xs
xsm
sm
md
lg

“อภิสิทธิ์” เบิกความคดีฟ้อง “ธาริต” ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
“มาร์ค-อภิสิทธิ์” เบิกความคดีไต่สวนฟ้อง “ธาริต-ลูกน้อง” ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ สรุปสำนวนสมควรฟ้อง กรณีสั่งสลายม็อบ นปช.ปี 2553 ยันมีชายชุดดำปะปน- ม็อบใช้ความรุนแรง ศอฉ.สั่งกระชับพื้นที่โดยยึดหลักกฎหมาย

ที่ห้องพิจารณาคดี 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (18 พ.ย.) ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดี อ.310/2556 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นโจทก์ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ในฐานะหัวหน้าชุดคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวนเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และเจ้าพนักงานที่ในการยุติธรรม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200, 90 และ 83 กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพในข้อหาก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าโดยเจตนาและเล็งเห็นผล กรณีที่ ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ศอฉ.มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารกระชับพื้นที่ การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เมื่อปี 2553

โดยวันนี้นายอภิสิทธิ์เบิกความว่า การชุมนุมของกลุ่ม นปช.เมื่อปี 2553 นั้น มีกองกำลังชายชุดดำอยู่ด้วย ทำให้เกิดความรุนแรงขึ้น สอดคล้องกับสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอ คำสั่งของศาลแพ่ง และรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่ระบุว่า ระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม นปช.เมื่อเดือน มี.ค.-พ.ค. 2553 มีการทำร้ายเจ้าหน้าที่ เป็นการชุมนุมที่เกินขอบเขต มีการใช้ความรุนแรง โดยเฉพาะรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ยังระบุว่า เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 รัฐบาลขณะนั้นได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายในการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เนื่องจากการชุมนุมมีแนวโน้นที่จะใช้ความรุนแรง จึงจำเป็นต้องขอคืนพื้นที่ เจ้าหน้าที่ทหารมีสิทธิป้องกันตนเอง

นายอภิสิทธิ์เบิกความต่อว่า ขณะเดียวกัน เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2556 นายนิคม วรปัญญา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ถามกระทู้สดเรื่องการกระชับพื้นที่ปี 2553 มีผลเป็นอย่างไร ซึ่งปรากฏอยู่ในราชกิจจานุเบกษา ซึ่ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้ตอบกระทู้แทนนายกรัฐมนตรีระบุว่า ขั้นตอนของการดำเนินการในการรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นไปตามกฎหมาย ตามหลักสากล และสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นการยืนยันคำสั่งของศอฉ.ในขณะนั้นและภายหลังดีเอสไอส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 2556 เวลา 14.00 น. ทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า มีคำสั่งฟ้องตนและนายสุเทพ ซึ่งเป็นการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบล่วงหน้า ก่อนวันนัดฟังคำสั่งคือวันที่ 31 ต.ค. 2556 ถึง 3 วัน ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าเมื่อเวลา 11.00 น.ในวันเดียวกัน ทางคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ประชุมครั้งสุดท้ายเพื่อสรุปเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ก่อนเสนอไปยังประธานสภา เพื่อบรรจุเข้าพิจารณาเป็นวาระ 3 ต่อไป ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการกดดันให้ตนและนายสุเทพยอมรับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ขณะเดียวกันสำนักงานอัยการสูงสุดยังแถลงว่า ในรายงานของดีเอสไอไม่มีกลุ่มชายชุดดำอยู่ด้วย ซึ่งขัดแย้งกับ สำนวนการสอบสวนของดีเอสไอก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า มีกลุ่มชายชุดดำปะปนอยู่กับผู้ชุมนุม นปช.เมื่อปี 2553 และต่อมาคดีดังกล่าวอัยการก็ได้สั่งฟ้องต่อศาลแล้วด้วย จึงเป็นไปไม่ได้ที่อัยการสูงสุด จะไม่เห็นเรื่องชายชุดดำปรากฏอยู่ในสำนวนคดีต่างๆ และนอกจากนี้ในหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของตนและนายสุเทพ ยังได้แนบรายงานการสอบสวนที่กล่าวถึง ชายชุดดำอยู่หลายหน้าอีกด้วย ภายหลังเบิกความเสร็จ ศาลจึงนัดไต่สวนอีกครั้งวันที่ 25 พ.ย.2556 เวลา 09.00 น.

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าเบิกความว่า คดีนี้ศาลได้นัดไต่สวนต่อเนื่อง และยิ่งนานวันพฤติกรรมของนายธาริตก็ชัดเจนขึ้นว่าสั่งฟ้องโดยไม่ชอบ ประกอบกับมีพยานหลักฐานหลายอย่างชี้ชัดว่าเป็นการกลั่นแกล้ง

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะวันที่ 20 พ.ย.นี้ ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยกรณีที่มาของสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ว่าทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณาตามข้อเท็จจริง ส่วนพรรคฝ่ายค้านก็จะเดินหน้ายื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อไป ขณะที่การชุมนุมของประชาชนก็เป็นสิทธิที่สามารถกระทำได้ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้มองว่าเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลสร้างขึ้น โดยไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่เป็นการทำงานเพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคปชป.
กำลังโหลดความคิดเห็น