xs
xsm
sm
md
lg

กปปส.พบสื่อ ย้ำเลื่อนเลือกตั้งเพื่อปฏิรูป-เผยสภา ปชช.อยู่ชั่วคราว ปลอดการเมืองแทรก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สุเทพ” นำทีมแกนนำ กปปส.ทำความเข้าใจสื่อ พร้อมยืนยันต้องเลื่อนเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 เพื่อปฏิรูปประเทศให้เสร็จสิ้นก่อน ย้ำนายกฯ ต้องลาออกจากตำแหน่งรักษาการ ระบุที่มาของสภาประชาชนต้องเป็นประชาธิปไตย แต่ปลอดพรรคการเมืองแทรก เลือกตั้งตามอาชีพ 300 แต่งตั้ง 100 และอยู่ชั่วคราว ใครเป็นห้ามลงเลือกตั้ง 5 ปี


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง กปปส แถลงการ  

เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมสนามม้านางเลิ้ง แกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ พร้อมด้วยนายสาทิตย์ วงหนองเตย เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ และนายสุริยะใส ตกะศิลา ร่วมงานกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. พบประชาชน การเปลี่ยนแปลงประเทศไทย โดยเป็นการพบปะสื่อมวลชนจากสื่อโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ โดยนายสุเทพ กล่าวว่า การจัดให้มีการพบปะกันระหว่างสื่อมวลชนและ คณะกรรมการ กปปส. เพราะสื่อมวลชนรู้สึกกดดันเมื่อต้องตั้งคำถามต่อหน้ามวลชน จึงขอให้มีการจัดพูดคุยกันสักครั้งโดยไม่มีมวลชน

โดยนายสุเทพ กล่าวว่า ตนขอชี้แจงถึงการลุกขึ้นต่อสู้ของมวลมหาประชาชนว่ามีเจตนารมณ์ 2 ข้อใหญ่ คือ การเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีกษัตริย์เป็นประมุขและปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ เพื่อปูพื้นฐานการพัฒนาประเทศให้เจริญยั่งยืนมีความเป็นธรรมในการดูแลพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่อย่างทั่วถึง ซึ่งข้อที่ 1 จะทำได้ มวลมหาประชาชนต้องขจัดระบอบทักษิณให้จบสิ้นไปก่อน เพราะเป็นตัวทำลายทุกอย่างในประเทศ ทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ จริยธรรมความเป็นธรรมต่างๆ ถ้าไม่ขจัด ก็ยากที่จะปฏิรูปประเทศไทยได้ ประเด็นต่อไป เมื่อมวลมหาประชาชนได้กำหนดเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อปฏิรูปประเทศไทยแล้ว เมื่อต้องขจัดระบอบทักษิณออก ใครจะมาดำเนินการช่วงเปลี่ยนผ่านนั้น กปปส. ได้ปรึกษา ศึกษาร่วมกันและฟังเสียงประชาชน เราเห็นว่าระบอบประชาธิปไตยมีผู้ใช้อำนาจแทนประชาชน ที่มีส่วนสำคัญอยู่ 2 ด้าน คือรัฐบาลเป็นฝ่ายบริหารและสภาที่ทำหน้าที่นิติบัญญัติ แต่รัฐสภาเมื่อได้รับมอบอำนาจจากประชาชน แต่ในความจริงปรากฏว่า รัฐสภานี้ทำการทรยศ หักหลังประชาชน แทนที่จะเอาอำนาจประชาชนไปทำเรื่องดีงามแต่รัฐสภากลับเอาอำนาจมาใช้ในทางที่ผิด คือออก กม เพื่อช่วยเหลือคนกลุ่มเดียว หรือพวกพ้องของตนเท่านั้น ที่เห็นชัดคือออก กม นิรโทษ เพื่อล้างผิดทักษิณ ซึ่งเป็นความผิดสำคัญฐานทุจริต โกงชาติ บ้านเมือง และเป็นความผิดที่ต่อสู้จนจบกระบวนการยุติธรรมแล้ว สู้คดีถูกศาลจำคุก 2 ปี และถูกยึดทรัพย์ ซึ่งทักษิณหลบคดีไม่ยอมรับโทษตามคำพิพากษาและหนีไปอยู่ต่างประเทศโดยให้ตัวแทนยุยงปลุกปั่นให้เข้าใจว่าประเทศไทยมี 2 ชนชั้นคือ อำมาตย์และไพร่ และมอมเมาประชาชนว่าชนชั้นล่างมีความทุกข์ยากถูกเอารัดเอาเปรียบและบอกว่าทักษิณถูกลั่นแกล้ง จนเป็นที่มาของปัญหาบ้านเมือง

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า การออกกฎหมายในชั้นรัฐสภา ประชาชนทั่วไปก็คัดค้านมาตลอด แต่สภาก็ใช้เสียงข้างมากจนผ่านทั้ง 3 วาระและเข้าสู่การพิจารณาของ ส.ว.เมื่อประชาชนออกมาต่อสู้ รัฐบาลก็สั่งให้วุฒิสภายอมความกันไป จึงเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ปัญหา รัฐบาลสามารถทำให้กฎหมายตกไปได้แต่รัฐบาลไม่ทำ รัฐบาลอ้างเสียงข้างมากไม่ฟังเสียงทัดทานของประชาชน

นายสุเทพ ยังกล่าวต่อว่า รัฐบาลและรัฐสภาได้ทำการทรยศประชาชนอย่างชัดแจ้ง ทั้งที่ประชาชนให้มอบรัฐบาลเป็นฝ่ายบริหาร แต่รัฐบาลกลับมุ่งไปที่การแสวงหาประโยชน์ ทุจริตขนานใหญ่ ได้รับประโยชน์มิชอบการโครงการต่างๆ โดยเฉพาะโครงการประชานิยม เช่น โครงการรับจำนำข้าว ซึ่งชาวนาได้รับเงินจริงเพียง 1 หมื่นบาท อีก 5 พันถูกเข้ากระเป๋าตามกระบวนการต่างๆ มีการเวียนเทียน มีสต็อกลม ทำให้ตลาดข้าวไทยเสียหายทั้งหมด เป็นตัวอย่างเห็นชัดว่านโยบายประชานิยมมีการปูทางไปสู่การทุจริตได้ประเทศจึงเสียหายหลายแสนล้าน นอกจากการทุกจริต รัฐบาลยังใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายเลือกเฉพาะที่ได้ประโยชน์ แต่ที่เสียประโยชน์จะไม่ยอมรับ มีการดักฟังโทรศัพท์ โต้ตอบทุกรูปแบบ การอุ้มฆ่าก็มี รัฐบาลยอมให้คนที่อยู่ต่างประเทศบงการรัฐทุกอย่างร่วมถึงสั่งการในรายละเอียดการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการต่าง ไม่มีประเทศไหนทำ มีแต่ประเทศไทยที่เดียว และที่สำคัญ รัฐบาลไม่เคารพกฎหมายรัฐธรรมนูญจึงหมดความชอบธรรมที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป ตั้งแต่วันที่รัฐบาลปฏิเสธอำนาจศาล นอกจากนี้ยังหมดความชอบธรรมทางการเมืองตั้งแต่มีประชาชนมาชุมนุมหลายล้านคน สภาพของประเทศไทยจึงถือว่าไม่มีทั้งรัฐบาลและรัฐสภา ประชาชนจึงบุกขึ้นทวงคืนอำนาจอธิปไตย ด้วยวิธีสงบ อหิงสา อย่างแท้จริง

“ในสถานการณ์แบบนี้มี 2 ทางเดินที่จะไปสู่จุดสุดท้าย 1. วิธีที่ราบรื่น นุ่มนวล คือ นายกฯต้องยอมรับความจริงว่า ตนเองหมดสภาพ สิ้นสภาพการเป็นรัฐบาลแล้ว การสั่งการใดๆ จึงเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แม้แต่เรื่องการยุบสภาเพราะทำตอนที่หมดสภาพความเป็นรัฐบาล ดังนั้น นายกและครม.ต้องลาออก เพื่อเกิดช่องว่าสุญญากาศทางการเมือง เพื่อให้มีการเลือกนายกใหม่ 2.ประชาชนยึดคืนอำนาจและเดินหน้าต่อ จนกระทั่งควบคุมสถานการณ์ในประเทศได้ทั้งหมด และใช้อำนาจประชาชนดำเนินการแต่งตั้งนายกฯ และดำเนินการให้ได้มาซึ่งสภาประชาชน และทำงานร่วมกันในการปฏิรูปประเทศไทยให้เสร็จสิ้น เช่น การแก้ กฎหมายให้การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ซึ่งมวลมหาประชาชนเห็นว่าต้องทำเรื่องนี้ก่อน 2.ต้องมีกฎหมายที่เข็มแข็งเรื่องการคอร์รัปชั่น 3.ต้องมีการปฏิรูปให้ประชาชนมีการกระจายอำนาจ และบริหารงบประมาณให้กระจายทั่วประเทศ และปรับปรุงส่วนราชการต่างๆ เช่น ปรับโครงสร้างตำรวจเพื่อให้ตำรวจเป็นของประชาชน ที่สำคัญต้องมีการบัญญัติกฎหมาย ซึ่งมาจากสภาประชาชนที่มีบทบัญญัติชัดว่าไม่ให้มีโครงการ ประชานิยม อีกต่อไป ซึ่งถือว่าเป็นการซื้อเสียงและเป็นช่องทางการทุจริต และทำวาระแห่งชาติดูแลคนจนอย่างเป็นระบบ นี่คือสิ่งที่รัฐบาลเฉพาะกิจต้องทำร่วมกับสภาประชาชน เมื่อทำครบถ้วนพร้อมเพรียงแล้วก็ดำเนินไปสู่สถานการณ์ปกติ คือให้มีการเลือกตั้งทั่วไป”นายสุเทพ กล่าว

นายสุเทพ กล่าวต่อว่า การได้มาซึ่งรัฐบาลเฉพาะและสภาประชาชนต้องยืนบนแนวทางประชาธิปไตยไม่ใช่ กปปส. จะแต่งตั้งหรือกำหนดทุกอย่าง เช่น การได้มาซึ่งสมาชิกสภาประชาชนต้องมาจากการเลือกตั้ง โดยสภาวิชาชีพต่างๆ มีเฉพาะบางส่วนที่จะต้องมาจากการสรรหาเพราะต้องการผู้ทรงคุณวุฒิทำหน้าที่กับสมาชิกสภาประชาชนเพื่อให้เกิดความรัดกุม มีข้อที่ กปปส.กำหนดชัดคือ ต้องไม่มีนักการเมืองมาแทรกแซงในสภาประชาชน

ด้านนายสุริยะใส กล่าวว่า เป็นสถานการณ์พิเศษไม่ใช่สถานการณ์ปกติที่จะตีความแบบเดิม ไม่ใช่ตีความไปข้างหน้าหรือให้เกิดการเคลื่อนไหวอย่างสันติ การพูดถึงมาตรา 3 และ7 ของรัฐธรรมนูญเชื่อว่าเป็นแนวทางที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างสันติวิธีการ ส่วนรูปแบบสภาประชาชนนั้น เราต้องการถ่ายโอนอำนาจการเปลี่ยนผ่านมาสู่มือประชาชน ไม่ใช่นักการเมือง รูปแบบที่มีการคุยกันนั้น ต้องเปิดพื้นที่ให้ภาคส่วนต่างๆ ซึ่งมีหลักการใหญ่ 4 ข้อ คือ 1. เป็นองค์การชั่วคราว 2.มี 400 คน 300 คนมาจากการเลือกตั้ง อีก 100 คนมาจากการสรรหา โดย กปปส. จะมีส่วนร่วม 3. สภาประชาชนจะต้องปลอดจากการแทรกแซง ครอบงำของนักการเมือง เมื่อสภาประชาชนยุติลง บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะลงสมัครทางการเมืองไม่ได้ และ 4. ต้องสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่างๆ อย่างทั่วถึง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งสภาประชาชนจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่ กระบวนการการเลือกตั้งทำอย่างไร ถ้าไม่ทัน 2 ก.พ.จะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า เราต้องทำเรื่องการปฏิรูปประเทศให้เสร็จก่อนเลือกตั้งทั่วไป ยังไม่เห็นว่าต้องทำให้ทัน 2 ก.พ.ต้องเลื่อนไปก่อน ส่วนกระบวนการเลือกตั้ง ต้องการสมาชิกที่มีความหลากหลายด้าน เราเน้นเลือกผู้ประกอบวิชาชีพต่างๆ แต่ใช้การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย เช่น วิชาชีพต่างๆ ดำเนินการให้มีการเลือกตั้งกันเองและเป็นตัวแทนให้เลือกมา มีบัญชีรายชื่อ และคำนวณตามจำนวนประชากรของสาขาอาชีพนั้น ๆ ส่วนกฎหมายที่จะใช้การรองรับสถานการณ์ที่ไม่ปกติ กฎหมายจึงยังไม่สามารถใช้ได้ เพราะฉะนั้น ทันทีที่มีนายกฯ นายกฯก็จะออกกฎหมายเรื่องการเลือกตั้งให้ผ่านกฎหมายปกติ โดยจะมีการประยุกต์ใช้ เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.อาจจะต้องดำเนินการเลือกตั้ง ส่วนเรื่องการสรรหาก็จะต้องหารืออีกครั้งหนึ่ง ในส่วนของจำนวนตัวเลข 400 คนนั้นก็เป็นเพียงการประมาณการ แต่ก็จะเปิดกว้างให้แสดงความคิดเห็นต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การปฏิรูปที่จะเกิดขึ้นจะใช้งบประมาณจากที่ใด และการเสวนาในวันเสาร์-อาทิตย์ ใครจะเป็นตัวแทน นายสุริยะใส จึงกล่าวว่า ในงานนั้นจะมีตนและนายสาทิตย์เป็นโฆษก ส่วนการหารือร่วมกับผบ.จะมีตัวแทน กปปส. 20 คน งบประมาณก็ใช้งบปกติ เพราะเรามีรัฐบาลชั่วคราวอยู่แล้ว

ส่วนแนวทางการเคลื่อนไหวของ กปปส.จะดำเนินการคู่ขนานกับการดำเนินการของรัฐบาล หรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า จุดยืนของ กปปส.คือ รัฐบาลหมดความชอบธรรมในการบริหารงานทั้งทาง กม และทางการเมือง สิ่งที่ กปปส.ทำคือเอาอำนาจคืนมาแล้ว กปปส.ก็เป็นผู้ดำเนินการในการจัดการให้มีรัฐบาล มีสภาประชาชนตามอำนาจประชาธิปไตยมาตรา 3

เมื่อถามต่อว่า ถ้าแนวทางของ กปปส. ดำเนินการสำเร็จ ถ้ามีการเลือกตั้งใหม่พรรคเพื่อไทยได้รับเลือกเข้ามาอีกครั้ง กปปส.จะรับได้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า กปปส.ได้ประกาศแล้วว่า คนเสื้อแดงเชิญมาร่วมกับเรา ถ้าต้องการปฏิรูปประเทศ วันนี้ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างประชาชนกับพรรคเพื่อไทยแต่เป็นการต่อสู้ระหว่างประชาชนกับระบอบทักษิณ จะได้มีการเปลี่ยนแปลงเสียใหม่ ส่วนที่คนไม่เห็นด้วยกับ กปปส.จะมีการจัดการยังไง นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้รังเกียจคนที่ไม่เห็นด้วย และเปิดโอกาสให้แต่ละวิชาชีพเลือกตั้งมาเอง

ส่วนรัฐบาลใหม่ ใครเป็นนายก ฯ นั้น นายสุเทพ บอกมี 2 ทาง คือ นายกฯลาออก คนที่ทูลเกล้าเสนอคือประธานวุฒิสภา ซึ่งตนก็ภาวนาขอให้ลาออกด้วย เพื่อให้เป็นหน้าที่ของรองประธานวุฒิฯ แทน แต่จะเสนอใครก็ตอบไม่ได้ แต่เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองเป็นแบบนี้ก็คงมี อีกทางหนึ่งถ้าไม่ยอมออก ก็ต้องใช้คนบังคับให้ออก เมื่อควบคุมประเทศได้แล้วก็จะหารือกันว่าใครที่สมควรจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี













กำลังโหลดความคิดเห็น