เอพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ แห่งญี่ปุ่น เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภาแดนปลาดิบ ตอกย้ำการเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมเพื่อฉุดรั้งให้ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นชาติที่มีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ของเอเชีย และเป็นลำดับที่ 3 ของโลก หลุดพ้นจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและภาวะเงินฝืดโดยสมบูรณ์
สุนทรพจน์ของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น วัย 59 ปี ในวันอังคาร (15) ถูกมองว่าจะเป็นการตอกย้ำถึงจุดยืนของอาเบะที่ต้องการผลักดันมาตรการปฏิรูปเพิ่มเติมซึ่งมีเป้าประสงค์สำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนของชาวญี่ปุ่น ตลอดจนเพิ่มการลงทุนในประเทศ
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีซึ่งถูกมองเป็นผู้นำชาตินิยมฝ่ายขวารายนี้ ได้คลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “อาเบะโนมิกส์” ไปแล้ว ไม่นานหลังจากที่อาเบะได้กลับเข้ามาครองอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเป็นสมัยที่ 2 เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
นอกจากเป้าหมายในการกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและการลงทุนแล้ว แหล่งข่าวในรัฐบาลโตเกียวยังเปิดเผยด้วยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ของผู้นำญี่ปุ่นจะครอบคลุมถึงมาตรการลดทอนผลกระทบต่อประชาชน จากการที่รัฐบาลเดินหน้าแผนขึ้นภาษีการบริโภคจากระดับ 5 เปอร์เซ็นต์เป็น 8 เปอร์เซ็นต์ จนราคาสินค้าและบริการทั่วญี่ปุ่นส่อเค้าพุ่งพรวด กระทบค่าครองชีพของประชาชน
ก่อนหน้านี้ นโยบายอาเบะโนมิกส์ซึ่งถูกมองเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบขนานใหญ่ ได้ส่งผลให้ค่าของเงินเยนลดต่ำลงราว 25 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ยังมีผลให้อัตราการว่างงานในแดนปลาดิบลดต่ำลงจาก 4 เปอร์เซ็นต์ จนเหลือ 3.7 เปอร์เซ็นต์ และมีแนวโน้มที่จำนวนประชากรวัยแรงงานที่เดินเตะฝุ่นในญี่ปุ่นจะลดลงอย่างต่อเนื่อง
ในอีกด้านหนึ่ง อาเบะซึ่งเคยครองอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมาแล้วครั้งหนึ่งระหว่างปี 2006-2007 ยังเตรียมให้คำมั่นต่อรัฐสภาถึงการผลักดันมาตรการเสริมสร้างศักยภาพในการป้องกันตนเองของญี่ปุ่น รวมถึง การที่ญี่ปุ่นจะเข้าไปมีบทบาทมากขึ้นในภารกิจรักษาสันติภาพในพื้นที่แห่งความขัดแย้งทั่วโลก
โดยเป็นที่คาดกันว่า รัฐบาลของอาเบะจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านความมั่นคงขึ้นอย่างสำคัญในอนาคตอันใกล้นี้ แม้จะตระหนักดีว่า ท่าทีดังกล่าวจะสร้างความไม่สบายใจให้กับประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออก รวมถึงจีนและเกาหลีใต้
ทั้งนี้ การกลับมาเปิดประชุมอีกครั้งของรัฐสภาแดนปลาดิบมีขึ้นหลังจากที่พรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี)ของอาเบะเป็นฝ่ายประสบชัยชนะอย่างงดงามในการเลือกตั้งสมาชิกสภาสูงเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งชัยชนะดังกล่าวส่งผลให้พรรคแอลดีพีเป็นฝ่ายครองเสียงข้างมากได้ทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ขจัดอุปสรรคสำคัญในการผลักดันมาตรการปฏิรูปต่างๆ