“สุเทพ” สั่งมวลชนทั่วประเทศจับตา “ยิ่งลักษณ์” ส่งข่าวกันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อปฏิบัติการไล่ทุกที่ ทุกเวลา ลั่นหลังปีใหม่รุกฆาต ปฏิวัติประชาชนยึดอำนาจอธิปไตยมาจัดการกันเอง ยันเอาให้จบภายในเดือนมกราคม ไม่รอถึงวันเลือกตั้ง พร้อมยกกรณี “3 หนา” ปราม กกต. ดึงดันจัดเลือกตั้งระวังติดคุก
วันนี้ (24 ธ.ค.) เมื่อเวลา 21.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า ฝ่ายยิ่งลักษณ์พยายามใช้ กกต.เพื่อที่จะดื้อดึงดันจัดเลือกตั้งให้ได้ เตี๊ยมกันรับเลือกตั้งก่อนเวลาที่กำหนดไว้ การให้ไปแจ้งความที่ สน.ดินแดง เพื่อลงบันทึกประจำวัน ก็กลายเป็นว่าไปนั่งรับตรวจหลักฐานการสมัคร พฤติกรรม กกต.เจือสมเหลือเกินกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต วันนี้ตนและพี่น้องทั้งหลายตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่า กกต.สมรู้ร่วมคิดกับรัฐบาล ดึงดันจะจัดเลือกตั้งให้ได้ ไม่ว่าผิดถูกอย่างไร ทำท่าเข้าข้างรัฐบาลเต็มประตู จะมาโกรธตนไม่ได้ว่าตั้งข้อสงสัยไม่เป็นธรรม เพราะในอดีต กกต.เคยเข้าข้างช่วยเหลือพรรคทักษิณมาแล้ว กรณีที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ว่าจ้างพรรคเล็กลงสมัครเลือกตั้ง เพื่อหนีกฎหมาย 20 เปอร์เซ็นต์ ตอนนั้นตนได้เอาหลักฐานไปร้องเรียนต่อ กกต.เพื่อให้วินิจฉัยทันทีตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่ปรากฏว่าดึงเวลาตั้งอนุกรรมการตรวจสอบไม่รู้จักจบจักสิ้น แม้ประธานอนุกรรมการ นายนาม ยิ้มแย้ม จะทำรายงานว่าหลักฐานต่างๆ ถูกต้อง เป็นจริงทุกอย่าง และยังบอกอีกว่าการว่าจ้างพรรคเล็กลงเลือกตั้ง เกิดปัญหาติดขัดเพราะว่าคนลงสมัครในเขตต่างๆ ยังไม่เป็นสมาชิกพรรค หรือเป็นไม่ครบ 90 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด กกต.ก็สมรู้ร่วมคิดเปลี่ยนทะเบียนข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองในคอมพิวเตอร์ของ กกต. ด้วยการถอนชื่อคนที่เป็นสมาชิกครบ 90 วันออก แล้วเอาคนที่ลงสมัครเข้าใส่แทน
ตนได้มอบหมายให้ทนายไปฟ้อง กกต. ในที่สุดศาลได้วินิจฉัยว่ากฎหมายกำหนดให้ กกต. ดำเนินการโดยพลัน การประวิงเวลาเป็นการกระทำอันไม่ชอบด้วยหน้าที่ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ นายวีระชัย แนวบุญเนียร คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี จากนั้นศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ที่ตนยกตรงนี้มาเพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่า กกต.เชื่อใจไม่ได้ เพราะเคยมีประวัติมาแล้ว ฉะนั้นการที่รับสมัครตอนตี 3 ตรวจสำนวนที่สถานีตำรวจ เดี๋ยวก็ได้พิสูจน์กันในศาลอาญา
เลขาฯ กปปส.กล่าวต่อว่า ในอดีตเคยมีพระราชกฤษฎีกาเลื่อนเลือกตั้งมาแล้ว เมื่อครั้งที่การเลือกตั้ง 2 เม.ย. 2549 พรรคไทยรักไทยได้คะแนนไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ 38 เขต ใน 15 จังหวัด กกต. จึงจัดเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 23 เม.ย. 2549 ก็ยังได้ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ใน 14 เขต กำหนดอีกครั้งในวันที่ 29 เม.ย. 2549 แต่ปรากฎว่าถูกศาลสั่งเพิกถอนการเลือกตั้งก่อน และจากนั้นมีพระราชกฤษฎีกาเลื่อนเลือกตั้งไปวันที่ 15 ต.ค. 2549 กรณีนี้ใช้เพื่อแย้งพวกหัวหมอที่บอกว่าเลื่อนเลือกตั้งไม่ได้ มันเคยมีมาแล้ว
นายสุเทพกล่าวด้วยว่า ตนเห็นใจพี่น้องไปประท้วงที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง 2 วัน 2 คืน นึกว่า กกต.จะมีสติยั้งคิด แต่เปล่าเลย ตอนบ่ายแถลงหน้าตาเฉยเดินหน้าเลือกตั้งต่อ ไม่แยแสประชาชน คนเหล่านี้ไม่มีหัวใจ มันไม่มีความรู้สึกว่าความดีความชั่วเป็นอย่างไร ยังสมคบกันย่ำยีประเทศ ฉะนั้นเราคงต้องเพิ่มดีกรีของการต่อสู้ขึ้น การทำดี แสดงออกซื่อๆ เปิดเผยตรงไปตรงมา นึกว่าพวกมันจะคิดได้ แต่ว่าดื้อด้านพอๆกับยิ่งลักษณ์ เราต้องคิดกันต่อ พึ่งใครไม่ได้แล้วในแผ่นดินนี้ นอกจากพึ่งส้นตีนของเราเอง
วันนี้ตนไปรับพี่น้องที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น กลับมาที่ราชดำเนิน รู้ว่าพี่น้องฝืนใจตัวเอง เพราะก็อยากรู้ดำรู้แดงเหมือนกัน แต่ขอยืนยันสิ่งที่ทำไว้ไม่สูญเปล่า
“ตั้งแต่นี้ต่อไปต้องทำให้การต่อสู้เข้มข้นขึ้น กระชับพื้นที่ขึ้น พี่น้องทั่วประเทศช่วยกันเป็นหูเป็นตา ส่งข่าวกันทางอิเล็กทรอนิกส์ ยิ่งลักษณ์ ไปไหน ถึงกี่โมง ไปไล่มันทุกแห่งทุกหน ไล่จนกว่าจะทนไม่ได้ ขาดใจตายหรือลาออกไป ไล่ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุด เลยปีใหม่ไปแล้วถ้ายังด้านอยู่อีก เที่ยวนี้ปฏิวัติโดยประชาชนเลย ไม่ยอมแล้ว ยึดอำนาจอธิปไตยคืนมาจัดการกันเอง เป็นไงเป็นกัน ต้องเอาแล้วคราวนี้ เพราะว่าไม่มีวิธีละมุนละม่อมแล้ว” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพกล่าวอีกว่า หลังปีใหม่รุกฆาต พี่น้องข้าราชการทั้งหลาย อยากมาก็มา ไม่มาก็ทำใจว่าประชาชนไม่มีทางเลือกอื่น รอท่านตัดสินใจไม่ได้ก็ต้องพึ่งส้นตีนตัวเอง เป็นไงเป็นกัน รู้กันต้นปี อยากนัดหมายคร่าวๆ ว่าต้องเอาให้จบภายในเดือนมกราคม ไม่รอถึงวันเลือกตั้ง เพราะรอถึงวันนั้นมันชนะแน่ๆ เพราะไม่มีคู่แข่ง แล้วครั้งนี้จะสู้ทั้งเดือน ไม่ปิดกรุงเทพฯ แค่ครึ่งวัน แต่จะปิดทั้งเดือน สู้ครั้งนี้ต้องชนะให้ได้ เพราะเป็นหนเดียวในชีวิตที่คนหลายล้านคนเสียสละออกมาเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน ต้องชนะอย่างเดียวไม่มีประตูอื่น ต้องทำให้สำเร็จ