“จาตุรนต์” ชี้ทางลงของ “สุเทพ” อาจเหลือเพียงรัฐประหารที่เจ้าตัวต้องทำเอง หรือผลักดันทหารทำ แต่หากทำจะยิ่งสร้างความเสียหายให้ประเทศ ทั่วโลกไม่ยอมรับ หนำซ้ำยังสร้างปัญหาทางเศรษฐกิจ ฝากทหารช่วยเตือนสติ “สุเทพ” ที่ทำอยู่ผิดกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ พร้อมเรียกร้องทุกฝ่าย เอกชน ประชาชนที่ไม่อยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย เรียกร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติความเคลื่อนไหว ย้ำปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง เจอแต่ทางตัน ทั้งเงื่อนไขเวลา และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ขอเข้าพบเพื่อหารือผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจ ว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจและความต้องการของ นายสุเทพ มากยิ่งขึ้นนำไปสู่การหาทางออกได้มากขึ้น แต่การพบกับ ผบ.ตร.อาจจะยากเสียหน่อย เพราะมีหมายจับอยู่ หากพบแต่ไม่จับอาจมีปัญหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ก็มีช่องทางสื่อสารอื่นๆ เช่น เทเลคอนเฟอเรนซ์ หรือ สไกป์ (Skyp) เป็นต้น ทั้งนี้ การพบ ผบ.เหล่าทัพนั้น ถ้าจะมีผลดีคือ เมื่อได้ฟังข้อเสนอของ นายสุเทพ แล้วหากยังเป็นอยู่ตามที่ประกาศ หรือเป็นข่าวออกทีวีเป็นประจำไม่แตกต่างไปจากนี้ สิ่งที่ ผอ.เหล่าทัพควรทำคือ ต้องบอก นายสุเทพ ว่าที่ทำอยู่เป็นการขัดรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมาย และผู้นำเหล่าทัพจะไม่สนับสนุนการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมายหรือขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งหาก ผบ.เหล่าทัพจะช่วยพูดในสิ่งที่ให้ชัดเจนขึ้นได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญกา เพราะการพูดเช่นนี้ไม่ใช่เลือกข้าง เพราะมีหน้าที่ดูแลรักษากฎหมายปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
“ขณะนี้การจะให้ข้อเสนอที่ นายสุเทพ ต้องการเกิดผลสำเร็จเหลือทางเดียว คือ การทำรัฐประหาร จะทำโดยที่ นายสุเทพ จะผลักดันให้ผู้นำเหล่าทัพเป็นผู้นำรัฐประหาร หรือนายสุเทพ จะเป็นผู้นำการรัฐประหารและให้ผู้นำเหล่าทัพเข้าร่วมหรือเป็นผู้ตาม ก็เหลืออยู่เท่านี้ซึ่งหากทำรัฐประหารจะทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย ทั่วโลกไม่ยอมรับเกิดผลเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล ทางลงของเรื่องนี้จะต้องยุติการเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมายและการเสนอข้อเสนอที่มีลักษณะขัดต่อรัฐธรรมนูญและนำไปสู่การรัฐประหาร ส่วนการชุมมนุมเคลื่อนไหวสามารถทำต่อไปได้เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า จากนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันโดยเฉพาะภาคเอกชน และประชาชนที่ไม่ต้องการให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพวุ่นวายไม่สงบและจะเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจและสังคม ต้องช่วยกันอธิบายเรียกร้องต่อ นายสุเทพและพวกหยุดการกระทำที่ผิดกฎหมายและขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการเคลื่อนที่มีข้อเสนอที่ไม่สามารถเป็นไปได้ตามระบบรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ในส่วนของรัฐบาลทราบว่ามีความพยายามที่จะประสานงานฝ่ายต่างๆ หารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน ส่วนของพรรคการเมืองน่าจะมีการหารือเจรจาร่วมกัน เพื่อเป็นนโยบายลดความขัดแย้งและป้องกันปัญหาที่จะตามก่อนและหลังการเลือกตั้ง แต่ข้อเสนอที่ให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนให้มีการเลือกตั้งนั้นเป็นข้อเสนอที่เป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีข้อจำกัดสำคัญ 2 เรื่อง ได้แก่ เวลา และ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการปฏิรูปประเทศต้องใช้เวลามากกว่าสองเดือน และไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะไม่มีสภาผู้แทนราษฎรทำให้องค์ประกอบของรัฐสภาไม่ครบ
สำหรับทางตันของประเทศอย่างแท้จริงนั้น คือ สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ว่า จากกรณีรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ว.นั้นมีผลเท่ากับว่า ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า จะแก้รัฐธรรมนูญให้ต่างจากเนื้อหาสาระรัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่ได้แล้ว ซึ่งหากให้ต่างออกไปถือว่าไม่เป็นประชาธิไตยและเป็นการล้มล้างการปกครอง แต่ขณะที่การปฎิรูปประเทศต้องการทำโดยไม่แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ โดยข้อเสนอที่จะให้สภาประชาชน นายกรัฐมนตรีคนกลาง ล้วนเป็นข้อเสนอที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำได้ก้คือต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งเท่านั้น จึงเท่ากับว่าข้อเสนอของ กปปส.ที่เป็นอยู่เกิดจากฝ่ายเสนอเองและผู้ร่วมมือสนับสนุนได้หาทางปิดกั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาก่อนแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมไทยอยู่ในสภาพวิกฤต หากจะแก้ปัญหาเรื่องนี้จริงๆ ต้องมาพูดกันว่า จะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร และแก้ในเรื่องใดบ้าง ทั้งหมดต้องใช้เวลา ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้ควรจะร่วมกันหาทางออกหลังจากที่มีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวถึงกรณีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ขอเข้าพบเพื่อหารือผู้บัญชาการเหล่าทัพและผู้บัญชาการตำรวจ ว่า เป็นเรื่องที่ทำได้ อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจและความต้องการของ นายสุเทพ มากยิ่งขึ้นนำไปสู่การหาทางออกได้มากขึ้น แต่การพบกับ ผบ.ตร.อาจจะยากเสียหน่อย เพราะมีหมายจับอยู่ หากพบแต่ไม่จับอาจมีปัญหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่ก็มีช่องทางสื่อสารอื่นๆ เช่น เทเลคอนเฟอเรนซ์ หรือ สไกป์ (Skyp) เป็นต้น ทั้งนี้ การพบ ผบ.เหล่าทัพนั้น ถ้าจะมีผลดีคือ เมื่อได้ฟังข้อเสนอของ นายสุเทพ แล้วหากยังเป็นอยู่ตามที่ประกาศ หรือเป็นข่าวออกทีวีเป็นประจำไม่แตกต่างไปจากนี้ สิ่งที่ ผอ.เหล่าทัพควรทำคือ ต้องบอก นายสุเทพ ว่าที่ทำอยู่เป็นการขัดรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมาย และผู้นำเหล่าทัพจะไม่สนับสนุนการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมายหรือขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งหาก ผบ.เหล่าทัพจะช่วยพูดในสิ่งที่ให้ชัดเจนขึ้นได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญกา เพราะการพูดเช่นนี้ไม่ใช่เลือกข้าง เพราะมีหน้าที่ดูแลรักษากฎหมายปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
“ขณะนี้การจะให้ข้อเสนอที่ นายสุเทพ ต้องการเกิดผลสำเร็จเหลือทางเดียว คือ การทำรัฐประหาร จะทำโดยที่ นายสุเทพ จะผลักดันให้ผู้นำเหล่าทัพเป็นผู้นำรัฐประหาร หรือนายสุเทพ จะเป็นผู้นำการรัฐประหารและให้ผู้นำเหล่าทัพเข้าร่วมหรือเป็นผู้ตาม ก็เหลืออยู่เท่านี้ซึ่งหากทำรัฐประหารจะทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย ทั่วโลกไม่ยอมรับเกิดผลเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล ทางลงของเรื่องนี้จะต้องยุติการเคลื่อนไหวที่ผิดกฎหมายและการเสนอข้อเสนอที่มีลักษณะขัดต่อรัฐธรรมนูญและนำไปสู่การรัฐประหาร ส่วนการชุมมนุมเคลื่อนไหวสามารถทำต่อไปได้เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า จากนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันโดยเฉพาะภาคเอกชน และประชาชนที่ไม่ต้องการให้บ้านเมืองอยู่ในสภาพวุ่นวายไม่สงบและจะเป็นผลเสียต่อเศรษฐกิจและสังคม ต้องช่วยกันอธิบายเรียกร้องต่อ นายสุเทพและพวกหยุดการกระทำที่ผิดกฎหมายและขัดรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการเคลื่อนที่มีข้อเสนอที่ไม่สามารถเป็นไปได้ตามระบบรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ในส่วนของรัฐบาลทราบว่ามีความพยายามที่จะประสานงานฝ่ายต่างๆ หารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน ส่วนของพรรคการเมืองน่าจะมีการหารือเจรจาร่วมกัน เพื่อเป็นนโยบายลดความขัดแย้งและป้องกันปัญหาที่จะตามก่อนและหลังการเลือกตั้ง แต่ข้อเสนอที่ให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนให้มีการเลือกตั้งนั้นเป็นข้อเสนอที่เป็นไปได้ยาก เนื่องจากมีข้อจำกัดสำคัญ 2 เรื่อง ได้แก่ เวลา และ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการปฏิรูปประเทศต้องใช้เวลามากกว่าสองเดือน และไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะไม่มีสภาผู้แทนราษฎรทำให้องค์ประกอบของรัฐสภาไม่ครบ
สำหรับทางตันของประเทศอย่างแท้จริงนั้น คือ สิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยไว้ว่า จากกรณีรัฐสภาแก้รัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ว.นั้นมีผลเท่ากับว่า ศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า จะแก้รัฐธรรมนูญให้ต่างจากเนื้อหาสาระรัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่ได้แล้ว ซึ่งหากให้ต่างออกไปถือว่าไม่เป็นประชาธิไตยและเป็นการล้มล้างการปกครอง แต่ขณะที่การปฎิรูปประเทศต้องการทำโดยไม่แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ โดยข้อเสนอที่จะให้สภาประชาชน นายกรัฐมนตรีคนกลาง ล้วนเป็นข้อเสนอที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำได้ก้คือต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งเท่านั้น จึงเท่ากับว่าข้อเสนอของ กปปส.ที่เป็นอยู่เกิดจากฝ่ายเสนอเองและผู้ร่วมมือสนับสนุนได้หาทางปิดกั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาก่อนแล้ว ซึ่งเท่ากับว่าเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมไทยอยู่ในสภาพวิกฤต หากจะแก้ปัญหาเรื่องนี้จริงๆ ต้องมาพูดกันว่า จะแก้รัฐธรรมนูญอย่างไร และแก้ในเรื่องใดบ้าง ทั้งหมดต้องใช้เวลา ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้ควรจะร่วมกันหาทางออกหลังจากที่มีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว