ศาลนัดพิพากษาคำร้อง “ถาวร” ฟ้อง “ยิ่งลักษณ์-เหลิม-อดุลย์” ละเมิดออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มิชอบด้วยกฎหมาย พร้อมให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองและเพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับดังกล่าว ชี้หากพิพากษาไปก่อนอาจขัดแย้งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้
จากกรณี นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส.ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส.และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะรอง ผอ.ศรส.เรื่องละเมิดขอให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ห้ามใช้กำลังสลายการชุมนุม และขอให้ศาลเปิดไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก เมื่อช่วงสายวันนี้ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้่ (27 ม.ค.) ภายหลังนายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส.เบิกความเสร็จสิ้น ศาลพิเคราะห์คำร้อง คำฟ้องของโจทก์และสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว โจทก์และทนายโจทก์แถลงว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา นายวิรัตน์ กัลยาศิริ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้มีคำวินิจฉัยเรื่องการออกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเขต กทม.และปริมณฑล โดยขอให้เพิกถอนประกาศฉบับดังกล่าว และโจทก์แถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำขอท้ายคำร้องที่ว่าห้ามจำเลยใช้หรือสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ให้ใช้กำลังหรืออาวุธเข้าสลายการชุมนุมของโจทก์ว่า นายกฯจำเลยที่ 1 กับพวก ได้ประชุมเตรียมการวางแผนใช้กำลังและอาวุธเข้าสลายการชุมนุมของโจทก์และผู้ชุมนุม แต่ยังมิได้ดำเนินการใดๆ เพื่อให้การพิจารณาคำฟ้องของโจทก์เป็นไปโดยถูกต้องและเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งกฎหมายที่บังคับไว้เกี่ยวกับสิทธิของคู่ความ จึงเห็นควรให้นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา ในวันที่ 30 ม.ค.นี้ เวลา 11.00 น. ส่วนคำร้องขอให้ใช้วิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและคำร้องในกรณีฉุกเฉินของโจทก์ จะพิจารณาวินิจฉัยมีคำสั่งหรือคำพิพากษาไปพร้อมกันในวันดังกล่าว
ด้าน นายถาวร เปิดเผยภายหลังว่า ศาลได้สอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากศาลแพ่งมีคำพิพากษาก่อนอาจจะขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงได้เลื่อนการนัดฟังคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 30 ม.ค.นี้ เวลา 11.00 น.ทั้งนี้ในวันดังกล่าวศาลก็อาจจะเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยใดๆ ออกมา ส่วนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวนั้นศาลก็ให้ฟังคำสั่งในวันเดียวกัน ซึ่งหากศาลอนุญาตให้ไต่สวนฉุกเฉินตนจะนำสืบให้ศาลเห็นว่าพวกรัฐบาลใช้กฎหมายพิเศษและเครื่องมือพิเศษ ในพื้นที่ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมจนเกิดความรุนแรงอย่างไรบ้าง โดยจะนำ นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาฯ สมช.ขึ้นเบิกความด้วย นอกจากนี้ตนได้ขอความร่วมมือกับผู้ที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ติดตามสถานการณ์และรวบรวมข้อมูลความรุนแรงในระหว่างนี้ รวมทั้งกรณียิง นายสุทิน ธราทิน แกนนำ กปท.และเหตุระเบิดต่างๆ ด้วย เพื่อใช้ยื่นประกอบในการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามหลักกฎหมายทุกคนย่อมทราบดีว่าคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กรอยู่แล้ว ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาทางรัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม