นายสาธิต เซกัล นักธุรกิจชาวอินเดียที่ถูกสั่งเนรเทศฝากถามเฉลิมว่า “ทำไมคนดีๆ ต้องถูกรังแก?”
จากกรณีที่คณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมือง มีมติเห็นชอบให้เพิกถอนใบอนุญาตถิ่นพำนักอาศัยในประเทศไทยของ "นายสาธิต เซกัล" นายกสมาคมธุรกิจอินเดีย-ไทย ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นแกนนำ กปปส. ขณะนี้กำลังรอให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผู้อำนวยการศรส.พิจารณาและลงนาม หาก ร.ต.อ.เฉลิม ลงนามกระบวนการจะสิ้นสุด และนายสาธิตต้องออกนอกประเทศไทยนั้น
ล่าสุดนายสาธิต เซกัล ได้ออกมาตอบโต้ว่า สิ่งที่คณะกรรมการพิจารณาคนเข้าเมืองและศรส. ทำอยู่นั้นถือว่าผิดหลักความชอบธรรม เพราะไม่ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้แก้ตัว จึงจะยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลต่อไป โดยนายสาธิตได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า
“ผมคิดว่าบ้านเมืองต้องมีกฎเกณฑ์ อยู่ดีๆ เขาจะลงโทษคนบริสุทธิ์ โดยที่อีกฝ่ายไม่มีทางขอความเป็นธรรมได้อย่างไร ที่ผ่านมาผมไม่เคยได้รับข้อกล่าวหาที่เขาว่า ถ้าเขากล่าวหาว่าผมทำอะไรผิด ผมก็อยากจะมีโอกาสชี้แจ้ง ดังนั้นอยากรู้ว่าข้อกล่าวหาผมคืออะไร ผมทำอะไรผิดเหรอ
ทั้งนี้นายสาธิตยังได้ฝากข้อความไปถึง “ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ว่า
“ ผมอยากถามบอกคุณเฉลิมว่า “ทำไมคนดีๆ ต้องถูกรังแก” หลังเกิดเรื่องมีคนโทรหาผมเป็นร้อยๆ สาย มีคนส่งข้อความมาทางเฟซบุ๊คหลายพันคน พวกเขาคิดแบบเดียวกับผมว่า คนดี คนบริสุทธิ์กำลังถูกแกล้ง
“ดังนั้นผมมีคำถามที่อยากฝากถามคุณเฉลิม คือ หนึ่ง ผมทำอะไรผิดเหรอ สอง ทำไมไม่มีการสอบสวน ทำไมไม่เปิดโอกาสให้ผมไปชี้แจง ถ้าคุณอ้างว่าผมทำอะไรผิด แล้วทำไมไม่แจ้งผม ทำไมไม่มีการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา ผมไม่รู้ว่าคุณไปฟังจากใคร แต่อยากถามว่าทำไมไม่มาถามผมล่ะ เพราะตอนนี้มีอยู่สองฝ่ายคือ ฝ่ายกล่าวหากับฝ่ายโดนกล่าวหา คุณฟังแต่ฝ่ายกล่าวหา แต่ฝั่งผมคือ ฝ่ายที่โดนกล่าวหา ทำไมไม่มาถามผม
นอกจากนั้น นายสาธิต เซกัล ยังปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นแกนนำของกปปส.ตามที่ถูกกล่าวหา เพียงแต่ทางกลุ่มกปปส. เห็นว่าเขามีวาทศิลป์ในการพูด จึงอยากให้เขาเข้าไปช่วยเจรจาด้วยเท่านั้นเอง
“ผมรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม คำกล่าวหาที่คุณได้ยินจากสื่อต่างๆ เป็นเรื่องเท็จ เช่น ประเด็นที่กล่าวหาว่าผมนำมวลชนไปปิดล้อมวิทยุการบินแห่งประเทศไทยเป็นเรื่องเท็จ มีเจ้าหน้าที่ในกรมนี้พร้อมจะเป็นพยานให้ผม
“วันนั้นผมไม่ได้เข้าไปคุยคนเดียว คนที่เข้าไปคุยกับวิทยุการบินฯ มีทั้งหมดอยู่ 5 คน ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ผมไม่ได้ไปในฐานะแกนนำกปปส. สาเหตุที่เข้าไปด้วย เพราะทางกลุ่มกปปส.ถือว่าผมเป็นผู้ใหญ่ มีทักษะในการเจรจา คุยด้วยเหตุผล จึงขอร้องให้ผมเข้าไปเป็นคนกลางช่วยหารือกับอีกฝ่าย ซึ่งไม่ถือเป็นการเจรจา เพราะเราไม่ได้มีข้อเรียกร้องอะไรจากวิทยุการบิน แต่เป็นเรื่องขอร้องให้เขาพิจารณา ไม่ได้เป็นคำสั่งอะไรทั้งสิ้น ผมสามารถยืนยันได้จากเทปและจากคนที่นั่งฟังอยู่ด้วย
“วันนั้นอธิบดีและข้าราชการระดับผู้ใหญ่ยังออกมาเชิญผมเข้าไปคุยในห้องประชุม ซึ่งมีสื่อมวลชนครบ ผมมีหลักฐานเป็นเทปอัดเสียงซึ่งระบุว่ามีการหารือและพูดคุยอะไรบ้าง ไม่มีคำข่มขู่ ส่วนประเด็นว่าผมบุกรุกสถานที่ราชการก็ตัดทิ้งได้เลย เพราะผมถูกเชิญเข้าไป คุยเสร็จ อธิบดียังเดินออกมาส่งข้างนอกและขึ้นประกาศบนเวทีเองด้วย
“ผมไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ที่พิจารณาเรื่องนี้ใช้บรรทัดฐานอะไรมาตัดสิน แต่คิดว่าเรื่องทั้งหมดมันผิดขั้นตอน เพราะในโลกนี้ ไม่มีระบบยุติธรรมที่ไหนที่จะกล่าวหาและลงโทษโดยไม่เปิดโอกาสให้คนที่ถูกกล่าวหาได้ชี้แจง” นายสาธิตกล่าว
เรื่องโดย ASTV ผู้จัดการ Live