลชนเสื้อแดงออกมาสร้างความรุนแรง ก็ต้องวัดใจกองทัพว่าจะเอาอย่างไร ด้าน กปปส.ก็จะต้องนัดชุมนุมใหญ่ ถ้ารัฐบาลไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญ นายสุเทพวางยุทธศาสตร์ไว้ว่าเอาศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช.เป็นหลังพิงให้ ฉะนั้นต้องวัดใจทุกฝ่ายว่าจะเป็นอย่างไร
ส่วนประเด็นนายกฯ ตามมาตรา 7 ก็ไม่ง่าย จังหวะต้องลงตัวและสอดคล้องกัน แต่ปลายมี.ค.-เม.ย. มีหลายอย่างขมวดปมเข้ามา หลังชี้มูลนายกฯมีคนบอกว่า ให้ ครม.รักษาการแทนได้ แต่ตนเห็นว่า ครม.คนอื่นไม่สามารถขึ้นแทน เพราะพ้นสภาพไปแล้วตอนยุบสภา เทียบกับสมัยทักษิณไม่ได้ เพราะทักษิณไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะผลของกฎหมาย แต่เขาลาพัก ซึ่งถ้ามีคนรักษาการแทนก็ไม่เกิดสุญญากาศ แต่เลือกตั้ง ส.ส.ไม่เสร็จ ก็จะเหลือสภาเดียว คือวุฒิสภาเก่า ประธานคนเก่า หรือรองประธานฯรักษาการแทน ผลของนายกฯ มาตรา 7 ก็จะต่างกันไป
แต่ถ้าเลย 30 มี.ค.มีเลือกตั้งวุฒิสภา กลาง เม.ย. มีประชุมเลือกประธานวุฒิสภาคนใหม่ ก็ลุ้นว่าจะเป็นใคร ตอนนี้มี ส.ว.สรรหามี 73 คน เสียงที่หวังได้ว่าเป็นอิสระคงได้ถึง 50-60 คน ฉะนั้นจะเลือกประธานคนใหม่ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทักษิณ ต้องเลือกฝ่ายเราให้ได้ 15 คนขึ้นไป เพื่อจะได้เกินกึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 150 คน แต่การถอดถอนต้องให้ได้ถึง 90 คน ต้องหามาเพิ่มให้ได้ 30 คน
การเลือกประธานวุฒิสภา ส.ว.สรรหา คงเห็นพ้องต้องกันไม่ยาก แต่การลงมติถอดถอนอาจคิดต่างกัน เพราะไม่มีพรรค อิสระต่อกัน ฉะนั้นจะมาถามว่า 40 ส.ว. มีกี่คน ตอบไม่ได้ เพราะบางทีก็มีมากมีน้อยต่างกันไปแล้วแต่ประเด็น แต่ประเมินว่าเลือกประธานวุฒิสภา 60 คนบวกของใหม่ 15 คนขึ้นไป ก็มีโอกาสได้ประธานคนใหม่ที่ไม่ใช่ขี้ข้าทักษิณ ซึ่งสำคัญมาก เพราะสุญญากาศอาจยังไม่เกิดในช่วงที่รองประธานวุฒิฯรักษาการ คงจะยาวออกไป ยิ่งถ้าเลือกตั้งเป็นโมฆะจะมีสภาเดียวไปอีกนาน