แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งมณฑลทหารบกเชียงใหม่และพะเยา แจ้งความเอาผิดเสื้อแดงในข้อหากบฏ ตามกฎหมายอาญามาตรา 113 และ 114 หลังมีการเคลื่อนไหวชูแบ่งแยกประเทศเป็น สปป.ลานนา พร้อมเรียกประชุมผู้ว่าฯ 17 จังหวัดภาคเหนือ ขอความร่วมมือสอดส่องดูแลการกระทำกระทบความมั่นคง จับตา “กลุ่มรักเชียงใหม่ 51” อย่างใกล้ชิด หลัง “เพชรวรรต” ยอมรับพร้อมแยกการปกครองออกมาจริง
วันนี้ (2 มี.ค.) พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงเดินขบวนแห่ธงแดงขาวและชูป้ายผ้า “สปป.ลานนา” ว่า การข่าวดังกล่าวทางกองทัพภาคที่ 3 ได้ดำเนินการตรวจสอบมาโดยตลอด และเมื่อเห็นว่าเข้าข่ายรุนแรงได้สั่งการให้มณฑลจังหวัดทหารบกเชียงใหม่ และมณฑลทหารบกพะเยาไปดำเนินการแจ้งความตามกฎหมายในลักษณะฐานกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ที่ระบุ ว่า ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือแบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต และมาตรา 114 ผู้ใดสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใด หรือสมคบกันเพื่อเป็นกบฏ หรือยุยงราษฎรให้เป็นกบฏ หรือรู้ว่ามีผู้จะเป็นกบฏ แล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีหรือสิบห้าปี โดยทางมณทลทหารบกทั้งสองแห่งได้เข้าดำเนินคดีต่อกลุ่ม สปป.ล้านนา เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน เมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) ที่ผ่านมา ได้ใช้อำนาจผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกองทัพภาคที่ 3 เรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดภาคเหนือ 17 จังหวัดเข้าประชุม เพื่อขอความร่วมมือในการช่วยสอดส่องดูแล และตรวจสอบการดำเนินการใดๆ อันจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 17 จังหวัดเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพไม่สามารถสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดได้ เพราะไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาโดยตรง เพียงแต่ขอความร่วมมือจากผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด และทางกองทัพภาคที่ 3 ได้จับตาดูพฤติกรรมและการเคลื่อนไหวของกลุ่ม สปป.ล้านนา และกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 อย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้านี้ให้กับผู้บัญชาการทหารบก รับทราบ ในการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ซึ่งจะมีการประชุมในวันพรุ่งนี้ (3 มี.ค.)
“ยืนยันว่าทหารทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ไม่เคยเลือกข้าง แต่การเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคที่ 3 ของบางกลุ่มที่อาจสร้างความเข้าใจผิดกับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่ม สปป.ล้านนา ที่มีการตั้งชื่อคล้ายกับการจัดตั้งรัฐใหม่ ซึ่งถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา และรัฐธรรมนูญ” พล.ท.ปรีชากล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 มี.ค. นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ระบุว่า ประเด็นเรื่องการแบ่งแย่งเป็นประเทศล้านนา หรือสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลานนา (สปป.ล้านนา) ทางกลุ่มมีการพูดคุยหารือมาเป็นเวลากว่า 6 เดือน และโอกาสที่จะแบ่งแยกเป็นไปได้สูง ตามเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1. การดูถูกความเป็นมนุษย์จากคนอีกกลุ่มในประเทศ 2. การไม่เคารพกฎหมายและมีการเหลื่อมล้ำทางกฎหมายเกิดขึ้น และ 3. ไม่ปกครองตามระบอบประชาธิปไตย หากวันใดมีการปิดประเทศหรือก่อรัฐประหารขึ้นมา พวกตนก็พร้อมจะแยกตัวออกมา ทั้งนี้ การแยกตัวของ สปป.ล้านนา มิใช่การแบ่งแยกประเทศ แต่เป็นการแบ่งแยกการปกครองเหมือนกับจีนแผ่นดินใหญ่กับฮ่องกง 1 ประเทศ 3 ระบอบการปกครอง เชื่อว่าหากแบ่งจริงอย่างน้อยประชาชนร้อยละ 80 ของ 8 จังหวัดภาคเหนือ หรือประชาชน 4 ล้านคนจากประชากร 6 ล้านคนในภาคเหนือ จะออกมาแสดงตัวแม้ว่าจะไม่ใช่คนเสื้อแดง จะมีแนวคิดเดียวกันกับเรา