“สุรพงษ์” โต้ข้อกล่าวหารัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หวังเอื้อเลือกตั้ง อ้างประกาศใช้เพื่อความมั่นคงแห่งรัฐบาล ความสงบสุขของคนในสังคม ขอคืนพื้นที่ตามหลักสากล เตรียมเรียกเจ้าของโรงแรม หอพัก บ้านเช่า ชี้แจงให้ที่หลบซ่อนคนถูกออกหมายจับมีความผิด พร้อมขู่ใครขัดขวางการเลือกตั้งเจอโทษทั้ง กม.เลือกตั้ง และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส. แถลงว่า ตามที่รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมีการตั้ง ศรส.โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นผู้อำนวยการ ศรส.นั้น บัดนี้ ศรส.โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ศรส.ได้ออกประกาศ ศรส.ไป 2 ฉบับแล้ว ตนในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส.ได้ขอย้ำเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ ศอ.รส.ใช้ชีวิตตามปกติ พ.ร.ก.ฉุกเฉินบังคับใช้กับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายหรือฝ่าฝืนประกาศ ศรส.เท่านั้น
นายสุรพงษ์กล่าวว่า เพื่อให้กรุงเทพฯ กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว รัฐบาลให้ ศรส.เร่งเจรจาขอสถานที่ราชการที่ กปปส.และ คปท.เข้าไปปิดที่ทำการของกระทรวงต่างๆ เพื่อให้ข้าราชการเข้าทำงานปฏิบัติหน้าที่ได้ตามปกติเพื่อให้บริการประชาชนต่อไปได้ รัฐบาลจะไม่ใช้วิธีการที่รุนแรง หรือสลายการชุมนุมเพื่อขอพื้นที่คืนอย่างเช่นที่เคยทำในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ รัฐบาลจึงขอให้ ศรส.ใช้หลักวิธีการเข้าเจรจาก่อน และใช้หลักปฏิบัติตามแนวทางที่เป็นสากลกับผู้ชุมนุม รัดกุม รอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสียชีวิต
นอกจากนั้น การดำเนินการของ ศรส.กับบุคคล หรือนิติบุคคลใดๆ ภาคเอกชน หรือองค์กรใดๆ จะใช้วิธีการเชิญตัวเข้ามาชี้แจง เพื่อขอร้องให้ยุติการกระทำใดๆ ที่เป็นภัยต่อสังคม สร้างความแตกแยก ยุยงปลุกปั่น เป็นภัยต่อสังคม จะส่งผลให้สถานการณ์การชุมนุมประท้วงมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น มีความจำเป็นต้องเชิญเจ้าของโรงแรม เจ้าของหอพัก บ้านเช่า หรือให้บ้านที่หลบซ่อนแก่ผู้ที่มีหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เข้าชี้แจง ก่อนที่ ศรส.จะดำเนินการใดๆ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ส่วนกรณีการขัดขวางการเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 26 ม.ค.และการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 2 ก.พ.โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้วนั้น ผู้ใดที่ขัดขวางการเลือกตั้ง นอกจากจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.เลือกตั้ง จำคุก 1-5 ปี และมีโทษปรับ 20,000-100,000 บาท หรือมีโทษทั้งจำและปรับ รวมทั้งถูกถอนสิทธิถูกตัดสิทธิ 5 ปี และจะมีอีกข้อหาหนึ่ง ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือโทษจำคุก 2 ปี โทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ในกรณีความพยายามจากหลายฝ่ายที่พยายามกล่าวหารัฐบาลไม่มีอำนาจประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะว่าเป็นรัฐบาลรักษาการนั้น ขอยืนยันตามข้อกฎหมายหรือตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชการอาณาจักรไทย การประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินครั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้ทำตามอำเภอใจเพื่อประโยชน์บุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่กระทำไปโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อความมั่นคงแห่งรัฐบาล ความสงบสุขของคนในสังคม รักษาไว้ซึ่งอำนาจของปวงชนชาวไทยตามระบอบประชาธิปไตย และการบังคับใช้กฎหมายก็ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนโดยชอบ มีการพิจารณาโดยคณะบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด ปฏิบัติหน้าที่เท่าที่จำเป็น และเป็นการบริหารราชการแผ่นดินปกติที่ต้องปกป้องภัยพิบัติสาธารณะ การใช้ทรัพยากรและบุคคลของรัฐ ก็ไม่ได้กระทำการใดๆ ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย และมีผลต่อเลือกตั้งในเรื่องคะแนนเสียง แต่เป็นความรับผิดชอบสูงสุดของ ครม.ที่ต้องดำเนินการแก้ไข ปราบปรามระงับยับยั้ง เพื่อช่วยเหลือประชาชน สังคม ประเทศชาติ