xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ไล่รัฐไม่เคารพองค์กรอิสระก็ลาออก จี้ รับคำวินิจฉัยกู้ 2 ล้านล้าน เลิกส่งแดงขู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะกรรมการกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์(แฟ้มภาพ)
“ราเมศ” ตอก รัฐไม่เคารพองค์กรอิสระ ไล่ลาออกไปทั้ง ครม.เลิกใส่ร้ายจ้องล้มรัฐ ย้อนดูพฤติกรรมตัวเอง อย่าบ่นถูกยุบพรรคบ่อย ชี้ ไม่ผิด กม.ก็ไม่โดน ขอให้จับตาศาลตัดสินกู้ 2 ล้านล้าน ยันสร้างหนี้ชาติเสียหายอย่างคาดไม่ถึง พรรคพร้อมรับคำตัดสิน จี้ พท.ให้คำสัตย์รับคำวินิจฉัย อย่าปากว่าตาขยิบส่งสาวกข่มขู่ ขัด รธน.จริง นายกฯต้องรับผิดชอบ

วันนี้ (9 มี.ค.) นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะกรรมการกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยพยายามทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระต่างๆ ว่า ขณะนี้น่าเป็นห่วงที่องค์กรตรวจสอบต่างๆ ถูกให้ข่าวพาดพิงทำให้ประชาชนเข้าใจผิดและเกิดความสับสน ทั้งกรณีไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญยื่นถอดถอนตุลาการศาล กรณีศาลแพ่งที่ตัดสินเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ล่าสุดคือกรณีศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินกรณี นายถวิล เปลี่ยนศรี ให้กลับมาเป็นเลขาฯ สมช.ก็บิดเบือนว่าศาลปกครองขัดขวางการทำงานของรัฐบาล หรือ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหานายกรัฐมนตรีไปรับทราบข้อกล่าวหาเรื่องทุจริตจำนำข้าว ก็กล่าวหา ป.ป.ช.คุกคามนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติให้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเรื่องการเลือกตั้งเป็นโมฆะ ก็กล่าวหาว่า ไร้ซึ่งอำนาจ ทั้งที่ความจริงแล้ว องค์กรอิสระต่างๆ ได้ใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดในรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น

“หากรัฐบาลไม่เคารพรัฐธรรมนูญ หรือไม่ยอมรับการตรวจสอบขององค์กรอิสระเหล่านี้ ก็ควรลาออกไปทั้งคณะรัฐมนตรี จะมากล่าวหาว่าองค์กรอิสระต่างๆ จ้องล้มรัฐบาลไม่ได้ แต่ล้วนเกิดจากพฤติการณ์ในการใช้อำนาจของรัฐบาลต่างหากที่ทำให้รัฐบาลต้องสะดุดขาตัวเอง และพรรคเพื่อไทยก็อย่าโอดครวญว่าตั้งพรรคมากี่ครั้ง กี่พรรคก็ถูกยุบแต่ต้องกลับไปดูพฤติกรรมของคนในพรรคว่า ได้ทำถูกต้องหรือผิดข้อกฎหมายอย่างไรจึงถูกยุบพรรค ทั้งหมดล้วนทำเป็นขบวนการเพื่อดิสเครดิสขององค์กรอิสระทั้งสิ้น” นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ขอให้จับตาดูวันที่ 12 มี.ค.นี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการตัดสินคดีเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งมี 2 ประเด็นคือ ร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท มีข้อความขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และกระบวนการตรากฎหมายไม่ถูกต้อง ซึ่งศาลใช้เวลาพิจารณามาแล้วหลายเดือน ได้มีการไต่สวนพยานต่างๆ ทั้งพยานเอกสารและบุคคลอย่างละเอียด ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ได้นำเสนอพยานหลักฐานครบถ้วน โดยพรรคยืนยันว่าเราเห็นด้วยกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม แต่น่าจะใช้งบประมาณรายจ่ายตามปกติได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีการกู้เงินจำนวนมหาศาล ซึ่งทำให้เสียวินัยการเงินการคลัง ที่สำคัญจะก่อหนี้สินเป็นภาระผูกพันในอนาคตและกระทบต่อหนี้สาธารณะ สร้างความเสียหายต่อประเทศในภายหน้าอย่างคาดไม่ถึง

“สุดท้ายขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะตัดสินออกมาเป็นเช่นไร ซึ่งพรรคพร้อมน้อมรับคำวินิจฉัย แต่อยากเรียกร้องถึงพรรคเพื่อไทย และรัฐบาลว่า ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาเช่นไร ก็ขอคำสัตย์ได้หรือไม่ว่า จะยอมรับคำวินิจฉัยของศาล อย่าปากว่าตาขยิบ ส่งสัญญาณให้กลุ่มคนเสื้อแดงมาข่มขู่คุกคามศาลรัฐธรรมนูญเช่นที่ผ่านมาอีก ซึ่งหากกฎหมายนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ขัดรัฐธรรมนูญคนที่ต้องรับผิดชอบคือ นายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้รับรองกฎหมายฉบับนี้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ” ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น