รอง หน.ปชป.นำทีมเยือนพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือจี้เลื่อนเลือกตั้ง เจอ รปภ.รับหนังสือ ประสาน “พร้อมพงศ์” ลงมาหา เจ้าตัวท่องบทเลื่อนไม่ได้ อาจไม่มีกฎหมายรองรับ วอนเข้าใจพรรคด้วย วอน ปชป.ช่วยส่งผู้สมัคร “โกตี๋” แดงปทุมธานี ผ่านมาเห็น โชว์ถ่อยตะโกนด่าก่อนกระชากเสื้อจนเซ
วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ น.ต.สุธรรม ระหงส์ ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอให้พิจารณาเลื่อนวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ออกไป แต่ปรากฏว่าทางพรรคเพื่อไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เป็นตัวแทนรับหนังสือ ซึ่งนายองอาจ ได้สอบถามว่าได้รับมอบหมายจากใครให้เป็นผู้รับหนังสือ แต่พนักงานรักษาความปลอดภัยคนดังกล่าวไม่สามารถตอบคำถามได้ นายองอาจ จึงขอให้ประสานกับผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทย ให้เป็นผู้รับหนังสือ หลังจากนั้น 15 นาที นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ได้เป็นตัวแทนพรรคลงมารับหนังสือ
โดย นายองอาจ กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้มีความขัดแย้งอย่างรุนแรง มีความเห็นถึงการเลือกตั้งหลายประการ และทางพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่าวันเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 อาจสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งเพิ่มเติม อีกทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็บอกว่าหากพรรคการเมืองเห็นพ้องต้องกันก็สามารถเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปได้ และอยากให้พรรคการเมืองได้พูดคุยกันเพื่อหาทางออกร่วมกัน ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จึงมอบหมายให้ตน และคณะเป็นผู้มายื่นหนังสือต่อหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นั้น ไม่สามารถให้คำตอบกับประเทศเพื่อออกจากความขัดแย้งในขณะนี้ได้ จึงหวังว่าพรรคเพื่อไทยจะพิจารณาในเรื่องนี้ ยืนยันว่าหากเป็นสถานการณ์ปกติ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมเดินลงสู่สนามการเลือกตั้งอย่างแน่นอน และหากพรรคเพื่อไทยดูกฎหมายเพียงฝ่ายเดียว อาจจะไม่เห็นช่องทางในการเลือนวันเลือกตั้ง ถึงอยากให้รับฟังความคิดเห็นของ กกต.ที่ให้พรรคการเมืองพูดคุยกันอาจจะทำให้เห็นช่องทางเพิ่มขึ้นได้ เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนถึงมาเพื่อให้ประเทศเกิดทางตัน และการประชุมแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ คณะกรรมการบริหารพรรค และอดีตผู้สมัครของพรรค ที่จะพิจารณาว่าลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่นั้น ยืนยันว่าจะพิจารณาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเห็นหลัก ส่วนการจะเลื่อนการเลือกตั้งหรือไม่หรือจะเลื่อนไปเมื่อไหร่นั้น ก็ขอให้แต่ละพรรคได้พูดคุยก่อนซึ่งอาจจะเจอทางออกร่วมกันได้ เพราะทาง กกต.เองก็ได้ออกมาบอกแล้วว่าให้ทุกพรรคการเมืองได้หารือกันก่อน เราจึงมองว่าเป็นช่องทางที่แก้ปัญหาได้
ด้านนายพร้อมพงศ์ กล่าวกับนายองอาจว่า ก่อนที่จะลงมารับหนังสือของนายองอาจ ตั้งแต่ช่วงเช้าแกนนำและทีมกฎหมายของพรรค ได้หารือกันยืนยันว่าไม่มีกฎหมายรองรับให้สามารถเลื่อนการเลือกตั้งออกไปได้ ขอให้พรรคประชาธิปัตย์เข้าใจพรรคเพื่อไทยด้วย ทั้งนี้หากมีการเลือนการเลือกตั้งออกไป เท่ากับว่าประเทศไม่มีนิติรัฐนิติธรรม จนอาจเกิดลัทธิเอาอย่างได้ ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยพร้อมรับฟัง แต่เมืองไม่มีข้อกฎหมายรองรับก็ไม่สามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการประชุมของพรรคประชาธิปัตย์ในวันที่ 21 ธ.ค.นี้ อยากให้ช่วยหาทางออกให้กับประเทศด้วยการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ซึ่งจะสามารถทำให้แก้วิกฤตความขัดแย้งในขณะนี้ได้ หลังจากนั้นจะปฏิรูปกันอย่างไรก็สามารถทำได้โดยผ่านรัฐสภา และก่อนการเลือกตั้งก็ให้ทุกพรรคการเมืองทำสัตยาบันร่วมกัน เมื่อใครชนะการเลือกตั้ง ก็ให้เป็นไปตามสัตยาบัน อาจจะเป็นรัฐบาล 2 ปี เพื่อทำการปฏิรูปแล้วก็ยุบสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากการยื่นหนังสือ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำกลุ่มวิทยุชมชุนเสื้อแดงปทุมธานี ได้ตะโกนด่าทอกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย โดยไม่สนว่าสื่อมวลชนกำลังสัมภาษณ์นายองอาจอยู่ พยายามที่จะด่าทอสอดแทรกตลอดเวลา และบางช่วงถึงกับเดินเข้ามาดึงเสื้อนายองอาจจากด้านหลัง จนทำให้นายองอาจเซ แต่นายองอาจไม่ได้แสดงกิิริยาตอบโต้แต่อย่างใด
จากนั้น นายองอาจ และทีมงานเดินทางไปยื่นหนังสือที่พรรคชาติพัฒนา ซึ่งมี ร.ต.ประภาส ลิมปพันธุ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นผู้รับหนังสือ โดยระบุว่า อยากเชิญชวนพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่านค้านให้ออกมาร่วมแสดงเจตจำนงกาารเลือกตั้งมากกว่าเลือกข้าง ซึ่งปกติพรรคประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งตลอด แพ้หรือชนะก็น้อมรับ แต่ครั้งนี้สถานการณ์ไม่ปกติ มีการเลือกตั้งจึงไม่ใช่ทางออกแต่อาจเพิ่มวิกฤตแทน ทั้งนี้หากพรรคชาติพัฒนาจะมีดุลยพินิจอย่างไรก็พร้อมน้อมรับ
ด้าน ร.ต.ประภาส เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองตั้งพรรคเพราะมีเจตจำนงทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งพรรคก็ยึดถือระบอบประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์และประชาชนเป็นหลัก ซึ่งก็ไม่อยากเห็นประชาชนมีความเป็นประชาธิปไตยเฉพาะวันที่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งเท่านั้น พร้อมย้ำพรรคชาติพัฒนาอยู่ได้ด้วยประชาชนไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง