นายกฯ FB ยินดีผู้ส่งออกไก่สดแช่งแข็งส่งออกไปญี่ปุ่นได้ หลังถูกห้ามจากพิษหวัดนกปี 47 ยกเป็นความร่วมมือรัฐ เอกชน และความตั้งใจผู้สองชาติที่ได้คุยกันหลายครั้ง รายงาน พณ.ตั้งเป้าส่งออก 5 พันตัน ไตรสาสแรก สิ้นปี 8 หมื่นถึงแสนตัน ชี้ญี่ปุ่นชื่นชอบฝีมือตัดแต่งชิ้นไก่ไทย มั่นใจไทยก้าวขึ้นแถวหน้าส่วนแบ่งตลาดไก่สด 2-3 ปีหน้า วางส่งออก 2 แสนตัน ทำให้การแข่งขันระดับโลกยั่งยืน อนาคตตีตลาดเกาหลี
วันนี้ (9 มี.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Yingluck Shinawatra แสดงความยินดีกับผู้ส่งออกไก่สดแช่แข็งของไทย ที่สามารถส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นได้อีกครั้ง หลังจากที่ไทยประสบปัญหาไข้หวัดนกระบาดในปี 2547 ว่า ตนขอแสดงความยินดีร่วมกับผู้ส่งออกไทยและอุตสาหกรรมไก่สดแช่แข็งของไทย ที่สามารถส่งไก่สดแช่แข็งออกไปยังประเทศญี่ปุ่นได้อีกครั้ง หลังจากที่ญี่ปุ่นได้มีการห้ามนำเข้าตั้งแต่ช่วงที่มีการระบาดของไข้หวัดนกในไทยตั้งแต่ปี 2547
นายกฯ กล่าวว่า ความสำเร็จในครั้งนี้เป็นความร่วมมือกันของทุกฝ่าย ทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่ร่วมกันผลักดันให้ ญี่ปุ่นเกิดความมั่นใจในคุณภาพของไก่สดแช่แข็งของไทยอีกครั้ง รวมทั้งการแสดงความตั้งใจระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศที่ได้ร่วมกันผลักดันให้ประเทศญี่ปุ่นกลับมานำเข้าไก่สดแช่แข็งของไทย ในทุกๆ ครั้งที่ได้มีการพบปะพูดคุยกัน ทั้งในระหว่างการไปเยือนญี่ปุ่นของตน และการเยือนไทยของท่านนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น จนในที่สุดทางประเทศญี่ปุ่นได้ส่งหนังสือยืนยันให้ไทยสามารถส่งออกเนื้อไก่สดไปญี่ปุ่นได้ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา และได้รับการรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ว่าทางบริษัทเอกชนไทยได้เริ่มมีการทยอยส่งออกเนื้อไก่สดแช่แข็งไปแล้ว และมีเป้าส่งออกประมาณ 5,000 ตันภายในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีแนวโนมที่จะสามารถส่งออกได้สูงถึง 80,000-100,000 ตันภายในสิ้นปีนี้
นายกฯ กล่าวต่อว่า สาเหตุสำคัญที่คนญี่ปุ่นยังคงนิยมบริโภคไก่สดของไทย มาจากคุณภาพของไก่สด โดยเฉพาะฝีมือการตัดแต่งชิ้นส่วนของไก่ ที่ตรงตามความต้องการของผู้นำเข้าญี่ปุ่น และไทยยังมีความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ที่ไม่ไกลจากญี่ปุ่น ทำให้คนญี่ปุ่นมีความเชื่อมั่นในคุณภาพของไก่สดไทย ซึ่งเห็นได้จากในอดีตญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกไก่สดอันดับ 1 ของไทยก่อนที่จะเกิดโรคระบาดไข้หวัดนก
“ดิฉันเชื่อว่าจากความสำเร็จในการส่งออกไก่สดแช่แข็งไทยไปญี่ปุ่นในครั้งนี้ จะนำไปสู่การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดไก่สดไทยในญี่ปุ่นให้อยู่ในระดับแถวหน้าอีกครั้ง โดยในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ประเทศไทยน่าจะสามารถส่งออกไก่สดแช่แข็งได้ประมาณ 200,000 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณเท่ากับช่วงก่อนการระบาดของไข้หวัดนก นอกจากนี้ ยังจะเป็นการช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในตลาดอื่นๆ ที่จะทำให้ไทยสามารถก้าวเข้าไปเปิดตลาดไก่สดได้ในอนาคต เช่น สาธารณรัฐเกาหลี อีกด้วยค่ะ” นายกฯกล่าว
นายกฯ กล่าวด้วยว่า อุตสาหกรรมไก่สดของไทยจะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับโลกได้อย่างยั่งยืน และได้รับการยอมรับในเรื่องคุณภาพอย่างต่อเนื่อง หากภาครัฐและภาคเอกชนยังคงช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อรักษาระดับคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้นในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่ความเติบโตของอุตสาหกรรมส่งออกไก่สดไทยและการส่งออกโดยรวมต่อไป