xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ท่องคาถาต้องเลือกตั้ง เตือนรับมือเหตุเลวร้าย เลือกตั้งล้ม ถูกฟ้องซ้ำ ให้งบหาเสียง 1.5 ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่
กกต.ใหม่มอบนโยบาย ลั่นยึดความเป็นกลาง สุจริต เที่ยงธรรม เปรียบเลือกตั้งในสถานการณ์ขัดแย้งเหมือน กกต.ถูกรับน้องใหม่อย่างหนัก ยันต้องไม่ทำตัวเป็นองค์กร “ศาลเจ้า” แต่เป็นองค์กรมีประสิทธิภาพ คิดนอกกรอบไม่อยู่เหนือ กม. เตือนรับมืออาจเกิดสถานการณ์เลวร้ายก่อกวนการเลือกตั้งไม่ให้เกิดขึ้นได้ ขณะเดียวกั นห่วงใช้งบ 3,800 ล้าน หวั่นเลือกตั้งล้ม ถูกฟ้องซ้ำเหมือนปี 49 เผยปลัด กห.ประสานส่งกำลัง 4 แสนนาย ร่วมจัดเลือกตั้ง ด้านผู้สมัครรับเลือกตั้งใช้งบหาเสียงคนละ 1.5 ล้านเหมือนเดิม

วันนี้ (16 ธ.ค.) คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ทั้ง 5 คน ที่นำโดย นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. เป็นประธานมอบนโยบาย และประชุมเตรียมความพร้อมการจัดการเลือกตั้งแก่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งทั่วประเทศ โดยนายศุภชัย กล่าวตอนหนึ่งของการให้นโยบาย ว่า กกต.ทั้ง 5 คน จะยึดมั่นหลักความเป็นกลาง สุจริต เที่ยงธรรม ปราศจากอคติใดๆ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเห็นว่าในสภาวะที่คนในสังคมเห็นแตกต่างกันในเรื่องความคิด ความเชื่อทางการเมือง จำเป็นที่ต้องช่วยกันประคับประคองให้บ้านเมืองเราเกิดความเรียบร้อย เกิดความสามัคคีของคนในชาติ ซึ่งอยากในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้ กกต. และพนักงานทุกคนน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ได้เสด็จออกมหาสมาคมเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ว่า “บ้านเมืองของเราเป็นปึกแผ่นมั่นคง และร่มเย็นเป็นสุขสืบมาช้านาน เพราะเรามีความยึดมั่นในชาติ และต่างบำเพ็ญกรณียกิจตามหน้าที่ให้สอดคล้อง เพื่อเกื้อกูลกัน เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของชาติ” มาเป็นหลักในการปฏิบัติหน้าที่ โดย กกต.พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอแนะจากทุกกลุ่มในการที่จะทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย สามัคคี ปรองดอง เพื่อให้การปกครองตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อยู่คู่ประเทศชาติสืบไป

“การแบ่งงานในการกำกับดูแลของ กกต.แต่ละคน เป็นเพียงการแบ่งภารกิจเพื่อให้มีผู้รับผิดชอบเบื้องต้นเท่านั้น แต่ภาพรวมภารกิจของสำนักงานฯ กกต.ทุกคนสามารถกำกับงานในทุกด้านได้อยู่แล้ว ซึ่งนโบบายในการทำงานของ กกต.ชุดนี้ พวกเราทั้ง 5 คน ได้ยกร่างเป็นแนวทางปฏิบัติงานไว้สรุปเป็นถ้อยคำสั้นๆ ว่า สร้างกลไกเลือกตั้งที่สุจริต สร้างวิถีเลือกตั้งให้ยั่งยืน บนพื้นฐานการเมืองที่เข้มแข็ง และเมื่อปฏิบิติหน้าที่ไประยะหนึ่งก็จะนำกลับมาพิจารณาทบทวน หรืออาจเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น”

ส่วน นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวว่า สำหรับการทำงานด้านการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย มีระเบียบ ข้อกำหนดที่ชัดเจนซึ่ง ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัด ต้องมีความเป็นกลาง เที่ยงธรรม สุจริต และโปร่งใส ขอให้เป็นกลางทุกขั้นตอนการปฏิบัติงานไม่ใช่ตอนวินิจฉัยเท่านั้น ต้องเริ่มตั้งแต่การจ่ายสำนวน ต้องดูให้รอบคอบให้นักการเมืองเชื่อใจว่าเป็นกลางจริงๆ ขอฝากสั้นๆ ว่า ขอให้ดำรงตนให้เป็นที่เคารพนับถือของพี่น้องประชาชน

ส่วน นายประวิช รัตนเพียร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการมีส่วนร่วม กล่าวว่า ถ้าพูดถึงการเลือกตั้งทั่วไปใน พ.ศ.นี้เรากำลังพูดถึง 50 ล้านคนที่มีสิทธิเลือกตั้ง ปี 2554 มีคนไปใช้สิทธิ์ 75% หรือ 30 กว่าล้านคน ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้ทำอย่างไรจะให้เกิดพลังการมีส่วนร่วมของประชาชนให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งหากในการเลือกตั้งปราศจากความโปร่งใส และการมีส่วนร่วมชองประชาชนจะเป็นจุดล้มละลายของชาติบ้านเมือง

ขณะที่ นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต.ต้องเป็นกลางในการเลือกตั้ง ซึ่งอยากให้เป็นกลาง และเที่ยงธรรมในทุกขั้นตอนปฏิบัติ วิกฤตการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นในรอบ 10 กว่าปี ฉุดรั้งให้บ้านเมืองตกต่ำ ล้วนเกิดจากปัญหาการเมือง โยงมาถึงเลือกตั้งที่เป็นกลไกประชาธิปไตย วันนี้ทุกสายตาในประเทศจับจ้องมาว่า กกต.จะมีบทบาทอย่างไรให้บ้านเมืองพ้นวิกฤต พ้นความขัดแย้งที่หยั่งรากลึก จะทำอย่างไรให้การเมืองมีความชอบธรรม ตนเห็นว่าเราเกิดมาชาติหนึ่งเมื่อมีโอกาสที่จะได้ช่วยบ้านเมืองแล้วก็ควรทำหน้าที่ให้ดี เราจะต้องไม่ทำตัวเป็น “ศาลเจ้า” อย่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมเขากล่าวหา แต่เราต้องเป็นองค์กรที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ

ส่วนน ายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวว่า กกต.ชุดนี้เข้ามาต้องมาจัดการเลือกตั้งในสภาพที่มีความข้ดแย้ง ถือว่าเจอรับน้องใหม่หนักมาก สังคมจับจ้องว่าจะทำให้ดีแค่ไหน ถือว่าท้าทายมาก อยากให้พนักงาน กกต.ทุกคนใช้การเลือกตั้งคราวนี้เป็นโอกาสเปลี่ยนแปลงประเทศไทย อย่ามองเพียงว่าจัดการเลือกตั้งให้เสร็จๆ ไป แต่ต้องเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น ถ้าเราสามารถคัดกรองคนดี ได้คนซื่อสัตย์เข้าไปขจัดคนทุจริต ก็เชื่อว่าการเมืองไทยน่าจะดีขึ้น ฉะนั้น พนักงาน กกต.ต้องคิดนอกกรอบ แต่อยู่ภายใต้กฎหมาย ต้องคิดทำอย่างไรให้เกิดผลดีสูงสุด

“การเลือกตั้งย่อมต้องมีการซื้อขายเสียงของนักการเมือง เราต้องไม่ให้การเลือกตั้งก็เป็นส่วนหนึ่งของการปิดการขาย แต่ต้องสร้างมาตรการในการป้องกันต่างๆ เพื่อให้เมื่อเลือกตั้งแล้วประชาชนยอมรับ การเลือกตั้งคราวนี้ กกต.ทุกจังหวัดต้องเตรียมพร้อมในระดับ 100 เปอร์เซ็นต์ ต้องคิดว่าอาจจะเกิดสถานการณ์เลวร้ายที่สุดจะทำอย่างไร เช่น ในวันเลือกตั้ง มีการขัดขวาง ก่อกวน ไม่ได้ให้นับคะแนน จะทำอย่างไร วันสมัคร มีการไปชุมนุมทำให้ไม่สามารถเปิดรับสมัครได้จะทำอย่างไร นึกถึงภาพการเลือกตั้งในกัมพูชา ชุมนุมประท้วง ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร

หลังจากนั้น กกต.ทั้ง 5 คนก็ได้รับฟังแนวทางในการเตรียมความพร้อมในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งสำนักงาน กกต.ได้รายงานให้ทราบว่าขณะนี้ยังไม่สามารถประกาศจำนวน ส.ส.ทั่วประเทศ และการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ เนื่องจากพบว่ามีการเพิ่มลดของจำนวนประชากร โดยจะมีการเพิ่มลดจำนวน ส.ส.ใน 2 จังหวัด คือ นนทบุรี และสุโขทัย โดย กกต.จว.สุโขทัย เตรียมเสนอข้อมูลการแบ่งเขตให้ทางสำนักงานฯ ทราบแล้ว ดังนั้น คาดว่าจะสามารถประกาศจำนวน ส.ส.ทั่วประเทศและการแบ่งเขตเลือกตั้งได้ในวันที่ 18 ธ.ค. ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งผู้สมัคร ส.ส. 1 คน จะใช้จ่ายได้คนละไม่เกิน 1.5 ล้าน เท่ากับครั้งเลือกตั้งเมื่อ 3 ก.ค.54 และในส่วนของการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาพรรคการเมืองก็ได้มีการแจ้งให้ทุกพรรคงดการจัดประชุม สัมมนา นับแต่วันที่มีประกาศ พ.ร.ฎ เลือกตั้ง จนถึงวันประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว

นอกจากนี้ ในส่วนการตรวจสอบการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง การแจ้งยอดเพิ่มลดสมาชิกของแต่ละพรรคการเมืองในขณะนี้ยังไม่สามารถจัดลงในระบบฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ได้ทัน ดังนั้น หลังการรับสมัครแล้วหากจังหวัดใดมีปัญหาในเรื่องการตรวจสอบก็ให้ผู้อำนวยการเขตสำเนาใบสมัคร พร้อมระบุพรรคการเมืองมายังสำนักงาน กกต.ให้ดำเนินการตรวจสอบ รวมทั้งการที่สำนักงานฯ ได้รับการประสานจากปลัดกระทรวงกลาโหมว่าเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ทหารไว้กว่า 4 แสนนาย พร้อมที่จะเข้ามาช่วยจัดการเลือกตั้ง ซึ่ง กกต.กำลังพิจารณาว่าจะให้เข้ามาช่วยในส่วนใด เช่น อาจจะมาเป็นกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง หรือมาเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ขณะที่ทำให้ส่วนเรื่องงบประมาณที่ใช้ในการเลือกตั้งนั้น ทางสำนักงาน กกต. ได้ส่งหนังสือไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขอเบิกใช้งบกว่า 3,885 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ต้องรอให้มีการประชุม ครม.โดยคาดว่าในวันที่ 24 ธ.ค. นี้ จึงจะทราบว่า ครม.จะอนุมัติงบประมาณดังกล่าวได้เต็มจำนวนที่ขอไปหรือไม่ เพราะในการเลือกตั้งครั้งนี้จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเขตเลือกตั้งมีเพิ่มขึ้น จึงต้องใช้งบประมาณในจำนวนดังกล่าว ซึ่งภายหลังที่ทราบจำนวนงบประมาณที่แน่นอนแล้ว ในวันที่ 2 ม.ค.57 ทางสำนักงาน กกต.จึงจะแจ้งไปยัง กกต.แต่ละจังหวัดให้รับทราบต่อไป แต่สิ่งที่กังวลคือ ในตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เหมือนกับการเลือกตั้งปี 2549 ที่เมื่อมีการเลือกตั้งไปแล้ว และต่อมามีการฟ้องให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ประเทศชาติต้องสูญเสียงบประมาณกว่า 2 พันล้าน ในการเลือกตั้ง กกต.ก็ได้ถูก คตส.ตรวจสอบ ซึ่งต้องสู้คดีนานกว่า 2 ปี จึงขอให้ระมัดระวังเรื่องการใช้เงินให้ดี
กำลังโหลดความคิดเห็น