นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะกรรมการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) แถลงผลการประชุม ศรส.ว่า ศรส.ได้พิจารณากรณีที่นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. ฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้สั่งเพิกถอนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า กรณีดังกล่าวตรงกับการเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในปี 2553 ที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลให้สั่งเพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งต่อมาศาลแพ่งได้พิจารณาว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อยู่ในอำนาจหน้าที่และดุลพินิจของฝ่ายบริหาร ซึ่งศาลไม่อาจก้าวล่วงได้ โดยทั้งสองกรณีนี้มีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเดียวกัน ดังนั้น ศรส.จึงมีมติยื่นคำร้องเสนอข้อมูลดังกล่าวต่อศาลแพ่งโดยด่วนในวันนี้ โดยจะทำเป็นคำแถลงการณ์ปิดคดี ก่อนที่จะมีการอ่านคำพิพากษาในวันที่ 19 กุมภาพันธ์
ส่วนรายชื่อผู้ให้การสนับสนุนการชุมนุม คาดว่าจะสามารถประกาศรายชื่อได้ในเร็ววันนี้ โดยจากการตรวจสอบพบว่ายอดผู้ชุมนุมีจำนวนมากที่สุด เมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) เวลา 20.00 น. มีจำนวน 7,500 คน ซึ่ง ศรส.ได้กำหนดการเข้าตรวจสอบพื้นที่การชุมนุมเพื่อติดตามจับกุมตัวแกนนำ กปปส. และเปิดใช้พื้นที่ราชการและสาธารณะ รวม 5 แห่ง คือ บริเวณทำเนียบรัฐบาล ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทย โดยได้กำหนดอัตรากำลัง หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และยุทธวิธีในการเข้าปฏิบัติ ซึ่งจะเป็นไปตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสม และย้ำว่าไม่ใช่การสลายการชุมนุม
ส่วนรายชื่อผู้ให้การสนับสนุนการชุมนุม คาดว่าจะสามารถประกาศรายชื่อได้ในเร็ววันนี้ โดยจากการตรวจสอบพบว่ายอดผู้ชุมนุมีจำนวนมากที่สุด เมื่อวานนี้ (16 ก.พ.) เวลา 20.00 น. มีจำนวน 7,500 คน ซึ่ง ศรส.ได้กำหนดการเข้าตรวจสอบพื้นที่การชุมนุมเพื่อติดตามจับกุมตัวแกนนำ กปปส. และเปิดใช้พื้นที่ราชการและสาธารณะ รวม 5 แห่ง คือ บริเวณทำเนียบรัฐบาล ศูนย์ราชการฯ ถ.แจ้งวัฒนะ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กระทรวงพลังงาน และกระทรวงมหาดไทย โดยได้กำหนดอัตรากำลัง หัวหน้าผู้รับผิดชอบ และยุทธวิธีในการเข้าปฏิบัติ ซึ่งจะเป็นไปตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสม และย้ำว่าไม่ใช่การสลายการชุมนุม