โฆษก กอ.รมน.เผยที่ประชุมสั่งเตรียมพร้อมหากรัฐหวนใช้ พ.ร.บ.มั่นคงถ้าศาลสั่งถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้มวินัยข้าราชการร่วมม็อบ เตือนพกอาวุธผิดกฎหมาย ส่งทีมเก็บหลักฐานพวกหมิ่นสถาบัน แยกคดีใต้รายวันจากเหตุใด
วันนี้ (17 ก.พ.) พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยผลการประชุมหน่วยขึ้นตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมี พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก ในฐานะ ลธ.รมน.เป็นประธานฯ ว่า ทางด้านสถานการณ์ด้านการเมือง ที่ประชุมให้เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ หากฝ่ายบริหารมีมติให้กลับมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แทน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หากศาลแพ่งมีคำพิพากษาว่ามีการออก พรก.ฉุกเฉิน ฯ โดยมิชอบในวันที่ 19 ก.พ.นี้
นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้กวดขันวินัยข้าราชการ กอ.รมน.กรณีเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งอาจเกิดจากความเข้าใจผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น การพกพาอาวุธเพื่อป้องกันตนขณะเข้าไปฟังการปราศรัย เป็นต้น โดยนอกจากจะเป็นความผิดทางอาญาแล้วยังเป็นความผิดทางวินัยด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณากรณีการก้าวล่วงสถาบันฯ โดยให้รวบรวมบันทึกหลักฐานการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้สามารถนำไปสู่การชี้มูลความผิดในภายหลัง
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พ.อ.บรรพตกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะ รอง ผอ.รมน.ได้สั่งการให้แยกแยะคดีที่เกิดขึ้นรายวันในเบื้องต้นว่า เป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงหรือจากเหตุอื่นๆ และให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการปฏิบัติงานของทุกกลุ่มงานในสายงาน กปต.มาเผยแพร่ผลงานผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกในทุกสัปดาห์ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
วันนี้ (17 ก.พ.) พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เปิดเผยผลการประชุมหน่วยขึ้นตรง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) โดยมี พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก ในฐานะ ลธ.รมน.เป็นประธานฯ ว่า ทางด้านสถานการณ์ด้านการเมือง ที่ประชุมให้เตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ หากฝ่ายบริหารมีมติให้กลับมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ แทน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หากศาลแพ่งมีคำพิพากษาว่ามีการออก พรก.ฉุกเฉิน ฯ โดยมิชอบในวันที่ 19 ก.พ.นี้
นอกจากนั้นที่ประชุมยังได้กวดขันวินัยข้าราชการ กอ.รมน.กรณีเข้าไปมีส่วนร่วมกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งอาจเกิดจากความเข้าใจผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น การพกพาอาวุธเพื่อป้องกันตนขณะเข้าไปฟังการปราศรัย เป็นต้น โดยนอกจากจะเป็นความผิดทางอาญาแล้วยังเป็นความผิดทางวินัยด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณากรณีการก้าวล่วงสถาบันฯ โดยให้รวบรวมบันทึกหลักฐานการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อให้สามารถนำไปสู่การชี้มูลความผิดในภายหลัง
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พ.อ.บรรพตกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในฐานะ รอง ผอ.รมน.ได้สั่งการให้แยกแยะคดีที่เกิดขึ้นรายวันในเบื้องต้นว่า เป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงหรือจากเหตุอื่นๆ และให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการปฏิบัติงานของทุกกลุ่มงานในสายงาน กปต.มาเผยแพร่ผลงานผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกในทุกสัปดาห์ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป