“ปานเทพ” ชี้หาก ปชป.ลงเลือกตั้ง มวลชนจะเสียงแตก ทำการต่อสู้ของ “สุเทพ” อ่อนแรง ซ้ำคะแนนเสียงของพรรคก็จะน้อยลงด้วยเช่นกัน เตือนต้องคิดให้ดี เสนอ กปปส.พุ่งเป้าอารยะขัดขืนขวางการทำงานของ กกต.ไม่ให้จัดเลือกตั้งได้
วันนี้ (9 ธ.ค.) เมื่อเวลา 21.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ อดีตโฆษกและแกนนำรุ่น 2 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการ “เกาะติดสถานการณ์การชุมนุม” ทางเอเอสทีวี ถึงอุปสรรคการเคลื่อนไหวของมวลมหาประชาชนว่า ปัจจัยแรก คือ การที่ประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง พระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ ก็กำหนดวันเลือกตั้ง 2 ก.พ. 57 ชัดเจนแล้ว กปปส.มีเวลาเกือบ 2 เดือน เป็นสภาพที่ท้าทายมาก แม้นายสุเทพและมวลชนไม่ยอมรับการยุบสภา แต่มันบั่นทอนผู้ชุมนุมได้ส่วนหนึ่ง ส่วนหนึ่งในนั้นอาจเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา ส่วนหนึ่งในนั้นอาจชื่นชอบประชาธิปัตย์ ยิ่งประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง เป็นอุปสรรคต่อการต่อสู้ของนายสุเทพแน่นอน
ทั้งนี้ หากประชาธิปัตย์ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งจะแบ่งมวลชนเป็นสองฝั่ง คือ ฝั่งนายสุเทพที่สนับสนุนสภาประชาชน ส่วนหนึ่งก็จะมีความรู้สึกว่าไปสนับสนุนประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้ง ขณะเดียวกัน เสียงประชาธิปัตย์ก็จะแตกด้วย เพราะจะมีส่วนหนึ่งมองว่าพรรคไม่เสียสละให้การชุมนุมของนายสุเทพ แล้วคะแนนเสียงที่เลือกพรรคอาจไม่มากอย่างที่คิด เพราะประชาชนต้องเลือกข้างใดข้างหนึ่ง หรือไม่เช่นนั้นประชาชนต้องกดดันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้เป็นไปทางเดียวกัน อย่าพูดว่าเขาแบ่งบทกันเล่น นั่นเป็นการดูถูกประชาธิปัตย์และนายสุเทพด้วย เพราะเป็นการหลอกประชาชน เราคงต้องหาทางให้เป็นเอกภาพ โดยต้องตอบคำถามว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงนี้ การมีประชาธิปัตย์ลงเลือกตั้งหรือไม่มี อะไรเกิดประโยชน์มากกว่ากัน ถ้าประชาชนแยก 2 กลุ่ม ประชาชนอ่อนแรงลงทันที ถ้านายสุเทพเชื่อประชาธิปัตย์ยอมเสียมวลชน คนก็จะตั้งคำถามว่าที่พูดมาว่าไม่สู้เพื่อพรรค นายสุเทพก็จะเสียหายหนัก ส่วนประชาธิปัตย์ถ้าลง คะแนนเสียงอาจไม่มากไปกว่าเดิมมากนัก เพราะมวลชนแบ่งไปที่นายสุเทพด้วย เหมือนพันธมิตรฯตอนโหวตโน แต่อาจหนักกว่า เพราะกระแสของนายสุเทพสูงมาก ถ้าประชาธิปัตย์เดินเกมนี้ต่อไปอาจเสียเปรียบการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์อาจไม่สนใจว่าจะแพ้หรือชนะเพราะเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา แต่มันบั่นทอนการต่อสู้ของนายสุเทพไปทันที นอกจากนี้ยังเป็นการตอกย้ำความชอบธรรมให้ระบอบทักษิณให้สูงเด่นกว่าดิม ถ้ากลับมาจะยิ่งใหญ่กว่าเดิม อาจทำอะไรหนักกว่าเดิม
ปัจจัยสำคัญต่อมา หลายคนหวังเกิดสุญญากาศ โดยนายกฯ และครม.ลาออกจากรักษาการ ซึ่งยากถ้าไม่มีอำนาจพิเศษไปกดดันให้ออก แต่ถ้าสมมติทำได้ สามารถได้นายกฯเฉพาะกาลขึ้นมา โดยอำนาจ ส.ว.ที่เหลืออยู่ ซึ่งเสียง ส.ว.ข้างมากเป็นของฝั่งนายทักษิณ มันจะกลางได้หรือ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอีก แล้วถ้าสมมติมีอำนาจพิเศษล็อบบี้ ส.ว.จนได้คนที่เป็นกลางจริงๆ แต่อยู่ได้ถึงแค่ 2 ก.พ.เท่านั้น จะไปเลื่อนวันเลือกตั้งไม่ง่ายเลย แล้วเวลาแค่ 2 เดือนปฏิรูปประเทศอะไรไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม มีโอกาสอยู่เหมือนกัน คือ ป.ป.ช.ต้องชี้มูลนายกฯ และครม. จะทำให้พวกนี้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที รักษาการก็ทำไม่ได้ แต่ ป.ป.ช.ต้องทำงานเร็ว แต่วันนี้ ป.ป.ช.มีคนในระบอบทักษิณปะปนมาด้วยจึงไม่ง่ายอย่างที่คิด
ปัจจัยสุดท้ายคือ กกต. ซึ่งทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง 2 ก.พ. สาเหตุที่มีเลือกตั้งได้ต้องย้อนไปตอนที่ประชาธิปัตย์ยอมร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจและลงมติเสร็จสิ้น ถ้าระหว่างยื่นอภิปรายฯ นายกฯ ไม่มีโอกาสยุบสภาเด็ดขาด ถ้าตอนนั้นประชาธิปัตย์ยื้อจนปิดสมัยประชุม ญัติติคาอยู่ วันนี้ก็ยุบสภาไม่ได้
นายปานเทพกล่าวต่อว่า ถ้านายสุเทพชุมนุมที่ศูนย์ราชการฯ อาคารบี เป็นที่ตั้งสำนักงาน กกต. ชุมนุมถึงขั้นไม่มีใครเข้าทำงานได้เลย หรือถ้า กกต.เอาไฟล์ไปทำงานข้างนอก ถ้ารู้เขาทำที่ไหนต้องไปอารยะขัดขืนที่นั่น เพื่อให้จัดเลือกตั้งไม่ได้ แต่จะไล่ล่าทันหรือเปล่าเป็นอีกเรื่อง หรือไม่เช่นนั้นนายสุเทพต้องมีมาตรการใดทำให้ กกต.ลาออกจากตำแหน่งได้ทั้ง 5 คน
นอกจากนี้ อุปสรรคสำคัญก็คือการเคลื่อนไหวของ กปปส.เอง จะยาวถึง 2 ก.พ.หรือไม่ ข้าราชการจะเชื่อคำสั่งหรือไม่หลังประกาศรัฐซ้อนรัฐขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องง่าย มันต้องมีมาตรการให้ข้าราชการเหล่านี้เชื่อให้ได้
