ศาลนัดฟังการตัดสินคดี “ถาวร เสนเนียม” แกนนำ กปปส.ฟ้อง “ยิ่งลักษณ์-เฉลิม-อดุลย์” เพิกถอนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน “ถาวร” น้อมรับหากศาลมีคำสั่งไม่ให้ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน รับกังวลเดินรณรงค์ค้านเลือกตั้งจะเกิดความรุนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายถาวร เสนเนียม แกนนำกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ผอ.ศรส.) และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศรส. ต่อศาลแพ่ง ให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น วันนี้ (30 ม.ค.) เวลา 11.00 น. ศาลนัดอ่านคำวินิจฉัยคำร้องดังกล่าวว่าควรเพิกถอนประกาศ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) หรือไม่
นายถาวรกล่าวว่า หากศาลตัดสินว่าไม่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินตามที่ตนฟ้องไป ก็จะน้อมรับไว้และจะเดินหน้าต่อสู้แบบอหิงสาต่อไป ส่วนรัฐบาลที่จะขอหมายศาลจับแกนนำถือว่าเป็นสิทธิ์
นายถาวรกล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ชอบด้วยกฎหมายตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยและยังไม่เข้าข่ายใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จึงเชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลประกาศต้องการให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. และเชื่อว่าหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยก็จะได้คะแนนเสียงเพียง 15 ล้าน แต่จะมีเสียงคัดค้านและโหวตโนถึง 20 ล้านเสียง ซึ่งจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ มีโอกาสเป็นโมฆะสูงมากเพราะหลายเขตไม่สามารถเลือกตั้งได้ และยืนยันว่า กปปส.จะไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง แม้จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็ตาม
แกนนำ กปปส.ยอมรับว่ากังวลว่าจะเกิดความรุนแรงในการเดินรณรงค์คัดค้านการเลือกตั้ง และปิดกรุงเทพฯ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ แต่ทางกลุ่ม กปปส.จะเน้นเชิญชวนไม่เผชิญหน้า ส่วนการจับกุมผู้ก่อเหตุวางระเบิดเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินั้นมีความคืบหน้ามากแล้ว
