“สุเทพ” ถ่ายแบบนิตยสารลิปส์ ที่เวทีปทุมวัน ก่อนปราศรัยต่อที่เวทีสีลม แย้มบอกรักประเทศไทย-บอกเลิกระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลอีกครั้ง เผยสู้ไปเรื่อยๆ เตรียมฟ้องกลับ “ธาริต” เกินกว่าเหตุบุกค้นบ้าน “สนธิญาณ” แถมใส่ร้ายว่าภาพตัดต่อ ซัด “ยิ่งลักษณ์” ไม่เคยไยดีประชาชนตาย ก่อนสวน “ชูวิทย์” เหน็บไม่เชื่อเดินขบวนได้เงินบริจาคเป็นล้าน บอกสติปัญญาไม่ต่าง “เป็ดเหลิม”
วันนี้ (13 ก.พ.) บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ที่เวทีแยกปทุมวัน ตั้งแต่ช่วงเช้า ผู้ชุมนุมยังดำเนินไปอย่างปกติ แม้ว่าเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาจะมีระเบิดประทัดยักษ์ที่บริเวณสะพานหัวช้าง ใกล้กับบริเวณที่ชุมนุม โดยบนเวทีปราศรัยยังมีการพิธีกรเล่าข่าวประจำวัน และแจ้งข่าวสารให้กับผู้ชุมนุมรับฟังสลับกับการเล่นดนตรี ทั้งนี้มาตรการการรักษาความปลอดภัยยังคงเป็นไปอย่างเข้มงวด มีการตรวจตรากระเป๋าสัมภาระ และรถยนต์ที่เข้ามายังพื้นที่ชุมนุม
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 10.00 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้เดินทางเข้ามายังเวทีปทุมวัน เพื่อถ่ายแบบให้กับนิตยสารลิปส์ ซึ่งมี นายศักดิ์ชัย กาย เป็นบรรณาธิการ โดยมีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ไม่เคร่งเครียดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนที่เดินทางออกไป
ต่อมาเวลา 12.02 น.นายสุเทพ ขึ้นปราศรัยเวที กปปส.สีลม ว่า พรุ่งนี้ (14 ก.พ.) มีงานสำคัญเป็นวันบอกรักประเทศไทย เพื่อแสดงพลังการบอกรักประเทศไทย ชุมนุมกันวันที่ 14-16 ก.พ.ซึ่งการแสดงออกควบคู่ไปกับการประกาศให้โลกรู้ว่า เราแสดงความเป็นเจ้าของประเทศ และแสดงความรับผิดชอบต่ออนาคตของประเทศนี้ ไม่ใช่สมบัติส่วนตัวของตระกูลชินวัตร โดยในทุกเวทีจะให้ประชาชนได้แสดงออกต่อความรักที่มีต่อประเทศไทย มีกรรมการเวทีต่างๆ จัดกิจกรรม ที่สำคัญจะประกาศให้โลกรู้ว่าคนไทยจะไม่นิ่งเฉยไม่ให้ใครทำปู้ยี้ปู้ยำกับประเทศไทยอีกต่อไป และบอกเลิก น.ส.ยิ่งลักษณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และบอกเลิกระบอบทักษิณให้หยุดลงเพียงแค่นี้ รวมถึงให้อวยพรให้ไปดี ให้ไปที่สุขที่ชอบ อย่าได้มีเวรกรรมต่อกันและกัน
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ที่ต้องบอกเลิกเพราะทำให้ประเทศเสียหาย ทำให้ให้ประชาชนและชาวนาน้ำตาตก ที่ต้องฆ่าตัวตาย เพราะการกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคนในระบอบทักษิณ จากนี้เลิกคือเลิกไม่ต้องมาเจรจา มีการแบไต๋ผ่านสื่อมาแล้วว่าทุกอย่างอยู่ที่การเจรจาก็ไม่จริง ถ้าทักษิณ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกไปทุกอย่างจบ ระบอบทักษิณจะหมดไป แล้วตั้งรัฐบาลของประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศไทย และไม่มีผลประโยชน์ทางการเมือง โดยจะอยู่แค่ชั่วคราวเท่านั้น มาอย่างเป็นกลางเพื่อวางระบบของประเทศ ป้องกันคนชั่วไม่ให้มาปกครองบ้านเมือง ให้ประชาชนเข้ามาปกครองบ้านเมืองในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังงหวัด หรือแก้โครงสร้างตำรวจ เป็นต้น
โดยในครั้งนี้จะเป็นการยกระดับการต่อสู้อีกระดับโดยใช้วาระเทศกาลวาเลนไทน์แจ้งให้ทราบ และวันนี้จะเป็นวันครบ 1 เดือนที่เราปิดกรุงเทพฯมาแล้ว 1 เดือนเต็มๆ ไม่มีประเทศไหนที่รัฐบาลหน้าหนาแบบนี้ ซึ่งเมื่อวาน (12 ก.พ.) ก็ไปกรมป่าไม้หลังจากทราบว่า นายปลอดประสพ สุรัสวดี รักษาการรองนายกฯ ไปแอบทำงานที่นั้น ส่วนที่กระทรวงมหาดไทย ก็มีสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ (สรส.) ก็ยังเฝ้ากระทรวงไว้อยู่ แต่ถ้าจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปก็จะมีหน่วยเคลื่อนที่ไปทันทีเพื่อช่วยคอยเฝ้าระวัง ทั้งนี้ การปิดกรุงเทพฯเพื่อไม่ให้ข้าราชการเป็นเครื่องมือระบอบทักษิณอีกต่อไป จนกลายเป็นรัฐบาลที่ล้มเหลวอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่เจตนาให้คนกรุงเทพฯเดือดร้อนและต้องขอโทษด้วย ขอให้ถือว่าเสียสละเพื่อประเทศไทย
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า ตราบใดที่จับไม่ได้ก็จะสู้ไปเรื่อยๆ จะกล่าวหาข้อกฎหมายกี่ข้อไม่หนีไปไหน จะกี่คดีรับหมด และจะสู้คดีจนกว่าศาลจะพิจารณา โดยเรื่องที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) จับตัวนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ก็จะสู้คดี แต่ ศรส.ก็ลุแก่อำนาจที่ตามไปค้นบ้านนายสนธิญาณ ไปแบบโจรทั้งที่คนในบ้านก็อาศัยอยู่ ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ ก็เจอแค่วิทยุสื่อสาร และเสื้อกันกระสุน หรือภาพวงจรปิดตามที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บอกไว้ว่าตัดต่อ จึงเป็นเรื่องทำเกินกว่าเหตุ และเราจะเตรียมดำเนินดคีนายธาริตให้กับภรรยาของนายสนธิญาณ
ทั้งนี้ การชุมนุมโดยสงบ แต่มีผลจากการทำร้ายของฝ่ายรัฐบาลได้ตายไปหลายคน และบาดเจ็บจำนวนมาก ตั้งแต่เหตุที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 56 เป็นต้นมา และตำรวจก็จับคนร้ายไม่ได้ ทั้งที่มีภาพวิดีโอชัดเจน ที่สำคัญ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่เคยแสดงความเสียใจการตายของประชาชน รวมถึงชาวนาก็บอกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ รักลูก คนอื่นก็รักลูกตัวเองเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะฟังรู้เรื่องหรือไม่ ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังค้างเงินชาวนา 1.3 แสนล้านบาท แล้วไม่ยอมรับผิด ถ้ากปปส.ไม่ออกมาประท้วงจนยุบสภา รัฐบาลก็ไปทำสัญญาให้ประเทศเป็นหนี้อีก ซึ่งโครงการนี้ตระกูลชินวัตรก็โกงกันเป็นแสนๆ ล้าน
นอกจากนี้ นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ออกมาระบุว่า ที่ กปปส.ไปเดินขบวนและได้เงินบริจาคหลายล้านบาทนั้น เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อ ตนอยากบอกว่าสติปัญญานายชูวิทย์ เหมือนกับ ร.ต.อ.เฉลิม และคนอย่างนายชูวิทย์ ไม่เคยเห็นความดีของคนที่เห็นใจมนุษย์ด้วยกัน คนอย่างชูวิทย์ มีแต่หากินกับน้ำตาคนอื่นมาตลอด