xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งลักษณ์” หาทางเผ่น ยั่วทหาร “ยึดอำนาจ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงานการเมือง

ถ้าถามว่าในขณะนี้ใครอยากออกเทียบเชิญให้ทหารลากรถถังออกมาทำการยึดอำนาจ “รัฐประหาร” มากที่สุดก็ขอฟันธงตรงนี้เลยว่า คือ “ยิ่งลักษณ์ และพี่ชายนักโทษหนีคดี” พร้อมด้วยขี้ข้าทั้งหลาย

เพราะหากปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามธรรมชาติที่กงล้อแห่งกรรมเริ่มทำงานอย่างเต็มที่หมุนไล่ล่ายิ่งลักษณ์ ชนิดหายใจรดต้นคอจนร้อนผ่าวไปทั้งตัวอยู่นิ่งไม่ได้ ไปโฟร์ซีซั่นส์ก็ไม่ไหว ทำได้แต่ไปซุกปีกทหารทั้งทัพเรือ บก อากาศ ไปจนถึงสำนักงานกระทรวงกลาโหม

ไม่กล้าโผล่หน้าออกมาฉีกยิ้มโชว์ตัวระริกระรี้ใส่กล้องอันเป็นงานถนัดเหมือนในอดีต

การที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน “ยิ่งลักษณ์” ข้อหาละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่ไม่รับฟังคำท้วงติงเกี่ยวกับความเสียหายในการดำเนินโครงการดังกล่าว มีพฤติกรรมละเลยไม่ระงับหรือยับยั้ง อันอาจจะเป็นมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องนั้น

เป็นหอกปักอก “ยิ่งลักษณ์” เฉือนเข้าที่หัวใจของระบอบทักษิณที่จะทำให้เกิดอาการพังทั้งกระดานได้ในเร็ววันนี้

ในอดีตที่นักโทษหนีคดีทักษิณ ชินวัตร ยังคงลอยหน้าลอยตาโกหกประชาชนโดยขาดความละอายต่อบาปได้อย่างต่อเนื่องเพราะในปี 2549 คนชั้นกลางมองเห็นปัญหาการทุจริตเชิงนโยบายที่มีความสลับซับซ้อนจนออกมาต่อต้าน แต่ในขณะเดียวกัน ความเหลื่อมล้ำทางข้อมูลระหว่างคนเมืองกับคนชนบทมีช่องว่างอย่างมากทำให้คนไทยมอง “ทักษิณ” ต่างกันคนละขั้วราวกับอยู่กันคนละโลก

เพราะโลกแห่งความเป็นจริงเล็งเห็นว่า “ทักษิณ” คือ “ซาตาน” แต่ภาพมายาที่ถูกสร้างขึ้นได้ทำให้ “ทักษิณ” กลายเป็น “พ่อพระ” สำหรับคนจน

ด้วยเหตุนี้เมื่อมีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ตามมาด้วยการยุบพรรคไทยรักไทย ตัดสิทธิการเมืองพวกผีบ้าน 111 เป็นเวลา 5 ปีการตัดสินคดีที่ดินรัชดาของศาลฎีกาฯ ที่ให้ ทักษิณ ติดคุก 2 ปี รวมไปถึงการยึดทรัพย์ที่ปล้นชาติไป 4.6 หมื่นล้านบาท จึงถูกปลุกปั่นให้ชาวบ้่่านหลงเชื่ออย่างง่ายดายว่า “ทักษิณถูกกลั่นแกล้งโดยอำมาตย์ และโทษทุกอย่างว่ามาจากผลพวงการรัฐประหาร”

แค่นี้ ทักษิณ ก็พ้นผิดเป็นคนบริสุทธิ์ผุดผ่องในสายตาชาวบ้่าน คำโกหกของนักโทษหนีคดีและขี้ข้า มีความหมายมากกว่าคำตัดสินของศาลฎีกาฯ ที่เป็นศาลสูงสุดของประเทศ เพราะชาวบ้านเลือกที่จะเชื่อในแบบที่ตัวเองอยากเชื่อ มากกว่าที่จะพิจารณาจากข้อเท็จจริง จึงทำให้เกิดขบวนการแดงทั้งแผ่นดิน อันนำมาซึ่งความขัดแย้งแตกแยกอย่างรุนแรงในบ้านเมืองขณะนี้

แต่ชะตากรรมของ “ยิ่งลักษณ์” ไปไกลกว่าพี่ชายนักโทษหนีคดีมากนัก เพราะในยุคทักษิณนั้น กระบวนการยุติธรรมตั้งต้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ทั้งตำรวจอัยการและดีเอสไอ ไม่มีใครสามารถดำเนินคดีเอาผิดกับการทุจริตของทักษิณได้เลย เพราะจะถูกตัดตอนจากกระบวนการยุติธรรมตั้งต้น จนกระทั่งเรื่องไม่เข้าสู่การพิจารณาของศาล

แตกต่างจากกรณีของ “ยิ่งลักษณ์” ที่เข้ามาบริหารประเทศในภาวะที่ชาติสงบ เศรษฐกิจเข้มแข็งไร้ปัญหาเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง แต่เธอกลับบริหารทุกอย่างล้มเหลวหมด ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายประชานิยมที่เคยเป็นจุดแข็งอย่างยิ่งของระบอบทักษิณที่สืบทอดมาถึง “ยิ่งลักษณ์” กลายเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ประชาชนได้เห็นธาตุแท้ของบริษัทการเมืองที่มุ่งใช้เงินแผ่นดินซื้อเสียงประชาชน ผลาญงบประมาณกับโครงการประชาล่มจม โกงกินอย่างมูมมาม โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย แถมยังท้าทายองค์กรอิสระ และกระบวนการยุติธรรมไทยอย่างอุกอาจอีกด้วย

ที่สำคัญคือ ในระหว่างการบริหารงานที่ล้มเหลวของยิ่งลักษณ์นั้น เธอถูกยื่นร้องในหลายคดีควบคู่ไปด้วย ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นตามกระบวนการปกติมิได้เป็นผลพวงใดๆ จากการรัฐประหารทั้งสิ้น หากจะมีผลพวงอะไรสักอย่างที่ทำให้ “ยิ่งลักษณ์” ประสบชะตากรรมเช่นนี้ก็ต้องบอกว่าเป็น “ผลพวงจากระบอบทักษิณ” ที่กำลังทำให้ยิ่งลักษณ์เข้าตาจนอยู่ในขณะนี้

โครงการจำนำข้าว ทำให้ยิ่งลักษณ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรี และโครงการเดียวกันนี้จะทำให้ยิ่งลักษณ์ไม่เพียงพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่จะพ้นจากเส้นทางการเมืองบ่ายหน้าเข้าคุกเพราะอาจหนีไปต่างประเทศไม่ทันเหมือนที่พี่ชายนักโทษเคยรอดบ่วงกรรมไปได้

คำแถลงของ วิชา มหาคุณ ที่เปิดเผยว่าในที่ประชุมของคณะอนุกรรมการบางคนได้มีความคิดที่จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาต่อยิ่งลักษณ์เลยหรือไม่ แต่ในเบื้องต้นคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ให้ความเป็นธรรมกับยิ่งลักษณ์ได้ชี้แจงก่อน นั่นหมายถึงว่าข้อมูลที่ ป.ป.ช.มีอยู่ในขณะนี้นั้นมีน้ำหนักมากเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหาแล้วเพียงแต่เปิดช่องตามขั้นตอนให้ ยิ่งลักษณ์ชี้แจงเพื่อป้องกันไม่ให้มีการปลุกปั่นว่า ป.ป.ช.ไม่ให้ความเป็นธรรม

แต่บทสรุปให้เขียนติดข้างฝาไว้ได้เลยว่า ยิ่งลักษณ์ คือหนึ่งในขบวนการมอดข้าวที่โกงกินกันอย่างมูมมามมากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ชาติไทย

และยังสร้างความฉิบหายให้กับอุตสาหกรรมข้าวไทยอย่างรุนแรง ไปจนถึงกระทบกับชาวนาให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากการถูกรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โกงเงินจำนำข้าวของชาวนาอีกด้วย

สิ่งเหล่านี้ประชาชนทั้งประเทศเห็นและสัมผัสได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวนาที่เป็นฐานเสียงหลักของบริษัทการเมืองทักษิณก็หูตาสว่าง เพราะความเดือดร้อนกระทบถึงตัวจนลุกฮือขึ้นมาขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่พวกเขาเลือกมากับมือด้วยความหวังว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้น แต่กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม คือ ชีวิตดิ่งเหว รายได้เลวลง ถูกผลักเข้่าไปอยู่ในดงหนี้ทั้งในและนอกระบบจนชีวิตใกล้วิบัติล้มละลาย

ปรากฏการณ์ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นทิ่มแทงระบอบทักษิณอย่างรุนแรง คือ ภาพชาวนาที่จะมาเดินร่วมกับกำนันสุเทพในเมืองหลวงเพื่อขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งจะทำให้ยุทธศาสตร์เรื่องชนชั้นที่ปั่นกระแสมาเป็นเวลายาวนานว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นที่รักของคนจนนั้นถูกทำลายลงทันที เพราะความจริงจะปรากฏให้ทั่วโลกได้เห็นว่ารัฐบาลเพื่อไทยคือผู้ทำลายความเข้มแข็งของประชาชน โกงชาวนา สร้างหนี้ให้ชาวบ้าน

ทางออกสำหรับ ยิ่งลักษณ์ ที่จะล้างมลทินทั้งหมดที่ทำตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมาจึงไม่มีทางใดที่จะง่ายเท่ากับการยั่วยุให้ทหารตบะแตกออกมาทำการรัฐประหาร หาใช่มีเป้าหมายที่การเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ไม่ เพราะคนคิดชั่วอย่างสลับซับซ้อนแบบนักโทษหนีคดีทักษิณนั้นย่อมรู้อยู่เต็มอกว่าเลือกตั้งไปก็เจอทางตัน แต่อย่างน้อยในทางตันพรรคเพื่อไทยก็ยังเป็นคนกุมอำนาจ

ยิ่งลากให้เกิดเลือกตั้งเลือดจนเกิดสงครามกลางเมือง หรือเหตุนองเลือดวุ่นวายไปทั่วประเทศ ก็ยิ่งเข้าทาง ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ที่ในขณะนี้หางเริ่มโผล่ให้เห็นแผนสำรองที่กำลังเดินหน้าอย่างเป็นระบบคือ การตั้ง “รัฐบาลพลัดถิ่น” เพราะแทนที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศกลับมุ่งเพิ่มคู่ขัดแย้งระหว่างรัฐบาลต่อประชาชน และองค์อิสระเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ควบคู่ไปกับการโกหกระดับโลกที่ ยิ่งลักษณ์ กล้าตอแหลสดๆ กับบัน คีมูน เลขาธิการสหประชาชาติ ทำลายความชอบธรรมของผู้ชุมนุม กปปส.และองค์กรอิสระเอาดีใส่ตัวว่าพยายามอดทนอดกลั้นในการแก้ปัญหาเพื่อสร้างความชอบธรรมด้วยการอ้างว่ารัฐบาลคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการยุบสภาแล้วแต่ผู้ชุมนุมคือกลุ่มที่ต้องการทำลายประชาธิปไตยของประเทศเพื่อปูทางรอในกรณีที่เกิดเหตุเลวร้ายที่สุดจน “ตระกูลชิน” ไม่สามารถใช้ชีวิตในแผ่นดินไทยได้

มีความเป็นไปได้สูงที่ ยิ่งลักษณ์ จะหอบผ้าหอบผ่อนหนีตายตามพี่ชาย พร้อมประกาศตัวเป็น “รัฐบาลพลัดถิ่น” สานต่อแนวทางที่พี่ชายนักโทษเคยพยายามทำในปี 49 แต่ไม่สำเร็จ และเชื่อว่ายิ่งลักษณ์ก็จะทำไม่สำเร็จเช่นเดียวกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น