ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ม.เที่ยงคืนออกแถลงการณ์เรียกร้อง กปปส.หยุดเคลื่อนไหว “สภาประชาชน-นายกฯ พระราชทาน” ชี้ขัดรัฐธรรมนูญ-ไม่มี กม.รองรับ หากเดินหน้าเท่ากับฉีก รธน.50 หวั่นยิ่งรุกยิ่งขยายความรุนแรง เหตุฝ่ายตรงข้ามจะใช้วิธีเดียวกันตอบโต้ ย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมกันรักษาระบบ แนะ กปปส.พัฒนามวลชนพร้อมนำข้อเสนอสู่เวทีเลือกตั้ง-รวมกลุ่มติดตามปัญหา
กลุ่มคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ กปปส.หยุดการเคลื่อนไหวที่อาจจะทำลายระบบประชาธิปไตย โดยเสนอให้ทุกฝ่ายหันมาเคลื่อนไหวผ่านกระบวนการทางการเมืองตามปกติเพื่อเป็นการรักษาระบบเอาไว้ พร้อมทั้งระบุว่าการตั้งสภาประชาชนนั้นไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย หาก กปปส.ยังคงพยายามเคลื่อนไหวให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองเพื่อนำไปสู่เรื่องดังกล่าวแล้วจะสร้างความไม่พอใจให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและขยายความขัดแย้งให้กว้างขวางออกไปมากยิ่งขึ้น
การประกาศแถลงการณ์ของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนซึ่งมีขึ้นในวันนี้ (9 ธ.ค.) ที่บริเวณหน้าคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดย ศ.ดร.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ และ รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล โดยสาระสำคัญของแถลงการณ์ดังกล่าวคือ หลังจากที่รัฐบาลได้ตัดสินใจยุบสภาในวันนี้ซึ่งถือเป็นการคืนอำนาจให้ประชาชนในการตัดสินใจต่อปัญหาต่างๆ
ดังนั้น กปปส.จึงควรหันมาเคลื่อนไหวในการปฏิรูปการเมืองตามความต้องการของทางกลุ่มโดยผ่านกระบวนการทางการเมืองตามปกติ เช่นการเผยแพร่ข้อเสนอและแนวทางแก้ไขเพื่อหาการสนับสนุนในการเลือกตั้ง หรือการจัดตั้งเป็นกลุ่มองค์กรอิสระติดตามตรวจสอบประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีปัญหา แทนการพยายามผลักดันให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองเพื่อนำไปสู่การจัดตั้งสภาประชาชนหรือแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีพระราชทาน ซึ่งขาดความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญและจะสร้างความไม่พอใจให้กลุ่มผู้เห็นต่างจนนำไปสู่ความขัดแย้งที่จะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
รศ.สมชายกล่าวว่า สิ่งที่ทุกฝ่ายควรจะต้องให้ความสำคัญในขณะนี้คือการรักษาหลักการเอาไว้ ดังนั้นเมื่อรัฐบาลตัดสินใจยุบสภาทุกฝ่ายก็ควรหันมาต่อสู้กันตามกติกา แทนที่จะรุกคืบด้วยแนวคิดการตั้งสภาประชาชนหรือนายกฯ พระราชทานที่ในทางปฏิบัติไม่มีบทบัญญัติข้อใดของรัฐธรรมนูญรองรับให้สามารถทำได้เลย เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจนว่ารักษาการนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง และหาก กปปส.จะทำเช่นนั้นจะนำไปสู่การฉีกรัฐธรรมนูญปี 2550 ทันที
ทั้งนี้ อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใจว่าการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนจากการได้ชัยชนะของกลุ่มผู้ชุมนุม แต่จะมาจากการพัฒนาแนวความคิดและข้อเสนอของผู้ชุมนุมให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้างมากกว่า โดย กปปส.ควรพัฒนามวลชนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากไปสู่ทิศทางอื่นๆ อย่างเช่นการเผยแพร่แนวคิดเพื่อหาเสียงสนับสนุนจากการเลือกตั้ง หรือรวมตัวกันเป็นองค์กรเพื่อติดตามปัญหาต่างๆ ซึ่งจะทำให้ระบบเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและทำให้ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันได้ในอนาคต
ขณะที่ ศ.ดร.อรรถจักรกล่าวว่า สิ่งที่น่ากลัวคือหาก กปปส.ยังมุ่งที่จะไปสู่การตั้งสภาประชาชนหรือการจัดตั้งนายกรัฐมนตรีพระราชทานซึ่งไม่มีหลักเกณฑ์ใดๆ รองรับ ก็จะสร้างความไม่พอใจให้ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และอาจส่งผลให้ความขัดแย้งขยายวงกว้างออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ หากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเห็นว่าตนเองสามารถจัดการชุมนุมเรียกร้องในลักษณะเดียวกันได้
ดังนั้น ทุกฝ่ายควรที่จะเรียนรู้จากเหตุการณ์ดังกล่าวและพยายามแก้ไขปัญหาด้วยความอดทน รวมทั้งเลือกที่จะพัฒนาพลังที่แต่ละฝ่ายมีในการนำเสนอข้อเสนอต่างๆ ที่จะจูงใจให้ประชาชนออกเสียงลงคะแนนให้ ขณะเดียวกันทั้งรัฐบาลและ กปปส.ก็ต้องดูแลไม่ให้มวลชนเกิดการปะทะหรือเกิดเหตุที่จะนำไปสู่ความรุนแรงขึ้น
ทั้งนี้ ตัวแทนของมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนยังระบุด้วยว่าทหารไม่ควรออกมามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการรัฐประหาร และเชื่อว่าทหารซึ่งมีบทเรียนมาแล้วจะไม่ทำการรัฐประหารอีก
ขณะเดียวกันทุกฝ่ายควรพยายามรักษาระบบด้วยการเข้าสู่การเลือกตั้ง เพราะการจะล้มล้างระบอบทักษิณนั้นต้องทำให้คนไม่เลือกคนในระบอบทักษิณจึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้องและได้ผลในระยะยาว ไม่ใช่การอ้างว่ากติกาต่างๆ ไม่เหมาะสมและพยายามหากติกาที่เหมาะสมกับตัวเอง รวมทั้งกล่าวด้วยว่าหากในครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธไม่ลงเลือกตั้งก็ควรจะประณามการกระทำดังกล่าวด้วย