หน.ปชป.ตำหนินายกฯ เบี่ยงเบนประเด็นลาออกฉีกรัฐธรรมนูญ ลั่นคนละเรื่อง เห็นใจ ผบ.ทบ.หนุนไม่อยากเห็นความรุนแรง ชี้แนวคิดแยกประเทศโดยคนเสื้อแดง กระทบความมั่นคง ปลุกข้าราชการปลดแอกจากตระกูลชินฯ ร่วมหาทางออกให้ประเทศ อีกด้านเผยรัฐบาลใช้งบกลางจ่ายเงินชาวนาบางส่วน หวังเบรกชุมนุม ให้ความหวังกองเชียร์ที่เหลือ แต่สร้างปัญหาสะสมให้ประเทศ หนำซ้ำเรียกแขกม็อบชุมนุมร้องเงินเพิ่ม
วันนี้ (25 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ยืนยันจะอยู่รักษาการนายกฯ จนนาทีสุดท้าย หากลาออกจะเป็นการเปิดทางให้ฉีกรัฐธรรมนูญ โดยย้ำว่า ไม่มีใครบอกให้ฉีกรัฐธรรมนูญ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้แปลว่ารัฐธรรมนูญถูกฉีกเช่นเดียวกับการลาออก ดังนั้น ควรหยุดเบี่ยงเบนประเด็น และมีความพยายามที่จะให้เกิดภาพว่า การที่ตนเองจะไม่อยู่ในตำแหน่งนี้เป็นเรื่องของการปฏิวัติ เพื่อจะปลุกระดมต่างๆ โดยอ้างตนเองเป็นตัวแทนของประชาธิปไตย หากตัดสินใจลาออกก็เป็นเรื่องของกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีเรื่องปฏิวัติใดๆ ทั้งสิ้น
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่า ตนเห็นใจ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะสิ่งที่แถลงนั้นมีความละเอียดอ่อนมากในคำพูดต่างๆ ที่อาจจะนำถูกตีความกลายเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ก็มีจุดยืนของกองทัพที่ชัดเจนคือ 1.ไม่ต้องการที่จะถูกลากเข้ามาเป็นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในความขัดแย้งทางการเมือง และ 2.ยืนยันชัดเจนว่า จะช่วยดูแลความปลอดภัย ไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น แต่ตนอยากเห็นเป็นรูปธรรม ซึ่งตนสนับสนุนให้ทำ ส่วนที่มีการเสนอให้เจรจา พูดคุยกันเป็นการสะท้อนว่าการเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ต้องมีวิธีการช่วยกันหาคำตอบ หรือแนวทางในทางการเมือง
ส่วนที่มีการทำการเมืองให้กลายเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ โดยมีความคิดแยกประเทศ สร้างกองกำลังจากการประกาศบนเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงมีหลายเรื่องพาดพิงไปถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความขัดแย้งตรงนี้ แต่ตนรู้ว่ามีกระบวนการมีความพยายาม ทั้งจากต่างประเทศ และกลุ่มคนเสื้อแดง ที่พยายามจะสร้างเรื่องขึ้นมาว่า เรื่องทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วย รวมถึงการแบ่งแยกประเทศที่ฝ่ายความมั่นคงและทหารต้องเข้าไปแก้ไข ไม่ใช่ให้มาเลือกข้างทางการเมือง แต่ต้องแก้ความมั่นคงด้วยการไปจัดการกับคนที่เป็นภัยกับความมั่นคงตามกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวว่าการเจรจาหาทางออกให้ประเทศไม่จำเป็นต้องรอคนเพียง 2-3 คน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.จะมานั่งเจรจากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หากข้าราชการแสดงจุดยืนว่า บ้านเมืองมันเดินไปอย่างนี้ไม่ไหวมันต้องหาทางออกอื่นก็จะมีน้ำหนักมากขึ้น แต่ปัญหาคือคนเหล่านี้จะเอาอย่างไร
“วันนี้คุณยิ่งลักษณ์ใช้ทั้งกลไกทางการเมือง หรือ ขี้ข้า ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คนเหล่านี้จะปลดปล่อยตัวเองออกจากตระกูลชินวัตร ผมคิดว่าถ้าถึงขั้นยืนร้องไห้บอกว่าไม่มีที่ยืนนั้น ก็ต้องถามตัวเองว่าแล้วทั้งหมดทำนี้เพื่อตามใจพี่ชายทำไม และยังมีกลไกของรัฐคือราชการถ้าคนเหล่านี้เห็นอะไรไม่ถูกต้องแต่กลัวสถานะของตัวเอง หรือกลัวผลประโยชน์ของตัวเองได้รับผลกระทบเลยเฉยดีกว่า บ้านเมืองก็เดินเข้าสู่วิกฤตที่ลึกมากยิ่งขึ้น แต่เชื่อว่ามีข้าราชการระดับสูงจำนวนมากที่มีความรู้สึกว่าบ้านเมืองต้องมีทางออกที่ดีกว่านี้ ก็ต้องคุยกัน ปรึกษากัน แล้วก็แสดงออก” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี นำเงินในงบกลาง ปี 2557 ไปใช้ในโครงการจำนำข้าว โดยยืนยันว่า รัฐบาลต้องหาเงินมาจ่ายชาวนาให้ได้ การใช้งบกลางก็เป็นทางหนึ่งที่ไม่ผิดกฎหมาย แต่ก็ยังเป็นปัญหาพื้นฐานของโครงการนี้คือแม้จะใช้งบกลาง 2 หมื่นล้านบาท แต่รัฐบาลยังเป็นหนี้ชาวนาอีกเป็นแสนล้านบาท ถามว่าเงินแสนล้านบาทนั้นต้องมาจากไหน เท่ากับว่ารัฐบาลกำลังสร้างปัญหาสะสมมากยิ่งขึ้นให้กับประเทศ และการตลาดข้าวไทย รวมถึงสถานะการคลังของประเทศด้วย
“ผมเข้าใจว่า รัฐบาลนั้นต้องหาเงินเพื่อไปจ่ายบางส่วนก่อน โดยหวังผล 2 ประการ คือสร้างความหวังให้กับคนที่เหลือว่ารัฐบาลมีเงินจ่ายแล้ว และแก้ปัญหาการชุมนุม แต่ยังมีกลุ่มชาวนาที่กลับไป เพราะรัฐบาลบอกว่าจะหาเงินให้ในสัปดาห์นี้ ซึ่งก็ต้องดูว่าได้เงินมาแล้วตกลงจ่ายตามลำดับหนี้ก่อนหลัง หรือจะจ่ายเฉพาะคนที่มาชุมนุมเท่านั้น ถ้าจะจ่ายเพื่อไม่ให้มาชุมนุมก็จะเป็นอันตรายมาก เหมือนกำลังเชื้อเชิญอีกทุกจังหวัดที่เหลือว่าไม่มาไม่ได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว