เอเอฟพี – อดีตผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแดนอิเหนาชี้ การดักฟังโทรศัพท์ผู้นำชาติอื่นถือเป็น “เรื่องปกติ” ส่วนกระแสตอบโต้จากรัฐบาลจาการ์ตาที่มีต่อรายงานเรื่องออสเตรเลียดักฟังโทรศัพท์ประธานาธิบดีซูซิโล บัมบัง ยุทโธโยโน นั้น ออกจะ “เกินเหตุ” ไป
เอ.เอ็ม. เฮนโดรปรีโยโน ซึ่งดำรงตำแหน่งผอ.สำนักงานข่าวกรองระหว่างปี 2001-2004 ยังปฏิเสธสิ่งที่รัฐบาลอ้างว่า จาการ์ตาไม่เคยดักฟังโทรศัพท์นักการเมืองออสเตรเลียมาก่อน
หลังจากที่สื่อเปิดโปงว่า หน่วยข่าวกรองออสเตรเลียเคยดักฟังโทรศัพท์ของผู้นำแดนอิเหนา รวมถึงสตรีหมายเลขหนึ่งและรัฐมนตรีอาวุโสอีกหลายคนในปี 2009 จาการ์ตาก็ตอบโต้ข่าวนี้อย่างรุนแรงโดยการเรียกทูตประจำกรุงแคนเบอร์รากลับประเทศ และสั่งระงับความร่วมมือที่สำคัญๆ หลายด้านกับออสเตรเลีย เช่น การปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ เป็นต้น
เรื่องนี้ยังเป็นชนวนเหตุให้สายสัมพันธ์ระหว่างแดนจิงโจ้และเมืองอิเหนาตกต่ำถึงขีดสุดนับตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งออสเตรเลียได้ส่งทหารเข้าไปในติมอร์ตะวันออก ส่วนอินโดนีเซียก็จำต้องถอนทหารออกจากอดีตดินแดนของตนเอง
เฮนโดรปรีโยโนชี้ว่า การดักฟังโทรศัพท์ผู้นำต่างชาติไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอย่างที่รัฐบาลจาการ์ตาพยายามโหมกระแสอยู่ในเวลานี้
“สำหรับงานข่าวกรอง มันเป็นเรื่องธรรมดามาก” เขากล่าวต่อสำนักข่าวแฟร์แฟ็กซ์ในออสเตรเลีย ซึ่งนำบทสัมภาษณ์มาเผยแพร่วันนี้ (22)
“หน้าที่ของหน่วยข่าวกรองคือการรวบรวมข้อมูลให้ได้มากและแม่นยำที่สุด และวิธีง่ายที่สุดที่จะทำเช่นนั้นก็คือ การดักฟัง” เขาให้สัมภาษณ์ต่อเว็บไซต์ข่าวเมืองอิเหนา Liputan6.com พร้อมเปรียบเปรยว่า “นักล้วงกระเป๋า ก็ต้องล้วงกระเป๋าอยู่แล้ว”
อดีตนายพลกองทัพบกผู้นี้ยังปฏิเสธคำพูดของมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งอ้างว่าจาการ์ตาไม่เคยดักฟังโทรศัพท์นักการเมืองออสเตรเลียมาก่อน โดยเขาชี้ว่าหน่วยข่าวกรองอินโดนีเซียก็มีหน้าที่ต้องดักฟังการสื่อสารของนักการเมืองต่างชาติเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “มิตร” หรือ “ศัตรู” ก็ตามที
“ผมคิดว่ารัฐบาลโวยวายเกินเหตุกับการทำงานพลาดครั้งเดียวของหน่วยข่าวกรองออสเตรเลีย ปฏิกิริยาเช่นนี้มันออกจะมากไปหน่อย” เฮนโดรปรีโยโนกล่าว
“ครั้งหนึ่งผมเคยดักฟังนักการเมืองของออสเตรเลีย พวกเขาก็ไม่เห็นโวยวายสักนิด”
นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ แห่งออสเตรเลียไม่ยืนยันว่าข่าวการดักฟังโทรศัพท์ผู้นำอินโดนีเซียเป็นความจริงหรือไม่ และปฏิเสธที่จะขอโทษอย่างเป็นทางการ เพียงแต่แสดงความเสียใจที่ข่าวนี้สร้างความอับอายต่อยุทโธโยโนและครอบครัวเท่านั้น