โฆษกประชาธิปัตย์ ชี้เลือกตั้งไม่ตอบโจทย์ประเทศ แถมส่อโมฆะ โหวตอีกไม่มีสิ้นสุด แนะ กกต.ใช้ความกล้าหาญวินิจฉัยทางออก ระบุคนใช้เสียงแค่ 50% ถ้าโหวตโนสูงยิ่งไม่ชอบธรรมชัด ระบุเหนือ-อีสานยอดใช้สิทธิก็ต่ำ ส่อชัดต้องการปฏิรูปก่อน “มัลลิกา” เชื่อ “อดุลย์” ไร้อำนาจสั่งการตำรวจ ปูดนายจ่ายิงเอ็ม 79 ใส่ม็อบ กุ “โกตี๋” หนีซุกบ้านเขยเขมร
วันนี้ (3 ก.พ.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องการใช้การเลือกตั้งประทับความชอบธรรม แต่จะเป็นจุดที่ทำให้เกิดปัญหาใหม่ตามมา คือ การเลือกตั้งไม่ตอบโจทย์ปัญหาประเทศ รวมคะแนนไม่ได้แม้แต่เขตเดียว ไม่มีการประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต หน่วยเลือกตั้งหลายพื้นที่ลงคะแนนไม่ได้ ทำให้การเลือกตั้งหาจุดจบไม่ได้ ต้องทำต่อไปเรื่อยๆ แม้แต่การเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 23 ก.พ. 57 กกต.ก็ยังยืนยันไม่ได้ว่าจะจัดให้เกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความผิดปกติของการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ทั้งสิ้น เพราะจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์และยังส่อว่าจะเป็นโมฆะ รวมทั้งไม่เป็นคำตอบให้กับประเทศแต่เป็นปัญหาใหม่ที่จะเกิดขึ้นเพราะผลที่จะตามมาอีกหลายประการ ทั้งการเลือกตั้งใหม่ไม่มีที่สิ้นสุด เปิดสภาไม่ได้ เป็นต้น เท่ากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะทำให้ประเทศอยู่ในภาวะสุญญากาศทางการเมือง และจะมีปัญหาการขัดรัฐธรรมนูญ เช่น การนับคะแนนทำไปแล้ว แต่มีการกำหนดเลือกตั้งล่วงหน้า 23 ก.พ. 57 จะทำให้การเลือกตั้งล่วงหน้าเป็นโมฆะหรือไม่
“อยากเรียกร้องให้คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ใช้ความกล้าหาญวินิจฉัยทางออกที่ถูกต้อง ตัดสินใจบนผลประโยชน์ของประเทศอย่างแท้จริง ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ต้องเกรงใจรัฐบาล ยึดกฎหมายรัฐธรรมนูญซึ่งจะเป็นทางออกที่เหมาะสมให้กับสังคมไทยมากที่สุด” นายชวนนท์กล่าว
นายชวนนท์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ รัฐบาลยังพยายามบิดเบือนตัวเลขประชาชนผู้มาใช้สิทธิ โดยนำตัวเลขของหน่วยเลือกตั้งที่สามารถเปิดหีบได้มาอ้างว่า มีผู้ไปใช้สิทธิ 89 เปอร์เซ็นต์ โดยความจริงมีผู้ใช้สิทธิเพียงแค่ 50.92 เปอร์เซ็นต์ ต่างจากปี 2554 คือลดลงกว่า 15 ล้านเสียงจากการโนโหวต หากเปรียบเทียบผู้มาใช้สิทธิประมาณ 20 ล้าน ถ้าผู้ไปใช้สิทธิกาโหวตโนเพียงสามล้านเสียง พรรคเพื่อไทยและทุกพรรคการเมืองที่ลงสมัครในครั้งนี้จะเป็นเสียงส่วนน้อยในทันที ทำให้รัฐบาลไม่ได้รับฉันทามติแม้แต่กึ่งหนึ่งของประชาชนที่มีสิทธิลงคะแนน
นายชวนนท์กล่าวด้วยว่า นอกจากกระบวนการเลือกตั้งไม่ชอบธรรมแล้ว ตัวเลขประชากรผู้มาใช้สิทธิก็สะท้อนว่าประชาชนคนไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยส่วนใหญ่ปฏิเสธการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยเฉพาะใน กทม.ที่มีผู้ใช้สิทธิเพียง 26.18 เปอร์เซนต์ จึงขอให้รัฐบาลและนางสาวยิ่งลักษณ์ ได้ทบทวนว่า นี่คือเหตุผลที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ลงสมัครเพราะไม่ชอบธรรม ไม่ใช่ทางออก แต่ทุกฝ่ายต้องมาหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่เอาเสียงข้างมากมาบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่ฟังเสียงใคร เพราะประชาชนจะไม่ยอมอีกต่อไป เป็นสัญญาณอันตรายสำหรับรัฐบาล ต้องทำให้ประชาชนยอมรับกระบวนการเลือกตั้งก่อนที่จะสายเกินไป เพราะศรัทธาในตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ไม่เว้นแม้แต่ในพื้นที่ภาคอีสาน และภาคเหนือ เช่น จ.พะเยา มีผู้ใช้สิทธิแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ จ.แพร่ (อ.วังชิ้น) ไปใช้สิทธิ 90 คน เพื่อไทยได้ 15 คะแนน นอกนั้นโหวตโน แม้แต่อุดรธานีมีผู้ใช้สิทธิเพียง 47 เปอร์เซ็นต์ มีสัดส่วนการกาโหวตโนสูงขึ้น จึงต้องมีการปฏิรูปเพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าการเลือกตั้งจะไม่เป็นเพียงพิธีกรรมที่จะทำให้ได้เสียงข้างมากเข้าไปมีอำนาจแต่ไม่ได้บริหารเพื่อประชาชนได้อีกต่อไป
ด้าน น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้มีพระราชทานเพลิงศพนายสุทิน ธราทิน แกนนำ กปท.ที่ถูกสังหารหน้าวัดศรีเอี่ยมแต่ จนถึงขณะนี้กลับไม่มีความคืบหน้าในคดีแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่มีการชี้เป้าให้เจ้าหน้าที่รับทราบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง มีหลักฐานจากคลิปจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีนายยิ้มที่อยู่ในเหตุการณ์วัดศรีเอี่ยม ยังมาก่อเหตุเพิ่มเติมที่หลักสี่อีกด้วย จึงเห็นว่าเป็นการเชื่อมโยงเป็นคนกลุ่มเดียวกัน แต่ตำรวจไม่มีการควบคุมตัวปล่อยให้ขบวนการนี้ทำผิดซ้ำซากลอยนวลอยู่เหนือกฎหมาย
ทั้งนี้ ตนทราบมาว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. แทบจะไม่มีอำนาจบังคับบัญชาที่แท้จริงเพราะมีคนที่ควบคุมอยู่ 3 คน คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา เลขา รมว.แรงงาน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบ.ชน. โดยฟังข้อมูลไม่รอบด้าน มีการฟังข้อมูลจากฝ่ายแดงมากเกินไป นอกจากนี้ยังเริ่มมีการใช้เอ็ม 79 อีกครั้ง หลังจากที่มีการยิงถล่มกลุ่มพันธมิตรฯ พรรคประชาธิปัตย์ และ กปปส. แต่การชุมนุมคนเสื้อแดงไม่เคยโดนเลย จึงสรุปได้ว่าผู้ที่ใช้อาวุธดังกล่าวคือพวกฮาร์ดคอร์เสื้อแดง อีกทั้งยังมีข้อมูลว่าผู้กระทำเป็นจ่านอกราชการคนหนึ่งที่จะได้ค่าจ้างครั้งละ 3-5 หมื่นบาท
“มีกระแสข่าวว่าขณะนี้ นายโกตี๋ ถูกส่งตัวไปที่กัมพูชา ดิฉันขอตั้งคำถามไปถึง ร.ต.อ.เฉลิม ว่าเหตุใดจึงรีบชี้นำว่านายโกตี๋ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่หลักสี่ ทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ขอถามว่ามีการนำนายโกตี๋ไปที่กัมพูชา เก็บไว้ที่บ้านเขยของใครหรือไม่ และนายโกตี๋เป็นเด็กในปกครองที่รัฐบาลคุ้มกันอยู่ใช่หรือไม่ เพราะหากนายโกตี๋ไม่เกี่ยว เหตุใดนครบาลจึงรีบตัดตอนนายโกตี๋ออกไป จึงขอฝากไปยัง ผบ.ตร.ว่าควรจะใช้ชีวิตราชการที่เหลือทำหน้าที่เพื่อชาติ ไม่ใช่ปล่อยให้ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ดำเนินการเพื่ออนาคตทางการเมืองหลังเกษียณของตัวเอง เพราะจะทำให้กระบวนการยุติธรรมเสียหายทั้งระบบ” น.ส.มัลลิกากล่าว