“อภิสิทธิ์” จ้อเวที สกว. ยันต้นตอปัญหาชาติอยู่ที่ “ทักษิณ” โอ่พรรคทำทุกทางไม่ให้ออกกฏหมายขัดนิติธรรม จวกเหมือนปล้นบ้านลักของพอถูกจับได้แล้วบอกคืนของแล้วไม่ต้องมายุ่งกับคนขโมย จี้ปฏิรูปประเทศ เชื่อเลือกตั้งไม่ราบรื่น ยันทุกคนพร้อมโหวตแต่อยู่ที่วันไหน หยันลงสัตยาบันไปก็เท่านั้น แนะรัฐร่วมกับ กกต.แก้วิกฤตสละอำนาจรักษาการ ปฏิรูปพร้อมเลือกตั้ง จับตาแดงเคลื่อน ด้านรอง ปธ.หอการค้าระบุเลือกตั้งได้ประโยชน์แค่นักการเมืองกับกลุ่มทุน เชื่ออีก 2-3 วันมีทางออก
วันนี้ (18 ธ.ค.) สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (สกว.) ได้จัดเสวนาทางการเมืองในภาวะวิกฤต เพื่อหาทางออกประเทศ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในผู้เข้าร่วมการเสวนากล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งว่า ต้นตออยู่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นคู่ขัดแย้งกับกฎหมายไทย จึงเป็นเหตุให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำทุกอย่างเพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พ้นผิด ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้มีการออกกฎหมายที่ขัดต่อหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่รัฐบาลก็ยังเดินหน้าทั้งการออกกฎหมายนิรโทษกรรม การแก้ไขรัฐธรรมนูญปมที่มา ส.ว.เพื่อตอบแทนสมาชิกวุฒิสภาชุดปัจุบันให้มาเป็นพวกสนับสนุนกฎหมายนิรโทษกรรม และ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เมื่อเกิดปัญหาว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญดังกล่าวมีการปลอมเอกสาร กระทบดุลอำนาจในรัฐธรรมนูญ ทุจริตในการลงคะแนน ขณะที่รัฐบาลกลับบอกว่าไม่ยอมรับอำนาจศาล เป็นการต่อสู้ของกลุ่มบุคคลที่ไม่ยอมรับกฎหมาย จนเกิดการชุมนุมต่อต้านโดยที่รัฐบาลก็ไม่แสดงความรับผิดชอบ แต่พอถูกต้านมากๆ ก็ให้สมาชิกวุฒิสภายับยั้งแต่ก็ไม่จบเพราะปล้นบ้านลักของพอถูกจับได้แล้วบอกคืนของแล้วไม่ต้องมายุ่งกับคนขโมยเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับการไม่ยอมรับอำนาจศาลพอถูกต้านแรงขึ้นจึงมีกระบวนการไปขอคืนร่างดังกล่าวจากที่มีทูลเกล้าฯ ขึ้นไป ทำให้ปัญหาลุกลามมากยิ่งขึ้น
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า มีหลายองค์กรติดต่อสอบถามว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ตนตอบสองประโยคคือ ยุบสภาให้เร็วที่สุดเพราะไม่มีเวลาแล้ว แต่พอเวลาผ่านไปยุบสภาจะไม่ใช่ทางออก เพราะวันที่นายกยุบสภาไม่ใช่เพราะรับผิดชอบแต่จำนนต่อสถานการณ์จึงมาเจอกับปัญหาในวันนี้ คำตอบง่ายๆ คือ การปฏิรูปประเทศหาคนค้านยากเพราะเป็นข้อเรียกร้องในสังคมอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ความเชื่อถือของประชาชนต่อพรรคการเมืองในการปฏิรูปประเทศมีหรือไม่ ทั้งๆ ที่ข้อเสนอที่สังคมเรียกร้อง เช่น กฎหมายทุจริตไม่มีอายุความก็เสนอในสภาแล้ว กฎหมายกระจายอำนาจก็ทำเสร็จแล้ว จึงยืนยันได้ว่าพวกตนพร้อมทำ แต่วันนี้ประชาชนก็ยังไม่เชื่อมีความหวาดระแวงเพราะไม่แยกแยะนักการเมืองแล้ว เหมารวมว่านักการเมืองคือกลุ่มเดียวกันที่ทำให้ชาติวุ่นวาย ดังนั้นการปฏิรูปประเทศเรามีองค์ความรู้ แต่ขาดเจตนารมณ์ทางการเมืองของบางส่วน และความชอบธรรมของคนที่มีเจตนารมณ์ ตนยังนึกไม่ออกว่าใครจะมีครบถ้วน ตนยืนยันว่ามีเจตนารมณ์แต่ความเชื่อถือของตนและพรรคประชาธิปัตย์มีไม่พอที่จะให้สังคมมอบให้ไปทำ แต่ถ้าออกจากระบบไปก็จะไม่ได้รับการยอมรับจึงต้องหาทางให้ตรงนี้มาบรรจบกัน
ส่วนการเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นเพราะสังคมไม่เชื่อว่าคนที่มาจากกระบวนการเลือกตั้งจะมีความชอบธรรมและเจตนารมณ์ที่จะปฏิรูปประเทศ จึงเกิดคำถามกับการเลือกตั้งและกลายเป็นประเด็นที่สังคมถูกตั้งคำถามว่าปฏิรูปก่อนเลือกตั้งหรือปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง โดยไม่มองว่าเลือกตั้งจะปฏิรูปได้หรือไม่ ตนมองว่าการเลือกตั้งวันนี้จะเลือกวันที่ 2 ก.พ.ไม่มีใครมองว่าจะราบรื่น เพราะมีคำถามว่าจะไม่สามารถตอบโจทย์ปฏิรูป สิ่งที่น่ากลัวคือถ้าเกิดความลุกลามบานปลาย รุนแรง การเลือกตั้งจะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
นายอภิสิทธิ์ระบุว่า ตนคิดว่าทุกคนยอมรับการเลือกตั้งแต่เห็นต่างว่าจะเลือกวันไหนเท่านั้น อย่าตั้งโจทย์เฉพาะแค่จะเลือกตั้งหรือปฏิรูปจะไม่มีคำตอบเพราะจะแตกต่างในเรื่องกระบวนการคิด จึงโยงมาเรื่องรักษาการเพราะมีวิกฤตความน่าเชื่อถือ ซึ่งโทษใครไม่ได้ ปมที่ถูกผูกขึ้นมารัฐบาลทำเองทั้งนั้น นายกฯ ตั้งสภาปฏิรูปมาแล้วแต่ยังเดินหน้านิรโทษกรรมในขณะที่ตนทำจดหมายถึงนายกฯ ว่าจะร่วมปฏิรูปแต่ต้องเลิกทำกฎหมายนิรโทษกรรม สุดท้ายนายกฯ ก็ไม่ให้คำตอบ ดังนั้นไม่ว่าวันนี้จะมีการลงสัตยาบันก็จะไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ เพราะมีความพยายามที่จะเอาชนะระบบกฎหมายนำไปสู่การนิรโทษกรรมตลอดเวลา การรักษาการต่อไปทั้งที่ขาดความน่าเชื่อถือเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งไม่ยอมรับการเลือกตั้ง
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ พาดพิงมาถึงพรรคประชาธิปัตย์ว่า ถ้าพรรคไม่ลงสมัครจะทำให้การเลือกตั้งไม่ชอบธรรม ก็เพื่อให้คนคิดว่าประชาธิปัตย์ลงจะทำให้การเลือกตั้งชอบธรรม จึงขอยืนยันว่าการเลือกตั้งชอบธรรมไม่ได้อยู่ที่ประชาธิปัตย์บอยคอตหรือไม่ แต่อยู่ที่ประชาชนบอยคอตหรือไม่ หากประชาชนไปเลือกตั้งไม่มีประชาธิปัตย์การเลือกตั้งก็ชอบธรรม แต่ถ้าพรรคลงสมัครคนไม่ไปลงคะแนนหรือมีการโนโหวตจำนวนมาก การเลือกตั้งก็ไม่ชอบธรรม ปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ สิ่งที่เราต้องการคือ ต้องการปฏิรูปประเทศ รักษาประบอบประชาธิปไตย ปราศจากความรุนแรง
“ดังนั้นต้องถามว่าใครจะมีอำนาจในการเริ่มต้นที่จะแก้ไขปัญหา ถ้าบอกว่า 1 เป้าหมายคือปฏิรูปก็ต้องบอกว่าจะทำอะไรและอะไรคืออุปสรรค โดยชัดเจนว่า รัฐบาลยังรักษาการและยืนยันว่าจะต้องเลือกตั้ง 2 ก.พ. ซึ่งไม่ใช่คำตอบ คนที่จะแก้ได้คือรัฐบาลกับ กกต. อยากให้การเลือกตั้งชอบธรรมก็มีหน้าที่ให้ประชาชนเชื่อว่าการเลือกตั้งและการปฏิรูปไปด้วยกันได้และมีความชอบธรรม แต่รัฐบาลกลับเอาความรู้ทางกฎหมายมาปกป้องตัวเอง ไม่กำหนดเป้าหมายเพื่อนำความรู้มาแก้ปัญหา โดยตั้งธงว่าทำอะไรไม่ได้ซึ่งก็จะทำให้ปฏิรูปประเทศไม่ได้ เลือกตั้งไม่ได้ และอาจทำให้เกิดความรุนแรงด้วย แต่น่าเสียดายที่การลาออกจากรักษาการก็ถูกคำสั่งไม่ให้ทำ อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นนายจาตุรนต์ หรือนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ก็ไม่สามารถตัดสินใจได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า การจะแก้ปัญหาต้องอยู่ที่คนมีอำนาจตระหนักว่าสามารถคลายวิกฤตได้ จึงต้องให้รัฐบาลกับ กกต.ร่วมกันแก้วิกฤต ถ้าไม่ทำแนวนี้ก็จะทำให้ต้องออกนอกระบบ จึงแนะนำให้พบกับรัฐบาลและ กกต.เพื่อให้กำหนดแนวทางในการหาทางออก โดยรัฐบาลสละอำนาจในการรักษาการและต้องรีบทำก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องของความจำนน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะสายเกินไปหรือไม่ เพราะหากไปทำเมื่อจำนนแล้วมันจะไม่มีคุณค่าก็จะถูกปฏิเสธ สถานการณ์จะพัฒนาไปเรื่อยๆ จึงอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับความจริงว่าพรรคเพื่อไทยตัดสินใจเองไม่ได้แต่ต้องขึ้นอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ สังคมไทยจึงต้องเผชิญหน้ากับความจริงและแก้ปัญหาให้ตรงจุด แต่ถ้าไม่ยอมรับความจริงก็จะต้องเสวนากันอีกหลายปีจนกว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะหายตัวไปจากโลกนี้ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณจะเอาชนะกฎหมายไทยได้
“ถ้าถามว่าวันนี้เลือกตั้งได้หรือไม่ ก็ต้องถามว่าใครรับผิดชอบรักษาการ คนนั้นก็มีหน้าที่พิจารณา แต่ที่เขาไม่ให้เลื่อนการเลือกตั้งตามใจชอบเพราะกลัวความได้เปรียบเสียเปรียบ เนื่องจากอาจมีการใช้วิธีสร้างปัญหาเพื่อเลื่อนเลือกตั้งให้ตัวเองได้เปรียบ จึงต้องใช้หลักยุติธรรมมาจับ ถ้าทุกพรรคการเมืองเห็นด้วยก็จะไม่มีใครเสียหาย การเลื่อนการเลือกตั้งก็จะเกิดขึ้นได้ จึงควรต้องไปถามทุกพรรคการเมืองหากเห็นว่าการเลือกตั้งจะเกิดความรุนแรง หากทุกพรรคบอกต้องการเห็นความสงบของบ้านเมืองก็เลื่อนการเลือกตั้งได้ จึงต้องเอาประโยชน์ประเทศเป็นตัวตั้งและเรียกร้อง ต้องถามพรรคเพื่อไทยตรงๆ ไป ว่าเขาอยากทำหรือไม่ เช่น ถ้าอยากเลื่อนเลือกตั้งเพราะเลือกตั้งแล้วไม่สงบ ถ้าพรรคการเมืองยินยอมก็ไม่มีใครเสียหาย แล้วมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้สังคมสงบ” นายอภิสิทธิ์กล่าว
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังยกตัวอย่างกรณีที่รัฐบาลเคยบอกไม่สามารถนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทูลเกล้าฯ ไปแล้วแต่วันนี้ก็นำกลับมาแล้ว จึงเห็นว่าต้องนำกฎหมายมารับใช้ในการแก้ปัญหา และอยากให้จับตา นปช.ที่มีการเคลื่อนไหวในขณะนี้ด้วย เพราะจะมีเหตุผลในการเคลื่อนไหวมากที่สุดเมื่อมีการเดินออกนอกรัฐธรรมนูญหรือประชาธิปไตย ดังนั้น การแก้ไขปัญหาจะมองเฉพาะคู่ขัดแย้งไม่ได้ เพราะยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจออกมาต่อต้านจะทำอย่างไรเป็นเรื่องที่ต้องคิด ยืนยันว่าคู่ขัดแย้งสำหรับตนคือ พ.ต.ท.ทักษิณกับกฎหมายไทย พรรคเพื่อไทยต้องแสดงให้เห็นว่าคุณอยู่ข้างกฎหมายไทย ไม่ยอมให้ใครคนใดคนหนึ่งอยู่เหนือกฎหมายไทย ไม่อย่างนั้นก็ไม่จบ
ด้านนายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย 1 ใน 7 องค์กรธุรกิจ กล่าวในนามส่วนตัวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นเรื่องบ้านเมือง แต่ก็มีความอ่อนไหวในการสร้างสมดุลให้คนเชื่อว่าเป็นกลาง ตนได้ไปพบทั้งฝ่ายรัฐบาลและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส. รวมถึงนักวิชาการ ทุกคนก็อยากให้พวกตนเห็นด้วย แต่เราต้องสงวนท่าทีแต่ถึงเวลาจะต้องมีข้อเสนอที่ชัดเจนแน่นอน อย่างไรก็ตามไม่ขอเป็นคนกลางเพราะไม่มีบารมีมากพอที่จะเรียกคู่ขัดแย้งมา แต่เราตั้งเวทีกลางเพราะมุ่งที่ประชาชนไม่ได้มุ่งที่คู่ขัดแย้ง ทั้งนี้คิดว่าความขัดแย้งจะยุติได้ไม่ใด้อยู่ที่คู่ขัดแย้งแต่อยู่้ที่กองเชียร์สองข้าง หากทำให้เข้าใจว่าประโยชน์ของชาติอยู่ไหน ก็จะเป็นหัวใจสำคัญซึ่งตนพยายามจะทำ และในขณะนี้อุณหภูมิกำลังเพิ่มขึ้นจากการที่จะมีการรับสมัครเลือกตั้งในวันที่ 23 ธ.ค.ซึ่งตนก็เชื่อว่าครั้งนี้อาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้นไม่เหมือนที่ผ่านมาเป็นการขู่กันเท่านั้น เพระในขณะนี้ทางตันไม่มีทางออกจึงอาจเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งมีกระแสสองอย่าง คือ เดินหน้าสู่การเลือกตั้งกับการปฏิรูปประเทศ แต่กระแสเลือกตั้งถูกชูให้ใหญ่กว่าปฏิรูปประเทศทำให้เกิดปัญหา
“การเลือกตั้งประโยชน์ที่จะได้เกิดกับนักการเมืองและกลุ่มทุนมากกว่า แต่กระแสปฏิรูปถ้าเกิดได้จะเกิดกับประชาชนและประเทศชาติมากกว่า ผมไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง แต่ต้องให้น้ำหนัก ถามผมก็คิดว่าให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งมากเกินไป จึงขอจุดประเด็นในเรื่องการปฏิรูปมากกว่า นายอภิสิทธิ์พูดถูกว่าสัตยาบันไม่มีความน่าเชื่อถือ การออกกฎหมายนิรโทษกรรมเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่ทำให้ประชาชนออกมาต่อต้านเพื่อแสดงความไม่ยอมรับ ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าเมื่อประชาชนไม่ไว้ใจจะทำอย่างไร ซึ่งเชื่อว่าอีกสองสามวันจะมีคนเสนอทางออก แต่ขณะนี้กลายเป็นว่านักกฎหมายมาตัดสินประเทศ แต่ถ้าเป็นเอกชนจะเอากฎหมายไว้ก่อน ดูว่าอะไรเป็นประโยชน์แล้วค่อยมาถามนักกฎหมาย ซึ่งทำได้หมดถ้าตกลงกันได้” นายวิชัยกล่าว