xs
xsm
sm
md
lg

“ถาวร เสนเนียม” ฟ้องแพ่งเพิกถอนประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายถาวร เสนเนียม แกนนำกปปส.ยื่นฟ้องศาลแพ่ง
“ถาวร เสนเนียม” แกนนำ กปปส. ยื่นฟ้องศาลแพ่ง “ยิ่งลักษณ์-เฉลิม-อดุลย์” ละเมิดออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินมิชอบ พร้อมขอให้ศาลสั่งเพิกถอน ยันประชาชนชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ศาลไต่สวนคุ้มครองชั่วคราวเสร็จแล้ว จึงนัดฟังคำสั่ง 30 ม.ค.นี้

วันนี้ (27 ม.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส. ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศรส. เรื่องละเมิด ขอให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ห้ามใช้กำลังสลายการชุมนุม และขอให้ศาลเปิดไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว

นายถาวรเปิดเผยว่า เนื่องจากสถานการณ์ขณะนี้ไม่มีความร้ายแรงจนถึงขั้นต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่รัฐบาลและฝ่ายบริหารกลับประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินโดยมิชอบ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยแล้วว่าการชุมนุมของ กปปส.เป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ จึงไม่มีความจำเป็นต้องประกาศใช้กฎหมายฉบับดังกล่าว การที่รัฐบาลกระทำอย่างนี้เป็นการจำกัดสิทธิของประชาชน ทั้งนี้ ตามประกาศของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองไม่ได้ และเราคงไม่มีเครื่องมือไปต่อสู้กับฝ่ายบริหาร จึงต้องมาขอพึ่งบารมีศาลแพ่งซึ่งเป็นฝ่ายตุลาการขอให้เพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฉบับนี้ พร้อมขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินทันที เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน อย่างไรก็ตาม ตนจะปักหลักรอจนกว่าศาลจะนัดไต่สวนหรือมีคำสั่งใดๆ แต่ถ้าหากผลออกมาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ก็พร้อมที่จะยอมรับคำตัดสินของศาล

นายถาวรกล่าวต่อว่า ส่วนความเคลื่อนไหวที่เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิในวันนี้จะไม่มีการนำมวลชนเคลื่อนขบวนไปสถานที่ราชการ เนื่องจากเกรงว่าจะมีความสุ่มเสี่ยงเพราะรัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยต่อผู้ชุมนุม ทั้งนี้ ยอมรับว่ามีความกังวลใจเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ฯ เนื่องจากตำรวจที่เคยร่วมดูแลความเรียบร้อยของประชาชนได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่แล้ว เพราะเกรงว่าอาจเข้าข่ายกระทำความผิดฐานสนับสนุนการร่วมชุมนุมตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

ต่อมาศาลแพ่งได้รับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ 275/2557 พร้อมเปิดห้องพิจารณาคดี 712 เพื่อไต่สวนฉุกเฉินทันที เบื้องต้นนายถาวรขึ้นเบิกความไต่สวนเพียงปากเดียว โดยจะไต่สวนทั้งในช่วงเช้าและบ่าย

ต่อมาเวลา 14.30 น. ภายหลังนายถาวร เบิกความเสร็จสิ้น ศาลพิเคราะห์คำร้อง คำฟ้องของโจทก์และสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว โจทก์และทนายโจทก์แถลงว่า เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา นายวิรัตน์ กัลยาศิริ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้มีคำวินิจฉัยเรื่องการออกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเขตกทม.และปริมณฑล โดยขอให้เพิกถอนประกาศฉบับดังกล่าว และโจทก์แถลงเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำขอท้ายคำร้องที่ว่าห้ามจำเลยใช้หรือสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ไม่ให้ใช้กำลังหรืออาวุธเข้าสลายการชุมนุมของโจทก์ว่า นายกฯจำเลยที่1 กับพวก ได้ประชุมเตรียมการวางแผนใช้กำลังและอาวุธเข้าสลายการชุมนุมของโจทก์และผู้ชุมนุม แต่ยังมิได้ดำเนินการใดๆ เพื่อให้การพิจารณาคำฟ้องของโจทก์เป็นไปโดยถูกต้องและเป็นไปตามเงื่อนไขแห่งกฎหมายที่บังคับไว้เกี่ยวกับสิทธิของคู่ความ จึงเห็นควรให้นัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษา ในวันที่ 30 ม.ค. นี้ เวลา 11.00 น. ส่วนคำร้องขอให้ใช้วิธีการคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษาและคำร้องในกรณีฉุกเฉินของโจทก์ จะพิจารณาวินิจฉัยมีคำสั่งหรือคำพิพากษาไปพร้อมกันในวันดังกล่าว

ด้านนายถาวร เปิดเผยภายหลังว่า ศาลได้สอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน และนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ที่ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งหากศาลแพ่งมีคำพิพากษาก่อนอาจจะขัดแย้งกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ จึงได้เลื่อนการนัดฟังคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 30 ม.ค. นี้ เวลา 11.00 น. ทั้งนี้ในวันดังกล่าวศาลก็อาจจะเลื่อนฟังคำพิพากษาออกไปก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยใดๆออกมา ส่วนคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวนั้นศาลก็ให้ฟังคำสั่งในวันเดียวกัน ซึ่งหากศาลอนุญาตให้ไต่สวนฉุกเฉินตนจะนำสืบให้ศาลเห็นว่าพวกรัฐบาลใช้กฎหมายพิเศษและเครื่องมือพิเศษ ในพื้นที่ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมจนเกิดความรุนแรงอย่างไรบ้าง โดยจะนำนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาฯสมช. ขึ้นเบิกความด้วย นอกจากนี้ตนได้ขอความร่วมมือกับผู้ที่ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ติดตามสถานการณ์และรวบรวมข้อมูลความรุนแรงในระหว่างนี้ รวมทั้งกรณียิงนายสุทิน ธราทิน แกนนำกปท. และเหตุระเบิดต่างๆด้วย เพื่อใช้ยื่นประกอบในการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามหลักกฎหมายทุกคนย่อมทราบดีว่าคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญมีผลพันธ์ทุกองค์กรอยู่แล้ว ซึ่งหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมาทางรัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตาม

ทั้งนี้ภายหลังไต่สวนเสรีจ ศาลจึงนัดฟังคำสั่งในวันที๋ 30 ม.ค.นี้ เวลา 11.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น