เลขาธิการ กปปส.ถามกลับรัฐบาลหลังติดหนวดกฎหมาย ตอนนี้มีอะไรฉุกเฉิน สถานการณ์ต่างจากปี 52-53 ลั่นประชาชนสบายใจได้ ยืนยันปราศรัยเหมือนเดิม ถ้ามีการปราบจะนั่งสวดมนต์แผ่เมตตาให้ “สาทิตย์” ชี้ทำเพื่อเอาใจ “ทักษิณ” รอดูพรุ่งนี้ยกระดับหรือไม่ ลั่นถ้ารุนแรงเมื่อไหร่บ้านเฉลิมจะโดนเป็นหลังแรก
วันนี้ (21 ม.ค.) ที่การชุมนุม กปปส.เวทีสวนลุมพินี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งอาจจะไม่ชอบตามกฎหมาย และมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งตนอยากจะถามว่าประเทศนี้ฉุกเฉินตรงไหน ตอนนี้มีอะไรฉุกเฉิน ซึ่งตนเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และเคยประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในปี 2552-2553 เพราะตอนนั้นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มาชุมนุมมีการเผาบ้านเผาเมือง เผารถ บุกทำร้ายนายกฯ และรัฐมนตรีหลายคน
และในปี 53 ก็มีการเอาปืนเอ็ม 79 มายิงประชาชน ซึ่งอย่างนั้นถึงจะประกาศสถานการณ์ฉุกฉิน แต่เราชุมนุมกันมา 3 เดือนแล้ว อาวุธก็ไม่มี มามือเปล่า และเป็นการชุมนุมที่สงบไม่ได้ก่อการร้าย ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ในเมื่อเราชุมนุมโดยสงบไม่ทำร้ายบ้านเมืองแล้วจะถูกต้องหรือที่จะเอา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และระดมกำลังมาจัดการกับเรา อยากบอกว่ามาเลยกูไม่กลัวมึง ทั้งนี้ตนอยากให้พี่น้องประชาชนตั้งหลักให้แน่น ไม่ว่าเขาจะมารูปแบบใด เราก็จะยึดมั่นแนวทางสงบ สันติ อหิงสา และให้ฟังคำสั่งตนคนเดียวจะสู้หรือจะถอย อย่าแตกตื่นหรือแตกแถว หากมีการบุกมาปราบปรามการชุมนุมที่นี่ตนอาจจะสั่งให้ไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลก็เป็นได้
“ขอให้พี่น้องประชาชนสบายใจได้ว่าต่อให้รัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มันก็ปราบปรามประชาชนไม่ได้แล้ว เพราะวันนี้ประชาชนเขาลุกฮือไม่เอากับพวกมึงแล้ว พวกสัตว์นรกทั้งหลาย ซึ่งเมื่อเขาประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว เขาจะสั่งให้เราหยุดชุมนุม แต่จะมีประโยชน์อะไรเมื่อเราไม่ฟัง และอารยะขัดขืน หากเขาห้ามไม่ให้เราเดินขบวนเราจะเดินอีก หากห้ามตั้งเวทีขยายเสียงเราก็จะปราศรัยทั้งวันทั้งคืน และหากมีการบุกมาเราก็จะนั่งสวดมนต์ กรวดน้ำ แผ่เมตตาให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังจากนั้นเราก็จะสู้ต่อไปจนกว่าจะชนะ ซึ่งผมเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีคนกรุงเทพฯ ร่วมชุมนุมกับเรามากขึ้น” นายสุเทพ กล่าว
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส.กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในวันพรุ่งนี้ ว่า ตอนนี้ทาง กปปส.ยังไม่สามารถกำหนดท่าทีเพราะการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่ได้มีการพูดถึงแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน ซึ่งตนข้อตั้งข้อสังเกตว่า การที่รัฐบาลใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้มีผลในวันพรุ่งนี้ ทั้งที่มีการประกาศล่วงหน้านั้น สถานการณ์เข้าสภาวะฉุกเฉินจริงหรือไม่ ซึ่งโดยปกติหากรัฐบาลได้ประกาศใช้จะต้องมีผลทันทีตั้งแต่ที่เริ่มประกาศ อีกทั้งโครงสร้างในตำแหน่งก็ยังไม่มีความชัดเจน
นอกจากนี้เหตุผลของการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังไม่มีการถ่ายทอดผ่านรวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทีวีพูล) จึงถือเป็นความน่าสงสัย โดยตนยังไม่ทราบว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน หรือ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกฯ และ รมว.ต่างประเทศ ใครจะทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์ เรื่องนี้ตนมองว่าสิ่งที่รัฐบาลทำเป็นเพียงเกมการเมืองทำเพื่อเอาใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามรัฐบาลชุดปัจจุบันได้หมดความชอบธรรมเป็นรัฐบาลเถื่อน ดังนั้น การประกาศกฎหมายใดจึงไม่มีผลบังคับใช้ ส่วน กปปส.จะยกระดับหรือไม่เราต้องดูท่าทีในวันพรุ่งนี้ ในส่วนการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอ และถ้ามีจุดใดที่ขัดต่อข้อกฎหมายทาง กปปส.จะดำเนินการอย่างเต็มที่
นายสาทิตย์ ยังกล่าวอีกว่า ทางหน่วยงานรัฐบาล อย่าง สมช.จะขอคืนพื้นที่การชุมนุมเพราะมองว่าตามหลักปฏิบัติจะเข้ายึดพื้นที่คืนในทันทีไม่ได้ เพราะต้องมีการพูดคุยหรือแจ้งเตือนให้ปฏิบัติก่อน ถ้ายังไม่ดำเนินการก็จะมีมาตรการในขั้นตอนต่อไป เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่ ร.ต.อ.เฉลิม เข้ามาเป็นฝ่ายบริหารในศูนย์ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่กังวล แต่ถ้าเกิดมีอะไรมีความรุนแรง บ้าน ร.ต.อ.เฉลิม จะโดนเป็นหลังแรก
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับบรรยากาศการชุมนุมในช่วงเย็น มีการตรวจผู้เข้าร่วมชุมนุมทุกประตูอย่างเข้มงวด โดยไม่อนุญาตให้รถจักรยานยนต์รับจ้างขับเข้ามาส่งผู้โดยสารในพื้นที่การชุมนุม ขณะเดียวกัน บริเวณดังกล่าวและประตูทางเข้าด้านหลังเวทีปราศรัยที่เป็นเต็นท์พักของแกนนำ มีการใช้เครื่องตรวจสแกนวัตถุระเบิด และตรวจค้นกระเป๋าของผู้ที่จะเข้ามาภายในอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ในเวลา 18.20 น.ภายหลังที่มีรายงานข่าวจากสื่อมวลชนว่า รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้ว ทำให้ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส.ได้ขึ้นเวทีแจ้งข่าวให้ผู้ชุมนุมได้รับทราบทันที โดยระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล เป็นเวลา 60 วัน โดยจะเริ่มวันพรุ่งนี้ (22 ม.ค.) เป็นวันแรก ส่วนรายละเอียดนั้นตนยังไม่ทราบ แล้วจะขึ้นมาแจ้งให้พี่น้องทราบอีกครั้งหนึ่ง