โฆษก ปชป.ซัดรัฐบาล ศรส.ไม่ป้องกันเหตุร้ายมวลชน มุ่งควบคุมการชุมนุมที่เป็นไปอย่างสงบ แถมบิดเบือนป้ายสี จี้ดูแลความปลอดภัย ไม่ใช้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เปิดทางผู้ก่อเหตุทำร้ายประชาชน เผย ปชป.เตรียมลุยปฏิรูปพาประเทศเดินหน้า ท้า “ยิ่งลักษณ์” โชว์วิสัยทัศน์แก้ทุจริต ฉะใช้ช่อง 11 ประโคมข่าวข้าว แหกตาชาวบ้าน จับตาช่วง 2 เดือนอันตราย หลังนายใหญ่สั่งลุยหากศาลชี้รัฐบาลทำผิด
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่ยังเกิดความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการยิงเอ็ม 79 ใส่บ้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.และพื้นที่บริเวณข้างสวนลุมพินี ทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 รายว่าเป็นสถานการณ์ที่มีกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีต่อประชาชนที่บริเวณที่ชุมนุมมาโดยตลอด แต่รัฐบาลโดย ศรส.กลับไม่สนใจที่จะดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชน และยังประกาศตนเป็นศัตรูกับกลุ่ม กปปส.อย่างชัดเจน โดยไม่มีท่าทีว่าผู้มีอำนาจจะเข้ามาป้องกันไม่ให้เกิดเหตุเพิ่ม แต่มุ่งเน้นไปที่การควบคุมการชุมนุมของประชาชน เช่น การอุทธรณ์คำสั่งศาลแพ่ง 9 ข้อ สะท้อนรัฐบาลพยายามเพิ่มอำนาจจัดการประชาชนที่มาชุมนุม ไม่ได้มีเจตนาป้องกันหรือปราบปรามชายชุดดำที่ใช้อาวุธทำร้ายประชาชน จึงเป็นการทำงานที่ดูเหมือนเป็นเนื้อเดียวกัน
นอกจากนี้ ที่พยายามจะร้องศาลรัฐธรรมนูญว่าการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่รัฐบาลพุ่งเป้าไปที่ประชาชนที่มีการชุมนุมอยู่ในบริเวณจุดเดียวไม่ได้ขวางทางจราจร และใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ จึงอยากเชิญ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน และ ผอ.ศรส. และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกฯ รมว.ต่างประเทศ ที่ปรึกษา ศรส. ไปวิ่งที่สวนลุมพินีจะได้ทราบว่าที่กล่าวหาว่ามีอาวุธนั้น แท้จริงเป็นการชุมนุมโดยสงบ มีกิจกรรมให้ความรู้ ทำงานด้านการปฏิรูปประเทศ แต่รัฐบาลกลับมองว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง เพราะการชุมนุมของประชาชนเพื่อให้เกิดระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบผ่านการปฏิรูปประเทศ
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า รัฐบาลยังพยายามให้ข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริง คือ 1. การเจรจากับหลวงปู่พุทธะอิสระหลายครั้ง รัฐบาลไม่มีความจริงใจหาทางออกร่วมกัน แต่เป็นการหวังผลไม่ให้การเจรจาสำเร็จแล้วกล่าวอ้างว่าเพราะหลวงปู่พุทธะอิสระตั้งเงื่อนไขมากเกินไป ทั้งที่หลายครั้งข้อเสนอของผู้ชุมนุมถูกปฏิเสธจากรัฐบาล โดยพื้นที่นี้สุ่มเสี่ยงกับความรุนแรงมาโดยตลอด 2. มีการกล่าวหาออกหมายจับนายอิสสระ สมชัย หนึ่งในแกนนำ กปปส.ว่าทำร้ายร่างกายคนที่พกบัตร นปช. โดยมีข้อสังเกตว่าตำรวจใช้เวลาสอบสวนไม่นานทั้งที่ชายคนดังกล่าวแทบพูดไม่ได้ แต่กลับมีการกล่าวหาและพาดพิงไปถึงนายอิสสระอย่างรวดเร็วไปจนถึงการขออนุมัติศาลออกหมายจับ จึงตั้งข้อสังเกตว่ามีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้มีอำนาจเพื่อทำให้การชุมนุมมีการใช้ความรุนแรงหรือไม่
“หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องรับรองความปลอดภัยให้ประชาชน ไม่ใช่ยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อเปิดทางให้มีการทำร้ายประชาชน เช่นเดียวกับที่อุทธรณ์คำสั่งของศาลแพ่ง”
นายชวนนท์กล่าวอีกว่า ประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคการปฏิรูปประเทศอย่างแท้จริง โดยเวที กปปส.ก็ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก ส่วนของพรรคประชาธิปัตย์จะมีการนำเสนอแนวทางการปฏิรูปจัดทำเป็นรูปเล่มเพื่อเผยแพร่ในวันที่ 28 มี.ค. 57 จึงอยากเห็นว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญเรื่องนี้อย่างไร เช่น การขจัดการทุจริตคอร์รัปชัน เพราะประชาชนอยากเห็นการแก้ปัญหาการโกง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนเพราะทีดีอาร์ไอระบุชัดว่า สองปีที่ผ่านมาการทุจริตรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะโครงการจำนำข้าวที่ทำให้การทุจริตมากขึ้น ไม่โปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตเป็นจำนวนมหาศาล
ดังนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องออกมาแสดงบทบาท เพราะนอกจาก กปปส. ภาคเอกชนและพรรคประชาธิปัตย์แล้ว รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยไม่เคยเสนอแนวคิดในกาปฏิรูปประเทศ แต่บิดเบือนข้อเท็จจริงผ่านช่อง 11 โดยมีการรายงานข่าวเรื่องข้าวทุกคืนแบบให้ข้อมูลด้านเดียวที่เป็นประโยชน์กับรัฐบาลแต่แก้ปัญหาให้ชาวนาไม่ได้ เพราะงบกลาง 2 หมื่นล้านบาทก็ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ขณะที่การระบายข้าวมีปัญหาเพราะเวียดนามลดราคาข้าวลงมาแข่ง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลไทยแข่งกับเวียดนาม เอกชนไทยและชาวนาไทย ทำให้ราคาข้าวตกต่ำเกิดภาระขาดทุนมีรายได้น้อยกว่าที่ประมาณการ รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยต้องพิจารณาอย่างรอบคอบในการดำเนินการดังกล่าว
นายชวนนท์ยังแสดงความไม่สบายใจเกี่ยวกับคำสัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ระบุในทำนองว่า หากกระบวนการยุติธรรมตัดสินไม่ถูกใจพวกตัวเองก็จะถูกวิจารณ์ทำลายความน่าเชื่อถือ จึงขอเรียกร้องให้บุคลากรในฝั่งรัฐบาลเลิกกล่าวหากระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นการทำลายระบบนิติรัฐของประเทศ ทำลายกระบวนการนิติธรรมเป็นการวางยาพิษให้กับประเทศไทยอย่างรุนแรง ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลเคยได้ประโยชน์จากการตัดสินของกระบวนการยุติธรรม จึงขอให้องค์กรอิสระและศาลยึดหลักความถูกต้องไมใช่ยึดตามความต้องการของใครเพราะจะทำให้ประเทศชาติล่มจมแน่นอน
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ยังตั้งข้อสังเกตว่า คำสัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ระบุว่าหากศาลชี้ว่ารัฐบาลทำผิดอาจเกิดสงครามกลางเมืองว่า เป็นการพูดในแนวเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาพูดก่อนหน้านี้ จึงมองว่าเกิดจากนายใหญ่สั่งแล้วใช่หรือไม่ และกรงว่าจะมีการปลุกมวลชนเข้ามาในกรุงเทพฯ เพื่อสร้างความรุนแรงมีการนำเรื่องนี้มาขู่ว่า ชายชุดดำจะรีเทิร์น ไฟลุก รุนแรงมากกว่าปี 2553 จึงอยากให้ข้าราชการฉุกคิดว่าอย่าเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้รัฐบาล โดยเชื่อว่าสองเดือนต่อจากนี้ไปจะเป็นช่วงอันตรายสำหรับประเทศด้วย