>>เสียงนกร้องต้อนรับเรา เมื่อครั้งเราไปเยี่ยมบ้านหลังใหญ่ ที่แวดล้อมด้วยต้นไม้ สนามหญ้า และบ่อน้ำเล็กๆ ณ ธาดาวิลล่า ย่านซอยเย็นอากาศ บ้านหลังนี้เป็นบ้านของครอบครัวเธียรประสิทธิ์ ที่เปิดโอกาสให้เราได้เข้าไปนั่งสัมภาษณ์พูดคุยกับ 3 เจเนอเรชั่นที่เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวนักสังคมสงเคราะห์ ที่มีผู้ริเริ่มอย่าง “คุณหญิงโรส บริบาลบุรีภัณฑ์” มีผู้ดำรงให้คงอยู่อย่าง “รัญชา บริบาลบุรีภัณฑ์” และ “รมณีย์ เธียรประสิทธิ์” และมีรุ่นที่ 3 ที่กำลังจะสืบทอดพันธะกิจของมูลนิธิต่างๆ อย่าง “น้องพริสซี่-สุดาภา เธียรประสิทธิ์”
ต้นฉบับคุณแม่ใจบุญ
กว่า 45 ปีแล้วที่ “คุณหญิงโรส บริบาลบุรีภัณฑ์” อุทิศตนให้กับการทำงานด้านการกุศล ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องเลี้ยงดูลูกๆ 4 คน หลังจากที่ “พล.ต.ต.ชนก บริบาลบุรีภัณฑ์” จากโลกนี้ไป และไม่ใช่แค่การเลี้ยงดูลูกเท่านั้น หากแต่ยังมีงานมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือผู้คนที่ลำบากอีกมากมายรอให้คุณหญิงเข้าไปให้ความช่วยเหลือ
คุณหญิงโรส :: “ทำงานมูลนิธิตั้งแต่ลูกๆ เริ่มโต ดูแลตัวเองได้ เมื่อเราไม่ยุ่งมากก็มีเวลามาช่วยสังคม แล้วเอาลูกมาช่วย เพราะว่าการทำงานการกุศลครอบครัวต้องมีส่วนช่วยด้วย งานถึงจะเดินได้ ซึ่งถือเป็นกิจกรรมในครอบครัว ฝึกให้ลูกๆ ทำบุญตั้งแต่ยังเด็ก”
รัญชา :: “คุณแม่สู้มาก ตั้งแต่คุณพ่อเสีย คุณแม่ก็รับภาระหนักกว่าเก่า ลูกทั้ง 4 คนคุณแม่ต้องส่งเสียหมดเลย ท่านก็หางาน หาเงินเพื่อที่จะเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด อย่างตัวพี่รัญชาเองเรียนจบพอดีแล้วคุณพ่อก็เสีย ซึ่งก่อนหน้านั้นท่านก็จะเป็นคนวางแผนการศึกษาให้ลูกๆ พอเราไปทำงานโน่นนี่แล้ว สุดท้ายก็คิดว่ากลับมาช่วยคุณแม่ทำงานการกุศล เพราะได้ช่วยเหลือคนที่เขาเดือดร้อน
คุณหญิงโรส :: “รัญชาเขาเพิ่งได้รับรางวัลลูกกตัญญู ไปไหนมาไหนเขาก็เดินตามแม่ ช่วยแม่ตลอด ซึ่งเรื่องที่เราทำคือเรื่องจริง ไม่ได้แกล้งทำ หรือสร้างภาพความใจบุญ เคยพาลูกไปทำบุญในสลัม ยากจนมาก ทุกคนในบ้านนอนมุ้งเดียวกัน เดินผ่านน้ำคลำ ถุงพลาสติกทิ้งเต็มไปหมด เชื่อมั๊ยว่ารมมี่เดินไปร้องไห้ไป เพราะว่าเขาเป็นคนขี้สงสาร ลูกเราเขาอยู่สบายไม่เคยเห็นความลำบาก การที่เราพาเขาไปเห็นก็เป็นการฝึกให้เขารู้คุณค่าของเงินด้วย”
รมณีย์ :: “เราเองก็เอนจอยกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคม คนอื่นอาจจะมองว่าลุคไม่ได้ สามียังเคยพูดว่าเขามองรมมี่เป็นเหรียญสองด้าน คนอื่นอาจจะมองเห็นด้านหนึ่งที่เราแต่งตัวสวยออกงานสังคม แต่เขามองเห็นอีกด้านหนึ่งที่เราทำงานจริงๆ และพิถีพิถันกับการใช้ชีวิต บางคนก็มองว่าเราอวด สร้างภาพทำงานสังคมบังหน้า คนที่ทำงานด้วยกันเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเราทำงานจริงๆ”
จำได้ว่าตอนนั้นทำนามบัตรพิมพ์เต็มเลย เพราะคุณแม่อยู่มูลนิธิไหนก็เอาลูกไปเป็นกรรมการช่วยกัน คุณแม่จะสอนให้เห็นเลยว่าวันหนึ่งแม่ทำอะไรบ้าง เราเห็นจากภาพ ฉะนั้น การทำงานสังคมสงเคราะห์ถ่ายทอดมาในสายเลือด ล่าสุด เป็นประธานนายกสมาคมซอนต้า 9”
รัญชา :: “ไปช่วยคุณแม่ตลอดค่ะ ทุกคนน่าสงสารหมด อย่างเราเองก็รับอุปการะเด็กในมูลนิธิโสสะอยู่หลายคน ทุกวันนี้คุณแม่ก็ไม่ต้องยุ่งมากแล้ว เพราะมีคนช่วยงาน คุณแม่จะเน้นเป็นที่ปรึกษา เขาขาดอะไรก็จะช่วย ช่วยคิด ช่วยวางแผน
คุณหญิงโรส :: “ซึ่งนอกจากจะช่วยเหลือคนอื่นแล้ว ตอนนี้เราอายุมากขึ้นก็เป็นห่วงลูกอยากทำอะไรเป็นหลักฐานให้เขา เลยทำโรงเรียนอนุบาลให้รมมี่กับรัญชาเขาดูแลกัน ส่วนลูกชายคนเล็กก็ทำกิจการอพาร์ตเมนต์ให้เขาเก็บกิน อย่างน้อยเราตายไปก็หมดภาระ หมดห่วงแล้ว”
อุ่นบุญเพื่อความสุขใจ
เชื่อหรือไม่ว่าการทำบุญสามารถส่งให้ชีวิตของเราสงบสุข ร่มเย็นได้ และบางครั้งก็สามารถสร้างเรื่องที่เป็นปาฏิหาริย์ให้กับการดำเนินชีวิตของเราด้วยเช่นกัน ซึ่งจากประสบการณ์การทำงานด้านการกุศลและการขยันหมั่นทำบุญ ทำให้คุณหญิงโรสรู้สึกกับตัวเอง และอยากบอกให้ทุกคนหมั่นสะสมบุญเอาไว้ เพราะคุณหญิงย้ำกับเราว่า “ชีวิตคนเราเกิดมามีโอกาสก็ทำบุญ ไม่แน่ว่าเราจะได้เกิดอีกหรือเปล่า!”
คุณหญิงโรส :: “เมื่อ 4 ปีที่แล้วเป็นมะเร็งที่มดลูกแล้วตัดไปแล้ว แต่ก็มาขึ้นใหม่ แต่เชื่อมั๊ยว่าการที่เราช่วยเหลือคนอื่น พาคนโน้นคนนี้ไปหาหมอ ทำให้เราสามารถรักษาก่อนที่มันจะคร่าชีวิตเรา ...ตอนแรกเราคิดว่าหายแล้ว ก็ไม่ได้สนใจ พอดีพาเพื่อนไปตรวจกับคุณหมอ คุณหมอก็เลยบอกให้เราตรวจบ้างปรากฏว่ามะเร็งมันกลับมาอีก เราก็รีบรักษาทันการณ์พอดี ทุกวันนี้ร่างกายแข็งแรงอายุ 82 แล้ว ไม่มีโรคอะไร มะเร็งก็ไม่เจอ
รัญชา :: “คุณแม่อายุ 82 ไปอเมริกาไม่มีใครเชื่อว่าอายุ 82” เพราะเขายังแข็งแรง สามารถเดินทางไกลๆ ได้
คุณหญิงโรส :: “ชอบทานผลไม้ แล้วก็ทานยาน้อยมาก แค่ 2 ตัว คือยาความดันสูง และยาช่วยย่อย ตอนนี้ไม่มีโรคประจำตัวอะไร ทานช็อกโกแลตทุกวัน วันละชิ้น เรื่องทำบุญนี่สำคัญมากนะ เกิดชาตินี้เท่านั้นแหละที่จะได้ทำบุญ เราไม่รู้ว่าชาติหน้าเราจะเกิดอีกมั๊ย ฉะนั้น เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์แล้วมีโอกาสทำบุญก็ทำ ใครไม่ทำไม่รู้ มีโอกาสให้ทำบุญ
มีพระบอกกับเราว่าการทำบุญเหมือนการเอาบุญไปใส่ในธนาคารไว้ เวลาเรามีความต้องการก็เบิกออกมาได้ เช่น เรามีเรื่องไม่สบายใจบุญก็มาช่วยได้ แต่ถ้าคุณไม่เคยทำบุญเลย ตายไปก็ไม่มีบุญติดตัว การทำบุญไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะวันสำคัญเท่านั้น ทำได้ทุกวัน”
รมณีย์ :: “คุณแม่จะอุ่นบุญทุกคืน ก่อนนอนท่านจะนั่งสมาธิ มีอะไรไม่สบายใจท่านก็จะนึกถึงความดี นึกถึงสิ่งดีๆ แล้วก็จะเกิดปิติขึ้นมา คุณแม่เลยจะเชื่อว่าเวลาที่ทุกข์ บุญจะมาช่วยให้คลี่คลายทุกครั้ง ทุกครั้งที่เราคิดอะไรทำจิตเป็นสมาธิ นึกแต่สิ่งที่ดีๆ ก็จะเกิดปัญญาที่ดี”
ครอบครัวอนุบาล
ธุรกิจหนึ่งของครอบครัวที่คุณหญิงโรสตั้งใจสร้างให้กับลูกๆ เพื่อเป็นหลักในอนาคต คือการทำโรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์ สายลม ที่ให้ลูกๆ ทุกคนร่วมกันเป็นผู้บริหาร โดยโรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์สายลมเป็นโรงเรียนเอกชน ประเภทสามัญศึกษา เปิดสอนเฉพาะระดับอนุบาล โดยมีท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์, คุณหญิงโรส บริบาลบุรีภัณฑ์ เป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียน, รมณีย์ เธียรประสิทธิ์ เป็นผู้รับใบอนุญาต, รัญชา บริบาลบุรีภัณฑ์ เป็นผู้จัดการฝ่ายการเงิน มานูน เธียรประสิทธิ์ (สามีรมณีย์) เป็นผู้จัดการฝ่ายบริหารทั่วไป, พ.ต.ท นิรันดร์ บริบาลบุรีภัณฑ์ (ลูกชายคนเล็กของคุณหญิงโรส) เป็นที่ปรึกษา
คุณหญิงโรส :: “เราก่อตั้งโรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์ สายลม มาได้ 9 ปีแล้ว ตอนนั้นได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดโรงเรียน มีคุณหญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเป็นที่ปรึกษา และอาจารย์คนแรกที่มาวางแผนการศึกษาก็มาจากจุฬาฯ
รมณีย์ :: “เริ่มมาจากครอบครัวสามี (มานูน เธียรประสิทธิ์) ทำโรงเรียนเปล่งประสิทธิ์อยู่แล้วโดยมีที่แถวสีลมและศรีนครินทร์ ซึ่งเปิดการสอนถึงระดับประถม แต่โรงเรียนเปล่งประสิทธิ์ สายลม จะมีแต่ระดับอนุบาล”
รัญชา ::“สำหรับโรงเรียนหลักๆ คือรมมี่กับรัญชาดูแล งานบริหารก็โอเค แม้ว่าเราจะไม่ได้เรียนจบตรงทางด้านนี้มา เพราะว่าเราเรียนคอมพิวเตอร์ แต่ก็ไปเรียนเพิ่ม เพื่อมาบริหารโรงเรียน
รมณีย์ :: “ตัวรมมี่เป็นเจ้าของและผู้รับใบอนุญาต ตอนเปิดโรงเรียนต้องไปเรียนเพิ่ม เพราะว่าการจะเป็นผู้บริหารโรงเรียนได้จะต้องจบด้านการบริหารการศึกษา เปลี่ยนชีวิตพอสมควรจากที่เมื่อก่อนทำอสังหาริมทรัพย์กับอิมพอร์ต-เอ็กซ์พอร์ต โชคดีที่คุณมานูนสามีมาช่วย เป็นคนที่ฉลาดมาก มองภาพทุกอย่างเป็นภาพกว้าง มีมุมมองที่ดีมากสำหรับการศึกษา เขาคิดค้นหลักสูตรเสริมเข้าไปจากหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
เรามีหลักสูตรอิงลิชโปรแกรม ซึ่งเป็นอะไรที่ยากมากในการทำในเมืองไทย แต่ช่วงที่เราทำโรงเรียนใหม่ๆ ดร.สิริกร มณีรินทร์ ท่านแนะนำว่า ช่องว่างระหว่างโรงเรียนอินเตอร์กับโรงเรียนไทยมีช่องว่างใหญ่มาก ซึ่งปัจจุบันนี้คนสามารถที่จะส่งลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์ได้มากขึ้น เราจึงทำเป็นโรงเรียน 2 ภาษา เพราะโลกเปิดกว้างแล้ว ใครได้ภาษามากก็จะได้เปรียบผู้อื่น ยิ่งเปิด AEC จะยิ่งสำคัญมากขึ้น
ตอนนี้เรามีแค่ระดับอนุบาล 3 คงยังไม่เพิ่มอยากทำให้ดีที่สุดก่อน เพราะเราต้องมีความรับผิดชอบและมั่นใจว่าสิ่งที่เราให้กับเด็กนั้นดีที่สุด เรื่องหลักสูตรเราปรับตลอดอยู่แล้วเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย อย่างตอนนี้ภาษาจีนเริ่มเข้ามามีบทบาทแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนต่อไป”
การเลี้ยงลูกจากรุ่นสู่รุ่น
อาจเป็นเพราะการบ่มเพาะจากคุณแม่ คุณหญิงโรส บริบาลบุรีภัณฑ์ ที่ส่งผลให้ทุกวันนี้อีก 2 เจเนอเรชั่นทั้งรุ่นของ คุณรัญชา-รมมี่ และน้องพริสซี่ กลายเป็นครอบครัวนักสงคมสงเคราะห์ที่สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
คุณหญิงโรส :: “ลูกแต่ละคน คนละแนวกันเลย รัญชาจะเป็นสไตล์ลุยๆ นักกีฬา ส่วนรมมี่เขาจะสวยงามเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ดัมเมเยอร์ ทั้งที่จริงก็เลี้ยงมาเหมือนกัน แต่เวลาไปทำงานการกุศลกี่ครั้งก็จะพาเขาไปด้วย ไปดูความลำบากของคนอื่น แล้วเขาจะเกิดความรู้สึกอยากจะช่วยเหลือคนอื่นขึ้นเองอัตโนมัติ”
รัญชา :: “คุณแม่ให้เรียนอย่างดีที่สุดเท่าที่จะเรียนได้ ลูกอยากเรียนอะไรเรียนเลย สนับสนุน ส่วนพวกกิจกรรมพิเศษไม่ค่อยนะ เราไม่ชอบเอง ตอนเด็กๆ เคยเรียนอิเลกโทนที่สยามกลการ พอเรียนดนตรีเราก็มุ่ง การเรียนเราก็ตก จากเคยอยู่อันดับ 1-10 แล้วก็ตกมาเป็น 100 กว่าๆ จึงซ้อมกันใหญ่ จะได้เป็นตัวแทนไปออกรายการของยามาฮ่า แต่ตอนหลังก็เบรกๆ เลิกเรียนไป มุ่งเรียนทางวิชาการต่อ แล้วคนสมัยก่อนมองว่าการเล่นดนตรี การเป็นดารา เป็นอาชีพเต้นกินรำกิน โธ่! ดูสิเดี๋ยวนี้เขาเต้นกินรำกินรวยกันจะตาย (หัวเราะ)”
รมณีย์ :: “คุณแม่ไม่เคยบ่นว่าลูกอยากจะเรียนอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่คุณแม่ไม่ขอแต่เราก็ไปด้วยความเต็มใจคือการเข้าไปช่วยงานการกุศล เวลามีงานอะไรก็พาเราไปด้วยจนเราซึมซับในสายเลือด .... ซึ่งเราก็เลี้ยงลูกเหมือนกัน เวลาไปไหนก็เอาลูกไปด้วย อย่างตอนนี้พริสซี่เป็นขวัญใจของเด็กบ้านโสสะเลย เขาก็ไปคุยกับทุกคน เอาเงินส่วนตัวของตัวเองเลี้ยงน้อง 3 คน เขาบอกว่าเดือนหนึ่งเขาไม่ดูหนังเขาก็เอาเงินให้น้องได้แล้ว แล้วแต่ว่าเขามีจิตศรัทธาเท่าไหร่ เขาก็ทำไปตามกำลัง เป็นสิ่งที่ดีที่เราปลูกฝังให้ลูกแบบไม่ยัดเยียด”
รมณีย์ผู้มอบบุตรแก่พระพุทธเจ้า
รมณีย์เป็นคุณแม่คนหนึ่งที่ดำเนินรอยตามคุณแม่ในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องของความใจบุญและการเป็นคนเสียสละ ซึ่งการเป็นคุณแม่ผู้เสียสละนี่เองทำให้เธอสามารถเลี้ยงดูลูกๆ ทั้ง 4 ได้อย่างดีไม่ว่าจะเป็น ลูกชายคนโต “นรเสฏฐ์ เธียรประสิทธิ์” (พรีมมี่) ที่บุกตะลุยไปก่อร่างสร้างธุรกิจของตัวเองถึงประเทศจีน เรียกว่าเป็นหนุ่มทำงานที่ขยันขันแข็งไม่เหมือนลูกคุณหนูไฮโซเลยสักนิด หรือลูกชายคนที่ 2 “เชษฐพันธุ์ เธียรประสิทธิ์” หรือ พระสิริมังคโล ซึ่งตอนนี้บวชมาได้ 9 พรรษาแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะสึก ซึ่งเมื่อพูดถึงลูกชายคนที่ 2 นั้นเธอถึงกับน้ำตาคลอด้วยความปิติอย่างสุดซึ้งของหัวใจคนที่เป็นแม่ โดยเธอเล่าให้เราฟังว่า
“ตอนนั้นลูกไปบวชเรียนอยู่กับหลวงปู่จันทร์โสม (หลวงปู่เทศน์เทศรังสี) ไปๆ มาๆ เขาไม่อยากสึก แรกๆ กังวลเพราะว่าลูกเรียนอยู่มหาวิทยาลัย เราก็อยากจะเรียนให้จบ จึงแอบไปกระซิบหลวงปู่ว่าอยากให้ลูกออกมาเรียนให้จบ แต่ท่านบอกว่า “โยมรู้ไหมว่าโยมให้บุตรแก่พระพุทธเจ้า ชาตินี้โยมไม่เสียชาติเกิดแล้ว แล้วจะกลัวอะไร?” ท่านถามว่าที่สุดของความเป็นมนุษย์นั้น โยมห่วงอะไร? โยมควรจะดีใจที่ลูกเป็นคนดี วันใดที่ลูกโยมสึกออกไป โยมก็จะได้บุตรที่เป็นคนดี ลูกโยมมาทางลัดแล้วทำไมจะต้องให้เดินตามสังคม เรียนหนังสือจบ ทำงาน แต่งงาน แต่ตอนนี้ลูกโยมข้ามมาแล้ว มาสานต่อพระพุทธศาสนาให้พระพุทธเจ้า”
โอ้โห...วันนั้นเราปิติมาก (เช็ดน้ำตาที่หางตา) จากนั้นเราก็ปล่อยเลย ให้ท่าน (ลูกชาย) อยู่ในร่มกาสาวพักตร์ตามแต่จิตของท่าน จากนั้นพระก็ดึงเราเข้าวัด ไปทำบุญ วิปัสสนา เวลาท่านลงโบสถ์ก็จะโทรศัพท์มาบอกว่าวันนี้แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลมาให้นะ บางครั้งก็จะโทรศัพท์มาหาคุณยายอวยพรให้คุณยายแข็งแรง ทำการกุศลใดๆ ก็ประสบความสำเร็จ ทุกครั้งที่เราพูดให้ใครฟังเราจะปิติน้ำตาซึมตลอดเลย (ยิ้ม)”
ส่วนลูกสาวคนที่ 3 “น้องแพม-ปณิธยา เธียรประสิทธิ์” จบปริญญาตรี ด้านนิเทศศาสตร์ อีกหนึ่งสาวที่มีความมั่นใจสูง แม้ว่าในช่วงแรกๆ จะไม่สนใจธุรกิจโรงเรียนของครอบครัว แต่เมื่อปีก่อนได้มาฝึกงานที่โรงเรียนความรู้สึกของเธอก็เปลี่ยนไปเริ่มที่จะสนใจมาขึ้น ประกอบกับความที่มีนิสัยรักเด็กและเข้ากับคนง่ายอยู่แล้วจึงมีแนวโน้มว่าจะเข้ามาสานต่อธุรกิจของครอบครัว แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่บอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา และลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนที่ 4 น้องพริสซี่ ที่กำลังศึกษาอยู่เกรด 11 ซึ่งเธอก็เป็นขวัญใจของทุกคนในบ้าน
ความผูกพัน 3 เจเนอเรชั่น
หลังจากการเก็บภาพสวยๆ เสร็จแล้ว เรายังมีโอกาสได้นั่งพูกคุยอย่างเป็นกันเองกับนางแบบทั้ง 4 ท่าน ซึ่งเวลานี้เองที่เราได้เห็นอิริยาบถกุ๊กกิ๊กระหว่างหลานสาวกับคุณยายและป้าชา ที่เจอกันทีไร จะต้องกอดหลานรักคนนี้อยู่เสมอ
คุณหญิงโรส :: “ตอนรมมี่จะคลอดพริสซี่ เราไปให้หมอดูเช็กวันเลยว่าจะผ่าตัดวันไหนดี ซึ่งดวงที่เขาเกิดมานั้น เป็นดวงที่ทุกคนเห็นจะต้องรัก เป็นที่รักของทุกคน
รัญชา :: “เป็นคุณยายกับหลานที่รักกันมาก” (ส่งเสียงแซวเข้ามาระหว่างที่หลานกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับคุณยาย)
พริสซี่ :: “ผู้หญิงบ้านเราจะรักกันมากค่ะ พริสซี่ว่าผู้หญิงบ้านเราแข็งแกร่งมาก อย่างที่บ้านคือคุณแม่จะใจร้อน ส่วนคุณพ่อจะใจเย็น… (หัวเราะกันทั้งบ้าน) พอที่บ้านผู้หญิงแกร่งก็เหมือนตกทอดมาหาเราด้วย อย่างเวลาทำรายงานกลุ่ม พริสซี่ก็จะเป็นผู้นำ จัดการแบ่งงาน โทรศัพท์หาทุกคน เพื่อให้ช่วยกันทำรายงานให้เสร็จ เห็นมั๊ยค่ะวิธีการพูดก็เหมือนกันทั้งบ้าน เร็วนิดหนึ่ง (หัวเราะ)”
รมณีย์ :: “บ้านเราพูดหญิงเป็นช้างเท้าหน้า ซึ่งผู้ชายก็ยินดี เขาก็ไม่ได้มีปากมีเสียงอะไร เราทำอะไรก็ทำไป แต่เขาก็จะเก็บข้อมูลและคอยให้คำแนะนำ”
เมื่อถามถึงกิจกรรมส่วนใหญ่ที่เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีในครอบครัวนั้น ในครอบครัวที่มีหลานสาวที่น่ารักจะมุ่งไปที่กิจกรรมบันเทิงอย่างการร้องเพลงและเล่นดนตรี ที่ถูกใจคุณยายเป็นที่สุด...
คุณหญิงโรส :: “ครอบครัวพริสซี่เป็นบ้านนักดนตรี บ้านทุกหลังของเขาจะมีเปียโน ลูกๆ เล่นดนตรีได้และร้องเพลงเป็นทุกคน อย่างตอนนั้นพริสซี่ก็ร้องเพลงในงานวันเกิดคุณยาย”
พริสซี่ :: “พริสซี่เรียนไวโอลีน และเรียนเครื่องดนตรีหลายชนิด แต่ถ้าให้ร้องเพลงจะทำได้ดีที่สุด ...เวลาไปหาคุณปู่ คุณย่าก็จะร้องเพลง ซึ่งที่บ้านคุณพ่อทุกคนเล่นดนตรีได้ แล้วเราเล่นดนตรีกันเป็นวงดนตรีจริงๆ มีกีต้าร์ กลอง เบส ส่วนคุณแม่ (รมมี่) บอกว่าขอเป็นคนฟัง เพราะเดี๋ยวจะไม่มีคนฟัง (หัวเราะ)
คุณแม่ไม่ดุนะคะ คุณพ่อคุณแม่ให้อิสระมาก ไม่มีกรอบในการดำเนินชีวิต ให้เราคิดนอกกรอบ แค่ไปไหนต้องบอก แต่คุณพ่อจะดุหน่อย ห่วงเรื่องการเรียน เพราะคุณพ่อเรียนเก่ง ที่จริงมีคนมาชวนไปทำเพลงเยอะมาแต่คุณพ่อจะด้าน ท่านบอกว่าพร้อมที่จะให้คนอื่นมาดูชีวิตเราหรือยัง เป็นคนของสาธารณะนะ”
รมณีย์ :: “คุณพ่อเขาห่วงเรื่องการเป็นคนสาธารณะ ที่ชีวิตต้องเปิดตลอดเวลา และอาจจะถูกคุ้ยเขี่ยหมดเลย แต่ก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าเราไม่มีเรื่องเสียหายสักอย่างก็ไม่ต้องไปกลัว เรื่องโดนเมาท์ก็เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเราไม่มีความสำคัญเขาคงไม่พูดถึงเรา”
รัญชา :: “นอกจากนั้นก็มีบ้างนะที่เล่นกีฬา ถ้ามีเวลาเราก็จะไปโยนโบว์ลิ่งหรือขี่ม้าด้วยกัน แต่ที่แน่ๆ เวลามีงานการกุศลเราก็จะไปช่วยกัน”
พริสซี่ :: “ตั้งแต่เด็กๆ คุณยายอยู่มูลนิธิโสสะ ก็ไปช่วยบ้างเห็นน้องๆ น่าสงสาร เวลาเขามีกิจกรรมการกุศล เราก็ไปช่วย ร้องเพลงบ้าง แล้วก็ซอนต้าก็เห็นมาตั้งแต่เด็ก พริสซี่เองก็ชอบนะคะ”
คุณหญิงโรส :: “ดีใจที่ลูกหลานทุกคนก็ชอบและให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือทุกครั้งที่มีกิจกรรมการกุศล ซึ่งเหมือนกับการที่เราทำบุญร่วมกันชาติหน้าเราจะได้เกิดมาเป็นคนในครอบครัวเดียวกันอีก”
คุณหญิงโรส บริบาลบุรีภัณฑ์
นักสังคมสงเคราะห์ผู้ทำงานเพื่อสังคมมาตลอดกว่า 45 ปี โดยงานหลักๆ คุณหญิงโรส เป็นประธานกรรมการอำนวยการโสสะมูลนิธิแห่งประเทศไทยฯ และทำงานด้านสังคมสงเคาระห์อีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกสโมสรซอนต้าสากลกรุงเทพฯ 1 , เป็นกรรมการอำนวยการมูลนิธิกตเวทิน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ช่วยเหลืองานมูลนิธิ ม.ล.จิรายุ-ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ เป็นที่ปรึกษาสโมสรซอนต้าสากลกรุงเทพฯ 1,4,5,6,7 และเชียงราย 1 อีกทั้งยังเคยได้รับรางวัลแม่ดีเด่นจากการเลี้ยงดูลูกทั้ง 4 คนให้ประสบกความสำเร็จในชีวิตและหน้าที่การงาน และจากคุณงามความดีหลายๆ อย่างนี้เองทำให้คุณหญิงโรสได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์มากมาย รวมไปถึงรางวัลเกียรติยศที่ร่ายเท่าไหร่ก็คงยากที่จะหมด
รัญชา บริบาลบุรีภัณฑ์
ได้ยินชื่อและเห็นหน้าจนรู้จักกันดี สำหรับสาวสังคมคนนี้ “รัญชา บริบาลบุรีภัณฑ์” สาวใหญ่ที่ยังครองตัวเป็นโสด และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับคุณแม่และลูกหลาน ไปพร้อมๆ กับการช่วยคุณแม่ทำงานทั้งที่โรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์สายลม อีกทั้งยังช่วยเหลือคุณแม่กับงานด้านการกุศลช่วยเหลือสังคม จนล่าสุดได้รับรางวัลลูกกตัญญูประจำปี 2556
ซึ่งความสามารถของเธอก็ไม่ใช่น้อยๆ เพราะเธอจบปริญญาตรี มหาวิทยาลัย South Carolina ประเทศสหรัฐอเมริกา ปริญญาโท มหาวิทยาลัย South Carolina ประเทศสหรัฐอเมริกา และเคยการทำงานที่บริษัทไอบีเอ็ม และเคยเป็นผู้พิพากษาสมทบศาลปทุมธานีแยาวชนและครอบครัว ด้วยความที่เป็นคนชอบศึกษาหาความรู้เธอยังพูดกับเราเล่นๆ ว่า อยากจะเรียนปริญญาเอกให้เป็นด็อกเตอร์ไปเลย
รมณีย์ เธียรประสิทธิ์
สาวไฮโซเจ้าของโรงเรียนอนุบาล ผู้ไม่ยอมอ่อนข้อให้กับความชรา คุณรมมี่แต่งงานกับคุณมานูน เธียรประสิทธิ์ มีบุตรด้วยกัน 4 คน จากเดิมที่มีความสนใจด้านแฟชั่นและของสวยๆ งามๆ เธอจึงไปศึกษาจนได้ประกาศนียบัตร วิชาเลขานุการ และแฟชั่น ดีไซน์ ประเทศอังกฤษ แต่เมื่อต้องมารับบทบาทผู้บริหารโรงเรียนอนุบาลเปล่งประสิทธิ์ สายลม เธอก็ทำได้อย่างดี ควบคู่ไปกับบทบาทของแม่ที่ทำได้ดีไม่แพ้กัน เรียกได้ว่าทั้งเก่ง สวย และรวยความสามารถ
และที่ขาดไม่ได้ก็คือการทำงานด้านการกุศล เช่นเดียวกับที่คุณแม่ได้ปูพื้นฐานให้เป็นคนที่มีจิตใจดีงามอยู่แล้ว โดยล่าสุดเธอได้รับตำแหน่งนายกสโมสรซอนต้า 9 ซึ่งเป็นหน้าที่ที่เธอภูมิใจมาก
สุดาภา เธียรประสิทธิ์
ลูกสาวคนเล็กสุดที่รักของ “คุณแม่รมมี่-รมณีย์ เธียรประสิทธิ์” เมื่อก่อนเราจะเห็นน้องพริสซี่ออกงานไปไหนมาไหนกับคุณแม่อยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นนางแบบรับเชิญกิตติมศักดิ์ตัวน้อยโชว์ลีลาบนแคทวอล์กอยู่บ่อยๆ แต่เมื่อโตขึ้นต้องเรียนหนักขึ้นเธอจึงไม่ค่อยออกงานสังคม โดยมุ่งเน้นไปที่การเรียนซะมากกว่า ตอนนี้เธอกำลังศึกษาอยู่เกรด 11 โรงเรียนนานาชาติชูส์เบอรรี่
น้องพริสซี่เป็นเด็กที่มีความอะเลิร์ตสูงและมีความกล้าแสดงออก หลายๆ ครั้งเราจึงมักจะเห็นเธอขึ้นไปบนเวทีเพื่อร้องเพลงในงานการกุศล และนอกจากนี้เธอยังเป็นนักร้องประจำตระกูลเพราะมีงานในครอบครัวครั้งใดเธอจะเป็นคนที่มอบของขวัญพิเศษให้กับทุกคนด้วยเสียงอันไพเราะของเธอ :: Text by FLASH
>> อัปเดตข่าวในแวดวงสังคม กอสซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net และ ติดตาม CelebStagram ได้ที่ http://www.manager.co.th/celebonline/celebstagram/