ผ่าประเด็นร้อน
นาทีนี้ไม่ว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะถูกขับไล่ด่าทออย่างไร เธอก็ยังหน้าด้านไม่ยอมไปไหน จะอ้างว่าจะอยู่รักษากติกา ยอมตายคาประชาธิปไตยอะไรนั่น ท่องตามโพยไปเรื่อยเปื่อย แต่สรุปก็คือ “เธอไม่ออก” ไม่ไปไหนอย่างเด็ดขาด ไล่ให้ตายเธอก็ไม่ไป !!
เพราะหากพิจารณาจากมาตรฐานจริยธรรมสากลทั่วโลก มวลมหาชนออกมาเดินขบวนขับไล่กันเป็นล้านคนแบบนี้ ไม่ว่าผู้นำที่ไหนก็ย่อมละอาย ยอมลาออกหลบลี้หนีหน้าไปแล้ว แต่นี่กลับตรงกันข้ามนอกจากไม่ออกแล้วยังทำทุกทางทั้งบนดิน ใต้ดิน ใช้เครือข่าย ลิ่วล้อทั้งในคราบของเจ้าหน้าที่รัฐ มวลชนติดอาวุธใช้วิธีถ่อยเถื่อนคุกคามกันทุกทาง ที่เห็นในตอนนี้ ก็คือการใช้มวลชนติดอาวุธคอยก่อกวน ข่มขู่ไปทั่ว ทั้งมวลชนฝ่ายตรงข้าม ไม่เว้นแม้กระทั่งองค์การอิสระอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่เว้นแม้กระทั่งยิงระเบิดถล่มศาลยุติธรรม สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าองค์กรดังกล่าวทำสิ่งที่ขัดใจ หรือมีคำตัดสินที่เป็นโทษต่อ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เท่านั้นเอง ซึ่งนี่อาจเป็น “ระเบิดแบบประชาธิปไตย” ในทัศนะของคนพวกนี้ก็เป็นได้
นอกจากนี้สิ่งที่เห็นเป็นประจักษ์ก็คืออะไรก็ได้ที่ตัวเองต้องได้ประโยชน์มีอำนาจ ไม่สนใจว่าทำผิดกฎหมาย ทำได้แม้กระทั่งการ “ก่อกบฏ” อย่างในเวลานี้กำลังมีการเคลื่อนไหวอย่าง “โจ๋งครึ่ม” เพื่อแยกดินแดน “สปป.ล้านนา” อะไรนั่น แต่เมื่อถูกรุมถล่มต่อต้านอย่างหนัก คนพวกนี้ก็หน้าด้านที่จะกล้าปฏิเสธอย่างหน้าตาเฉย หาว่าสื่อสารกันผิด หรือไม่ก็ยังกล่าวหาบิดเบือนไปอีกทางเป็นการใส่ร้ายเพื่อหาเหตุกำจัดพวกเขาเสียอีก ว่าเข้าไปโน่นอีก กลายเป็นว่า “ถูกแกล้ง ถูกโกง” อยู่ตลอดเวลา ไม่เคยยอมรับความผิดที่ตัวเองก่อขึ้นสักครั้งเดียว
อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ จะต่อต้านอย่างไร ในที่สุดก็ย่อมหนีความผิดที่ตัวเองก่อขึ้นไปไม่ได้ อย่างเวลานี้ สิ่งที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังเผชิญวิบากกรรมในตอนนี้ก็คือคดีทุจริตโครงการจำนำข้าวที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียกมาชี้แจงข้อกล่าวหาไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณา ซึ่งกรรมการ ป.ป.ช.ที่ควบคุมคดีนี้ อย่าง วิชา มหาคุณ ได้ย้ำว่าสามารถสรุป “ชี้มูล” ได้ภายในเดือนนี้แน่นอน ถ้าเป็นแบบนี้จริงก็เหลือเวลาอีกไม่นาน หากมีการ “ชี้มูลความผิด” ยิ่งลักษณ์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที จากนั้นค่อยเดินไปสู่ขั้นตอนถอดถอนโดยวุฒิสภา ซึ่งคงต้องรอสมาชิกวุฒิสภาจากการเลือกตั้งมาครบจำนวนเสียก่อนในราวเดือนเมษายน จากนั้นก็จะโดนคดีอาญาในศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรับรองว่าใช้เวลาไม่นานเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังต้องเจอกับวิบากกรรมอย่างต่อเนื่อง เพราะล่าสุดวันที่ 5 มีนาคม ศาลรัฐธรรมนูญก็เริ่มพิจารณาคดีที่มีผู้ร้องว่าการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินจำนวน 2 ล้านล้านบาทของรัฐบาลมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งขั้นตอนและวิธีการ ซึ่งก็มีแนวโน้มว่า “ผิดอีก” ไม่ต่างจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตราในช่วงที่ผ่านมา
สำหรับกรณีร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทดังกล่าว อาจจะต่างกับกฎหมายอื่น เพราะว่ากฎหมายฉบับนี้เป็นร่างกฎหมายการเงิน หากผิดพลาด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ ไม่ต่างจากการพิจารณากฎหมายในสภาที่ว่าไม่ผ่าน นายกฯต้องยุบสภาหรือลาออก แต่เมื่อถึงตอนนั้นหากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริง คนพวกนี้ก็ยังไม่อาจคาดเดาอะไรได้ เพราะไร้มาตรฐาน หากตัวเองเสียประโยชน์ก็จะไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด
นี่ว่ากันเฉพาะเรื่องกฎหมาย ความผิดจากการทุจริตล้วนๆ ซึ่งแน่นอนว่าคนพวกนี้ย่อมรู้ชะตากรรมล่วงหน้าแล้วว่าผลจะออกมาอย่างไร เพราะตัวเองย่อมรู้ตัวเองดีว่า “โกง” พอศาลกำลังจะตัดสิน องค์อิสระกำลังสรุปลงโทษคนพวกนี้ก็ต้องรีบออกมาโวยวายดักคอเอาไว้ก่อนว่า “ตั้งธง” อคติ สร้างเรื่องว่าไม่ยุติธรรมตั้งแต่แรก เช่น กล่าวหาองค์คณะของศาลว่าลำเอียง กล่าวหากรรมการ ป.ป.ช.บางคนว่าไม่ยุติธรรม เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัว สร้างภาพให้เห็นว่าถ้าตัดสินด้วยคนพวกนี้ตนก็จะมีความผิด เล่นกันแบบนี้ตลอดเวลา ขณะเดียวกันสิ่งที่ทำควบคู่กันไปก็คือการส่งกองกำลังติดอาวุธไปขว้างระเบิด ยิงถล่มข่มขู่อยู่ตลอดเวลา
ดังนั้นแม้ว่าจะได้ข้อสรุปในตอนนี้ชัดเจนแล้วว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไม่ยอมลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี แน่นอน ไม่สนใจว่าเธอจะไม่มีพื้นที่บริหาร ถูกขับไล่จนไม่มีที่ยืนก็ตาม เธอก็ไม่ไป แต่นั่นก็ไม่เป็นไร เพราะมวลมหาประชาชนก็จะเดินหน้าไล่ไปเรื่อยๆ และคงไม่จำเป็นต้องรอสุญญกาศทางการเมือง เนื่องจากอีกไม่นานก็จะเจอวิบากกรรมทางกฎหมาย ต้องถูกดำเนินคดีในคดีทุจริต ทำผิดกฎหมนยหลายเรื่องตามมา คราวนี้มีแต่แนวโน้มเข้าคุกสถานเดียวเท่านั้น !!
