แม้ว หมดหวัง-ต้องป่วนให้เละ !!

เกาะกระแส


00 ความหวังเดิมที่เหลืออยู่ของ ทักษิณ ชินวัตร ที่จะใช้การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.เป็น"สัญลักษณ์"เพื่ออ้างความชอบธรรมว่า "ตัวเองยังมีเสียงข้างมาก"เพื่อแสดงให้ใครก็ตามในประเทศนี้ รวมไปถึงประเทศตะวันตกให้เห็นว่า "นี่ไงชาวบ้านยังนิยมผม"แต่ถูกแกล้ง อะไรประมาณนี้ เพราะเขาเชื่อมั่นว่าถึงอย่างไรมวลชนในภาคเหนือ และภาคอีสาน ที่มีจำนวนมากยังสนับสนุนเขา ผ่านทางผู้สมัครพรรคเพื่อไทย แม้ว่ากำลังเจอกับวิกฤติ "เบี้ยวหนี้ชาวนา"จากโครงการ"รับซื้อข้าว" แต่ไม่จ่ายตังค์มานานกว่า 4-5 เดือนแล้ว แม้ว่าความนิยม ความเกลียดชังจะ "ทรุดลงแบบฮวบฮาบ"ก็ตาม แต่พวกเขาเชื่อว่าปริมาณเสียงสนับสนุนยังมากกว่าต่อต้าน

00 ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นคำตอบว่าทำไม ถึงต้องสั่งกำชับให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องยืนยัน "ด้าน"ให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.ต่อไปให้ได้ แม้ว่าจะเหตุวุ่นวาย เกิดจลาจลแค่ไหนก็ตาม อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า ต้องการเพียงแค่สัญลักษณ์ นั่นคือ เอาแค่ผลคะแนนการเลือกตั้งแบบ"ไม่เป็นทางการ"เมื่อรับรวมกันจากทุกเขตเลือกตั้ง ทุกจังหวัดที่ลงคะแนนได้ ทักษิณ มั่นใจว่าด้วยจำนวน ส.ส.ที่ได้รับเลือกแบบคะแนนไม่เป็นทางการ ซึ่งในบรรยากาศที่ไม่มีพรรคฝ่ายค้านหลักอย่าง ปชป.ลงแข่งขันเขาก็ยิ่งชนะขาด แม้ว่าจำนวนคนไปโหวตจะน้อยนิดก็ตาม แต่เมื่อรวมจำนวน ส.ส.ที่ได้ก็ยังมีจำนวนมาก เพื่อนำไปอ้างความชอบธรรม ใน"แบบของประชาธิปไตยเลือกตั้ง"

00 ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากการให้ความเห็นของ กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง สมชัย ศรีสุทธิยากร หลังการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.จะมีการฟ้องให้เป็นโมฆะ เสี่ยงสูญงบเกือบสี่พันล้านบาท เนื่องจากเห็นว่าทำผิดกม.ที่ไม่ใช่การเลือกตั้งทั่วไปที่ทำพร้อมกันทั่วประเทศ เพราะมีการกำหนดเลือกตั้งล่วงหน้าใหม่วันที่ 23 ก.พ. แต่ในส่วนอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องคะแนนไม่ถึงร้อยละ 20 คะแนนเสียงโหวตโนมากกว่าคะแนนของผู้สมัคร รวมทั้งจำนวน ส.ส.ไม่ครบร้อยละ 95 เปิดสภาไม่ได้นั้น ก็แค่เพียงใช้เวลาเลือกตั้งใหม่ไม่เกินสองครั้งใช้เวลาไม่เกิน 4-6 เดือนก็ได้ ส.ส.ครบ เปิดสภาได้ ถามว่าหลังจากที่ พรรคเพื่อไทยได้จำนวน ส.ส.จำนวนหนึ่งมาตุนเอาไว้แล้ว(เพื่ออ้างเสียงข้างมาก) ระหว่างที่รอการเลือกตั้งเขตที่เหลืออีก 4-6 เดือนก็ "หน้าด้าน"รักษาการไปเรื่อยๆ ใครจะทำไม !!

00 นั่นคือเกมที่ ทักษิณ ชินวัตร ไว้วางเส้นทางเดินเอาไว้ อย่างไรก็ดีการที่ มวลมหาประชาชน ยังยืนหยัดต่อต้านได้อย่างคงเส้นคงวา ทั้งปริมาณและความรู้สึไม่ได้ลดลงเลย ตรงข้ามมีแต่เพิ่มขึ้นทุดวัน มีแนวร่วมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบรรดา "ข้าราชการ"ที่กล้าเปิดตัวมากขึ้น กลายเป็นว่าพวกที่ยังหลงไหล รัฐบาล ชื่นชอบระบอบทักษิณ เป็นพวก "อ่อนด้อย"แยกออกไปชัดเจนขึ้นทุกวัน ประกอบกับความเชื่อมั่นต่อ"รัฐบาลเถื่อน"เสื่อมทรุดลงทุกวัน จะสั่งการแบบชี้นิ้วเหมือนก่อนไม่ได้ สังเกตได้จากกรณีจะกู้เงินแบงก์รัฐมาจ่ายหนี้ชาวนา ก็ยังทำไม่ได้ ยังไม่มีแบงก์ไหนกล้าให้กู้ หรือกล้าประกาศยอมรับ เพราะกลัวว่าลูกค้า"จะแห่ไปถอนเงิน" ทั้งที่เป็นการกู้ที่รัฐบาลโดยกระทรวงคลังค้ำประกัน แต่ความหมายก็คือ คนที่ค้ำประกันคือรัฐบาลนั้นไม่มีเครดิต รมว.คลัง กิตติรัตน์ ณ ระนอง มีภาพเป็น "คนโกหก"มีปัญหาทางกม.ตามมา ดังนั้นถ้ากู้เงินไม่ได้ หรือกู้ไม่ได้ตามจำนวนไม่พอจ่ายชาวนา มันก็เละแน่ อย่างช้าไม่เกินต้นเดือนก.พ.ชาวนา"เอาตาย"แน่ เพราะมันเลยขีดจำกัดความอดทนรอแล้ว

00 ครั้นจะพยายามระบายข้าวไปขายโดย กระทรวงพาณิชย์ที่เป็นเจ้าของเรื่องโดยตรง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้เวลา ล่าสุด นิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล รมว.พาณิชย์ อ้างว่ากำลังประมูลขายข้าวอีกล็อต 8 แสนตัน แต่ก็ปิดลับไม่บอกว่าได้เงินเท่าไหร่ ซึ่งมันก็ไม่พอ ที่สำคัญต้องใช้เวลา และคำถามก็คือทำไมเพิ่งมาเร่งขายข้าวเอาตอนนี้ ทำไมถ้ามีข้าวเหลืออยู่จริงทำไมปล่อยให้กองให้มอดกินจนเสื่อมสภาพ ด้วยปัจจัยด้านเวลานี่แหละทำให้ ศึกชาวนากระหน่ำเข้ามาทำลายความชอบธรรมจนเหลือศูนย์ ถึงตอนนั้นอะไรก็ยั้งไม่อยู่ เละแน่

00 การรณรงค์ประกาศไม่ไปเลือกตั้ง 2 ก.พ. ไม่ขวางเลือกตั้งของ กปปส.พร้อมกับประกาศชุมนุมใหญ่ในวันดังกล่าว แบบ "ปิดกรุงเทพฯให้สนิท" แน่นอนว่าทำให้การเลือกตั้งแทบจะปิดลงโดยปริยาย เมื่อบวกกับอีกหลายพื้นที่ทั่วประเทศในบรรยากาศอึมครึมแบบนี้ มันก็ทำให้"ฝ่ายทักษิณ"อ้างความชอบธรรมไม่ได้อีกต่อไป ดังนั้นทางเดียวหลังจากนี้คือต้อง "ป่วนให้เละ"เพื่อหวังต่อรอง แต่ถ้าไม่ได้ผลก็ต้องออกมาแบบแรงอาฆาตนั่นคือ "กูอยู่ไม่ได้พวกมึงก็อย่ามีความสุข" นี่แหละคือตัวตนของเขาละ !!