รองโฆษกเพื่อไทย ระบุ ปชป.ค้านความเห็นอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้อง “นช.แม้ว” เป็นเรื่องปกติ เหน็บควรเอาเวลาไปเตรียมรับมือคดีสลายม็อบแดงจะดีกว่า พร้อมโต้ ปชป.กล่าวหา “ยิ่งลักษณ์” นายกฯแก๊งแดง จี้เลิกสร้างความแตกแยก เอาใจช่วยปฎิรูปพรรค ฉะ กปท.ไร้สัจจะ แยกร่างตั้ง คปท.ชุมนุมปิดถนนแยกอุรุพงษ์ แต่เป็นตัวละครหน้าเดิม
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่าตามที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความแปลกใจที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในคดีก่อการร้ายนั้น การที่พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์จะไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของอัยการสูงสุด เป็นเรื่องปกติ แต่ต้องเคารพการตัดสินตามกฎหมาย ความจริงเรื่องนี้ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตั้งแต่ต้น เพราะเป็นการโฟนอินปราศรัยทางการเมืองปกติ ไม่มียั่วยุ หรือสั่งการอะไร ทั้งนี้จากเหตุการณ์กระชับพื้นที่ชุมนุมกลุ่ม นปช.ปี 2553 ภายในสิ้นเดือน ต.ค.นี้ อัยการจะมีความเห็นสั่งคดีดังกล่าว ซึ่งนายอภิสิทธิ์น่าจะนำเวลาโจมตีรัฐบาลรายวัน ไปทำประโยชน์เพื่อตัวเองเสียบ้าง
ส่วนกรณีที่ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้โจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าเป็นนายกฯ ของคนเสื้อแดง เนื่องจากปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) อย่างสองมาตรฐานนั้น นายอนุสรณ์ ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง แต่เนื่องจากนายกฯ ต้องให้การต้อนรับนายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงมีความเป็นห่วงสถานการณ์การชุมนุม การประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ให้เรียบร้อย ยืนยันว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศ เห็นได้จากนโยบายหรือการช่วยเหลือต่างๆ ที่ส่งตรงถึงประชาชนทุกสีเสื้อ จึงขอร้องให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดสร้างความแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่ายประชาชน พร้อมกับขอเอาใจช่วยพรรคประชาธิปัตย์ก้าวข้ามความขัดแย้งภายในพรรคได้โดยเร็ว แล้วปฏิรูปพรรคเพื่อให้การเมืองแข่งขันกันเชิงนโยบาย
นอกจากนี้ขอขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้ความร่วมมือ ไม่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าวระหว่างนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวปาฐกถาพิเศษต่อที่ประชุมรัฐสภา ทำให้การประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อย
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การที่มีกลุ่มมวลชนแยกตัวจาก กปท.จัดตั้งเป็นเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) บริเวณแยกอุรุพงษ์ ถือเป็นการไม่เคารพข้อตกลงสุภาพบุรุษ ที่ได้ตกลงกับ ศอ.รส.ว่าจะย้ายกลับไปชุมนุมที่สวนลุมพินี จึงเป็นม็อบที่ไร้สัจจะ ไร้การนำ เพราะไม่ว่าเป็น กปท.หรือ คปท.ก็ล้วนแต่เป็นคนหน้าเดิม แค่สร้างละครเรื่องใหม่ โดยนักแสดง ผู้กำกับ นายทุน ล้วนเป็นกลุ่มเดิม แต่เชื่อว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับ ไม่สามารถเรียกมวลชนให้เข้ามาร่วมได้ เพราะไม่มีเหตุผลรองรับเพียงพอ ทุกฝ่ายอยากให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานเพื่อประเทศ
ส่วนที่มีนักเรียน นักศึกษาอาชีวศึกษาเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม คปท.นั้น เป็นสิทธิและเสรีภาพ ตราบที่ไม่ทำผิดกฎหมาย แต่ก่อนตัดสินใจมาร่วมชุมนุม อยากฝากให้ผู้ปกครอง รวมถึงตัวนักเรียนเองใช้วิจารณญาณ คำนึงถึงผลดี ผลเสีย และการเข้าร่วมชุมนุมต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน
