เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (17ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการ ศรส. แถลงผลการประชุม ศรส.ว่า ได้มีการหารือถึงกรณีนายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส. ได้ไปร้องต่อศาลแพ่ง ให้พิจารณาเพิกถอนการประกาศพ.ร.บ.ฉุกเฉิน ซึ่งเรื่องนี้ ทางศรส.ตรวจสอบพบว่า เมื่อครั้งประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ กทม.และจังหวัดใกล้เคียง สมัยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบปี 2553 นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เคยยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง ขอให้สั่งว่า การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีขณะนั้น เป็นไปโดยมิชอบ แต่ศาลพิพากษาให้ยกฟ้อง ซึ่ง ศรส. พิจารณาเห็นว่า เป็นเรื่องที่มีลักษณะเช่นเดียวกับเรื่องที่ นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. ฟ้องคดีต่อศาลแพ่ง ขอให้สั่งเพิกถอนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยู่ในขณะนี้ โดยมีข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายเดียวกัน ศรส.จึงได้มีมติยื่นคำร้อง เสนอข้อมูลดังกล่าวต่อศาลแพ่งโดยด่วน ในวันนี้ ( 17 ก.พ.) โดยจะทำเป็นคำแถลงการณ์ปิดคดี ก่อนที่ศาลแพ่งจะได้มีคำพิพากษาในวันพุธที่ 19 ก.พ.นี้
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยผลการประชุมหน่วยขึ้นตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมี พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก ในฐานะ ลธ.รมน. เป็นประธานฯ ว่า ทางด้านสถานการณ์ด้านการเมือง ที่ประชุมให้เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ หากฝ่ายบริหาร มีมติให้กลับมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แทน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หากศาลแพ่งมีคำพิพากษาว่า มีการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ โดยมิชอบ ในวันที่ 19 ก.พ.นี้
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้ กวดขันวินัยข้าราชการ กอ.รมน. กรณีเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งอาจเกิดจากความเข้าใจผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น การพกพาอาวุธเพื่อป้องกันตนขณะเข้าไปฟังการปราศรัย เป็นต้น โดยนอกจากจะเป็นความผิดทางอาญาแล้วยังเป็นความผิดทางวินัยด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณากรณีการก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง โดยให้รวบรวมบันทึกหลักฐานการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้สามารถนำไปสู่การชี้มูลความผิดในภายหลัง
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พ.อ.บรรพต กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะ รอง ผอ.รมน.ได้สั่งการให้แยกแยะคดีที่เกิดขึ้นรายวันในเบื้องต้นว่า เป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง หรือจากเหตุอื่นๆ และให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการปฏิบัติงานของทุกกลุ่มงานในสายงาน กปต. มาเผยแพร่ผลงานผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ในทุกสัปดาห์ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยผลการประชุมหน่วยขึ้นตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมี พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก ในฐานะ ลธ.รมน. เป็นประธานฯ ว่า ทางด้านสถานการณ์ด้านการเมือง ที่ประชุมให้เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ หากฝ่ายบริหาร มีมติให้กลับมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แทน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หากศาลแพ่งมีคำพิพากษาว่า มีการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฯ โดยมิชอบ ในวันที่ 19 ก.พ.นี้
นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้ กวดขันวินัยข้าราชการ กอ.รมน. กรณีเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งอาจเกิดจากความเข้าใจผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น การพกพาอาวุธเพื่อป้องกันตนขณะเข้าไปฟังการปราศรัย เป็นต้น โดยนอกจากจะเป็นความผิดทางอาญาแล้วยังเป็นความผิดทางวินัยด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณากรณีการก้าวล่วงสถาบันเบื้องสูง โดยให้รวบรวมบันทึกหลักฐานการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้สามารถนำไปสู่การชี้มูลความผิดในภายหลัง
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พ.อ.บรรพต กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในฐานะ รอง ผอ.รมน.ได้สั่งการให้แยกแยะคดีที่เกิดขึ้นรายวันในเบื้องต้นว่า เป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคง หรือจากเหตุอื่นๆ และให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการปฏิบัติงานของทุกกลุ่มงานในสายงาน กปต. มาเผยแพร่ผลงานผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ในทุกสัปดาห์ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป