รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - ชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีสายเหยี่ยวของญี่ปุ่นเผยในการให้สัมภาษณ์ซึ่งมีการเผยแพร่ในวันอาทิตย์ (26) โดยระบุ การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของจีน จำเป็นจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสร้าง “ความไว้เนื้อเชื่อใจ” กับประเทศอื่นๆ มิใช่การสร้าง “ความตึงเครียด”
นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น วัย 59 ปีให้สัมภาษณ์กับ “ซีเอ็นเอ็น” หลังร่วมการประชุมเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส ในสวิตเซอร์แลนด์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่าการเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารของจีนตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างความกังวลใหญ่หลวงให้กับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค
โดยผู้นำรัฐบาลโตเกียวย้ำว่า การที่จีนจะยังคงรักษาความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจไว้ได้นั้น จีนจำเป็นต้องหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างบรรยากาศแห่งความไว้เนื้อเชื่อใจในเวทีโลก มิใช่การเดินหน้าสร้างแต่ความตึงเครียดอย่างที่เป็นอยู่
“นี่คือสิ่งสำคัญที่ปักกิ่งจะต้องทำความเข้าใจ การเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใดต่อการรักษาไว้ซึ่งความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ นอกจากนั้น ความพยายามใดๆ ของจีนที่จะเปลี่ยนแปลงสถานะแห่งอำนาจด้วยการใช้กำลังหรือการบังคับขู่เข็ญนั้น เป็นสิ่งที่มิอาจยอมรับได้” อาเบะกล่าว
อาเบะซึ่งได้กลับเข้ามาครองอำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรีแดนปลาดิบเป็นสมัยที่ 2 เมื่อเดือนธันวาคมปี 2012 หลังจากเคยอยู่ในตำแหน่งนี้มาแล้วระหว่างปี 2006-2007 กล่าวย้ำว่า ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่ได้ต้องการเผชิญหน้ากับจีนทางด้านการทหาร
แต่ตัวเขาในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็มีความจำเป็นยิ่งยวดที่ต้องแสดงความรับผิดชอบในการปกป้องน่านน้ำและบูรณภาพแห่งดินแดนของญี่ปุ่นเอาไว้ เช่นเดียวกับการปกป้องชีวิตประชาชนญี่ปุ่น และความรุ่งเรืองของชาติซึ่งเป็นที่มาที่ทำให้เขาต้องมีนโยบายเดินหน้าปรับปรุงขีดความสามารถทางการทหารของญี่ปุ่นเพื่อต่อกรกับความก้าวร้าวของจีน โดยเฉพาะที่จีนพยายามอ้างอธิปไตยเหนือหมู่เกาะของญี่ปุ่นในทะเลจีนตะวันออก
ความเคลื่อนไหวล่าสุดของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลปักกิ่งตัดสินใจประกาศเขตป้องกันทางอากาศ ซึ่งมีอาณาบริเวณครอบคลุมถึงบรรดาหมู่เกาะที่เป็นข้อพิพาทหลายแห่ง จนก่อให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงทั้งในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ รวมถึงสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่าจีนกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงดุลแห่งอำนาจในทะเลจีนตะวันออก