เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น ขึ้น “เวทีดาวอส” เรียกร้องการสนับสนุนจากนานาชาติ ชี้ญี่ปุ่น-จีนขณะนี้ไม่ต่างจากอังกฤษ-เยอรมนีช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 และว่าการเพิ่มงบการทหารอย่างต่อเนื่องของพญามังกรคุกคามเสถียรภาพของเอเชีย รวมถึงทั่วโลก ดังนั้น โลกจึงต้องหาทางช่วยกันเหนี่ยวรั้ง อีกทั้งปักกิ่งควรร่วมมือกับโตเกียวสร้างกลไกป้องกันข้อพิพาท เพื่อความสงบสุขและมั่งคั่งร่วมกัน
ระหว่างการขึ้นปราศรัยสำคัญในงานเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม ที่เมืองดาวอส สวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันพุธ (22 ม.ค.) อาเบะ เปรียบเทียบสถานการณ์ความตึงเครียดปัจจุบันระหว่างญี่ปุ่นกับจีนว่า เหมือนอังกฤษกับเยอรมนี ซึ่งแม้มีสัมพันธ์ทางการค้าแนบแน่น แต่ก็ไม่อาจฉุดรั้งทั้งสองประเทศไม่ให้เข้าห้ำหั่นกันในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1914
อาเบะเสริมว่า การเพิ่มงบประมาณกลาโหมอย่างต่อเนื่องของจีน เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้เสถียรภาพของเอเชียสั่นคลอน พร้อมเรียกร้องให้มีการควบคุมการขยายอิทธิพลทางการทหารในภูมิภาค เนื่องจากหากสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชียสั่นสะเทือน ย่อมเกิดแรงกระเพื่อมมโหฬารไปยังทั่วโลก
“ผลประโยชน์จากการเติบโตในเอเชียต้องไม่สูญเปล่าจากการขยายอิทธิพลทางทหาร”
ผู้นำญี่ปุ่นยังเรียกร้องให้จีนร่วมมือสร้างกลไกที่จะป้องกันไม่ให้การเกิดข้อพิพาทกันกลายเป็นตัวทำลายความมั่งคั่งร่วมกัน ตลอดจนติดตั้งการติดต่อสื่อสารสายด่วนระหว่างกองทัพของสองประเทศ อีกทั้งต้องการให้จีนร่วมแบ่งปันรายละเอียดการใช้จ่ายด้านการทหาร
“ความไว้วางใจคือสิ่งที่ทรงสำคัญยิ่งยวดต่อสันติภาพและความมั่งคั่งในเอเชียและทั่วโลก หาใช่ความตึงเครียดไม่ และสิ่งนี้ (ความไว้วางใจ) จะสามารถเป็นไปได้ด้วยการเจรจาและการใช้หลักนิติธรรม ไม่ใช่การใช้กำลังหรือการข่มขู่” เขากล่าว
ถึงแม้ตัวอาเบะเองไม่ได้กล่าวพาดพิงถึงจีนอย่างโต้งๆ แต่พวกเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นได้ออกมาตั้งธงเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า คำปราศรัยของนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคราวนี้ เป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยเพื่อเรียกร้องการสนับสนุนจากนานาชาติในสิ่งที่โตเกียวมองว่า เป็นการคุกคามจากจีน
ข้อพิพาทกรณีการแย่งชิงสิทธิเหนือหมู่เกาะเซงกากุ หรือที่จีนเรียกว่าเตี้ยวอี๋ว์ ที่อยู่ในทะเลจีนตะวันออกและคาดการณ์กันว่าอุดมด้วยแร่ธาตุสำคัญ ถูกญี่ปุ่นตีความว่า เป็นความพยายามของจีนในการควบคุมเส้นทางเดินเรือสำคัญในทะเลจีนตะวันออกอีกด้วย ในเวลาที่คำมั่นสัญญาของอเมริกาที่จะการรับประกันความมั่นคงของญี่ปุ่นนั้นเริ่มอยู่ในภาวะคลอนแคลน
อย่างไรก็ตาม ตัวอาเบะเองถูกมองว่าเป็นผู้ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดเพิ่มขึ้นอีกเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา จากการที่เขาเดินทางไปสักการะศาลเจ้ายาสุคุนิ ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานระลึกคนญี่ปุ่นที่เสียชีวิตจากสงครามครั้งต่างๆ โดยรวมถึงพวกอาชญากรสงครามในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย
จีนและเกาหลีใต้โจมตีทันทีว่า การกระทำดังกล่าวฟ้องว่า ญี่ปุ่นไม่ได้สำนึกผิดต่อความก้าวร้าวรุกรานทางทหารต่อประเทศเพื่อนบ้านในช่วงศตวรรษที่ 20 ขณะที่อังกฤษและอเมริกาแสดงความผิดหวังกับสิ่งที่อาเบะทำ
กระนั้น ผู้นำญี่ปุ่นยังคงยืนกรานแม้ในระหว่างถูกซักถามที่ดาวอสว่า ตนเพียงไปแสดงความเคารพวิญญาณทหารหาญเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาทำให้โซลและปักกิ่งขุ่นเคืองแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวซิงหวาของทางการจีนได้ออกมาโจมตีอาเบะกรณีการไปสักการะศาลเจ้ายาสุคุนิอีกรอบเมื่อวันพฤหัสบดี (23) ว่า ทุกประเทศที่รักสันติล้วนตีความการกระทำของผู้นำญี่ปุ่นว่า เป็นการค้อมคารวะอย่างน่ารังเกียจต่อลัทธิเผด็จการฟาสซิสม์ อีกทั้งยังทำให้ความตึงเครียดในเอเชียเข้าใกล้จุดเดือด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ แคโรลีน เคนเนดี เอกอัครราชทูตอเมริกันที่เพิ่งไปรับตำแหน่งที่โตเกียวเมื่อปลายปีที่แล้วแสดงความเห็นอย่างมีนัยผ่านหนังสือพิมพ์อาซาฮีฉบับวันพฤหัสบดี ว่า ชาวโลกควรให้การสนับสนุนผู้นำที่พยายามข้ามผ่านอดีตเพื่อสร้างอนาคตที่สันติสุข และว่า ที่ผ่านมาญี่ปุ่นมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ต่อเอเชียและโลก และการสร้างความไว้วางใจกับเพื่อนบ้าน จะทำให้ญี่ปุ่นรับบทบาทดังกล่าวอย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
สำหรับทางฝ่ายจีนนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศ หวัง อี้ มีกำหนดขึ้นเวทีดาวอสเช่นกันในวันศุกร์ (24) นี้