“เหลิม” เรียกประชุม ศรส.หลังได้ที่ซุกหัวบัญชาการเป็น บช.ปส.ในสโมสรตำรวจ วิภาวดี เผยเตรียมขอคืนพื้นที่ส่วนราชการจันทร์นี้ พร้อมหนุน กกต.จัดเลือกตั้ง รอจังหวะสอยแกนนำ “ธาริต” แถไม่ได้ขอคืนพื้นที่ม็อบ “หมวดเจี๊ยบ” เผยเล็งออกแถลงการณ์ถึง “เทือก” ให้คืนความสุขสู่ กทม.“เหลิม” ขู่นายทุนหนุนม็อบ อ้างพวกหน้าเดิม ขายหมู ขายไก่ ขายเหล้า ลั่นมีโอกาสจับแกนนำหมด
วันนี้ (24 ม.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) ภายในสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้เรียกประชุมคณะกรรมการ ศรส.เป็นการด่วน ประกอบด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.อ.วรพงศ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรณธนะ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้แทนจากเหล่าทัพ และนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส.โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง
จากนั้นเวลา 15.00 น. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช.ในฐานะเลขานุการ ศรส.แถลงว่า ศรส.มีแนวทางปฏิบัติงาน และรับทราบคำสั่งการประกาศ ศรส.โดยยึดหลักของกฎหมายและจะดำเนินการกับผู้ชุมนุมอย่างละมุนละม่อมยึดสันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรง ขณะนี้ทาง ศรส.ได้มีประกาศข้อห้ามและข้อกำหนดการเข้าหรือใช้พื้นที่ต่างๆ ออกมาแล้ว ส่วนผู้ที่กระทำการฝ่าฝืน มีบทลงโทษตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท ดังนั้น จึงขอความร่วมมือประชาชนไม่ให้กระทำการฝ่าฝืน ทั้งนี้ เรามีทีมเจรจาซึ่งมีทั้งเจ้าหน้าที่ กรรมการสิทธิมนุษยชน รวมทั้งสื่อมวลชน เป็นต้น เพื่อไปพูดคุยกับแกนนำในการขอให้เปิดพื้นที่ในบางจุด คาดว่าจะดำเนินการได้ในวันที่ 27 ม.ค.โดยจะเริ่มในพื้นที่ที่เป็นส่วนราชการและต้องให้บริการประชาชน อาทิ กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ และจะทยอยไปตามศูนย์ราชการอื่นๆ เพื่อให้ประชาชนได้ดำเนินชีวิตได้ตามปกติ สำหรับการดูแลการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 ม.ค.เราพร้อมสนับสนุนการดูแลหน่วยเลือกตั้ง รวมทั้งยานพาหนะขอเพียง กกต.ประสานขอมา
เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า เราจะเข้าไปเจรจาก่อนจากนั้นจะดำเนินมาตรการต่อไป เช่น การออกหมายจับหากไม่ได้รับความร่วมมือ หรือขัดขวางการปฏิบัติงาน โดยเงื่อนไขของการเจรจาจะดูสถานการณ์ บรรยากาศ และเรื่องสำคัญที่เราจะต้องเจรจาเพื่อขอพื้นที่ หากเรื่องใดมีความสำคัญจะพูดคุยน้อย จากนั้นจะดำเนินการตามมาตรการของกฎหมาย สำหรับหมายจับเดิมของแกนนำก็ถือว่าเป็นของเดิมสามารถดำเนินการได้ทันทีตามกฎหมาย ป.วิอาญา และจะเพิ่มเป็นหมายที่มีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินด้วย ซึ่งจะทำให้ดำเนินการควบคุมตัวได้เร็ว โดยมีระยะเวลาควบคุมตัว 7 วัน ไม่เกิน 30 วัน แต่ถ้าเป็นหมายเดิมผู้ถูกกล่าวหาสามารถร้องขอประกันตัวต่อศาลได้ และปัจจุบันแกนนำถือว่าผิดทั้งหมายจับเดิม และตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และตอนนี้แกนนำไม่ว่าระดับใดก็สามารถถูกควบคุมตัวได้ถ้ามีจังหวะ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที
ด้าน นายธาริต ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า สำหรับการพิจารณาความผิดทางกฎหมายและการออกหมายจับ ทาง ศรส.อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและจะดำเนินการต่อไป โดยในส่วนของการเจรจาพูดคุยเพื่อให้เปิดพื้นที่นั้น ไม่ใช่การขอพื้นที่การชุมนุมคืน แต่ขอคืนพื้นที่ส่วนราชการ ที่หลายหน่วยงานถูกปิดและส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชน ทั้งกระทรวงมหาดไทย กรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่วนจะดำเนินการเจรจาให้คืนพื้นที่ส่วนราชการใดก่อนนั้นอยู่ระหว่างการพิจารณา
ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะทีมงานโฆษก ศรส.แถลงภายหลังการประชุมศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ครั้งที่ 1 ว่า ในการประชุม ศรส.ได้แบ่งการทำงานเป็น 2 ส่วนคือ 1.ฝ่ายการเมือง มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน เป็นประธาน รับผิดชอบในตำแหน่ง ผอ.ศรส.และ 2.ฝ่ายข้าราชการประจำ มี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบ โดยมีแนวทางการดำเนินการ ดังนี้ 1.ฝ่ายการเมืองจะเน้นให้ข้าราชการใช้กฎหมาย ไม่ใช้กำลัง 2.จะมีการสนธิกำลังจากทุกกระทรวง ทบวง กรม ไม่ใช่เฉพาะเพียงหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง 3.ยุทธศาสตร์ของฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจำคือ การนำสันติสุขกลับคืนมาให้ กทม. 4.จะร้องขอและมีการออกแถลงการณ์ไปยังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ให้คืนความสงบสุขสู่ กทม.ทั้งนี้ ศรส.ขอยืนยันว่า จะไม่มีการสลายการชุมนุม และกระชับพื้นที่ จะไม่มีความสูญเสียเกิดขึ้น จะเน้นการเจรจาเป็นหลัก
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการเตรียมออกหมายจับแกนนำ กปปส.เพิ่มเติม รวมทั้งออกหมายเรียกกลุ่มนายทุนผู้ให้การสนับสนุนม็อบ กปปส.โดยมีทั้งตัวบุคคล และบริษัท ซึ่งเป็นพวกหน้าเดิม มีทั้งพวกขายหมู ขายไก่ ขายเหล้า ทั้งนี้ ความผิดของพวกนายทุน จะมีความผิด 2 ใน 3 ของแกนนำ ส่วนกรณีแกนนำ กปปส.ที่มีหมายจับอยู่แล้ว หากมีจังหวะและโอกาสจะจับทุกคน แต่จะไม่ทำในขณะที่อยู่ในพื้นที่การชุมนุม หรืออยู่กับมวลชนจำนวนมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายและเหตุการณ์รุนแรง
เมื่อถามถึงกรณีที่ กปปส.ประกาศให้คนมาจับตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และ รมว.กลาโหม และตัวท่าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สำหรับนายกฯ นั้น ตนคิดว่านายกฯ ไม่กลัว แต่สำหรับตนไม่ต้องมาพูดกับตน