“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” แถลงผ่านทีวีพูล ย้ำข้อเสนอ กปปส.ให้ตั้งสภาประชาชน ขอนายกฯ มาตรา 7 ไม่มีกฎหมายรองรับ อ้างผู้นำรัฐบาลไม่ผ่านการเลือกตั้งกระทบภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นของประเทศ พร้อมลาออกหรือยุบสภา แต่มีเงื่อนไขต้องเลือกตั้งภายใน 60 วัน ขณะเดียวกัน ยื่นข้อเสนอใหม่ทำประชามติถามประชาชนจะเอาตาม กปปส.เสนอหรือไม่ ยันการชุมนุมใหญ่พรุ่งนี้รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอ และหาทางออกร่วมกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าเป็นประธานการประชุม คณะทำงานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสถานการณ์ ของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) โดยมีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะ ผอ.ศอ.รส. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี นายชัยเกษม นิติสิริ รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานด้านความยุติธรรม นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ฐานะประธานด้านดูแลประชาชน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ประธานด้านข้อมูลข่าวสาร พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรมช.เกษตรฯ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษา พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ตัวแทน กอ.รมน.เข้าร่วมประชุม เพื่อประเมินสถานการณ์การเคลื่อนไหวของ กปปส.และกลุ่มอื่นๆ ที่ประกาศร่วมกันเดินเท้าไปปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ในวันจันทร์ที่ 9 ธ.ค.นี้
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยว่า นับตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เป็นเวลาร่วมเดือนเศษแล้ว ที่มีสถานการณ์ความขัดแย้งเกิดขึ้น จนทำให้ประเทศตกอยู่ในขั้นวิกฤต รัฐบาลต้องขอแสดงความเสียใจ และขอโทษต่อเหตุการณ์ที่ทำให้พี่น้องประชาชนต้องเดือดร้อนกังวลใจ และไม่สบายใจในเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะป้องกันเหตุรุนแรงต่างๆ รวมทั้งพร้อมที่จะเปิดเวทีรับฟังข้อเสนอของผู้ชุมนุมอยู่ตลอด
อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอของผู้ชุมนุมไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งสภาประชาชน หรือการขอนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 นั้น ไม่มีบทบัญญัติใดภายใต้รัฐธรรมนูญปัจจุบันรองรับ และยังไม่มีความชัดเจน ในทางปฏิบัติว่าจะดำเนินการอย่างไร อีกทั้งยังไม่มีกฎหมายใดรองรับในการกระทำ และยังมีการถกเถียงกันทางวิชาการ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้ได้ข้อสรุป อันเป็นที่ยอมรับของทุกๆ ฝ่าย
“ขอเรียนว่ารัฐบาลพร้อมที่จะยุบสภา หากเป็นความต้องการของพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย กล่าวคือ เมื่อยุบสภาแล้วก็ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งภายในไม่เกิน 60 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด และในกติกาที่เป็นธรรม แต่หากผู้ชุมนุมและพรรคการเมืองใหญ่ไม่ตอบรับ หรือไม่ยอมรับผลของการเลือกตั้ง ก็จะเป็นเพียงการยืดเวลาของความขัดแย้งออกไป เช่นเดียวกับเหตุการณ์ความวุ่นวาย ในปี พ.ศ. 2549 ซึ่งมีพรรคการเมืองบอยคอตไม่ลงรับสมัครในการเลือกตั้ง ทำให้เกิดภาวะสูญญากาศทางการเมือง อันนำไปสู่การรัฐประหารในที่สุด”
“ดังนั้น รัฐบาลจึงเสนอให้ตั้งเวทีหารือกันในข้อเสนอของผู้ชุมนุม หากยังขัดแย้งกันจนหาข้อยุติที่ตรงกันไม่ได้ ก็ขอเสนอให้ทำประชามติ เพื่อให้เสียงส่วนใหญ่ของพี่น้องประชาชน เป็นผู้ตัดสินใจ พร้อมทั้งสรุปแนวทางการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม และเกิดฉันทามติของทุกพรรคการเมือง ผู้ชุมนุม และทุกภาคส่วน ให้ยอมรับผลการตัดสินใจของประชาชนตามกติกา เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นให้หมดสิ้นไปอย่างแท้จริง
“ขอยืนยันอีกครั้งว่า ดิฉันไม่ติดยึดกับตำแหน่ง ยินดีที่จะยุบสภา หรือลาออก เพียงแต่ขอให้มั่นใจว่าเป็นทางออกที่แท้จริง และสามารถทำให้ข้อขัดแย้งยุติ ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ โดยต้องมั่นใจว่า ข้อเสนอนั้นเป็นข้อเสนอของเสียงส่วนใหญ่ ของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง ข้อเสนอของคุณสุเทพ ที่ยืนยันมาโดยตลอดว่ายุบสภาก็ไม่เอา นายกฯ ลาออกก็ไม่เอา แต่ต้องการให้คืนอำนาจให้กับพี่น้องประชาชน โดยไม่ต้องมีการเลือกตั้งนั้นถือเป็นสิ่งใหม่ที่ยังไม่มีข้อยุติว่า เป็นไปตามครรลองในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ รัฐบาลที่จะเข้ามาบริหารประเทศ โดยที่ไม่ผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ตามระบอบประชาธิปไตยถือเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบต่อภาพลักษณ์ และความเชื่อมั่นของประเทศชาติอย่างมาก หากจะเสนอให้ดำเนินการ น่าที่จะต้องถามความเห็นพี่น้องประชาชนว่าเป็นความต้องการของเสียงส่วนใหญ่ของประเทศจริงหรือไม่ ซึ่งการทำประชามติ ถือเป็นวิธีที่มีการบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ”
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนเชื่อมั่นว่าเราทุกคนมีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรักประเทศชาติไม่แพ้กัน ดังนั้นเพื่อให้ประเทศชาติ ไม่ต้องบอบช้ำไปมากกว่านี้ ตนอยากเห็นเราทุกคนหันหน้าเข้าหากันเพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหา สำหรับในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ รัฐบาลยินดีจะรับฟังข้อเสนอของผู้ชุมนุม มาพิจารณาและหาทางออกร่วมกัน ไม่มีใครแพ้ แต่เราทุกคนรวมถึงประเทศชาติเป็นผู้ชนะด้วยกันทั้งหมด