xs
xsm
sm
md
lg

“สุเทพ” แจงใช้มาตรา 7 ชอบธรรม บ้านเมืองไม่ปกติ พรุ่งนี้นำประชาชนถวายพระพร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แกนนำ กปปส.แจงการใช้มาตรา 7 ชอบธรรม ยกกรณี 14 ตุลาฯ เคยเสนอทูลเกล้าฯ “สัญญา ธรรมศักดิ์” ย้ำแถลงการณ์สภาทนายความ “ยิ่งลักษณ์” ไม่สมควรกราบบังคมทูลถวายพระพร เพราะดื้อรั้นปฏิเสธอำนาจตุลาการ ลั่นจัดงาน 5 ธันวาฯ ยิ่งใหญ่พรุ่งนี้ ชวนประชาชนร่วมจุดเทียนชัยถวายพระพร ก่อนประกาศวันเผด็จศึก 6 ธ.ค.

เมื่อเวลา 19.30 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. กล่าวปราศรัยที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ตอนหนึ่งระบุว่า พี่น้องผู้รักชาติแผ่นดินที่ได้ลุกขี้นสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน ทุกเวทีทั่วประเทศไทย ขอกราบคารวะด้วยความเคารพ วันนี้มีเรื่องสำคัญต้องแจ้งพี่น้องเพื่อซักซ้อมว่าเราจะร่วมกันปฏิบัติอะไรกันบ้างในวันพรุ่งนี้ แต่ก่อนไปถึงนั้น ขอทำความเข้าใจขั้นตอนการต่อสู้ของพี่น้องที่รวมกันเป็น กปปส.คราวนี้

ประการแรก สิ่งที่เรากำลังดำเนินการกันอยู่ การต่อสู้ของเรานี้ เราต่อสู้ในฐานะผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญ รักษากฎเกณฑ์สูงสุดของประเทศนี้ เพราฝ่ายระบอบทักษิณเป็นกบฏต่อรัฐธรรมนูญ เราจึงต้องลุกขึ้นมาพิทักษ์รัฐธรรมนูญ และเป้าหมายการต่อสู้ครั้งนี้ทวงคืนอำนาจอธิปไตยที่เราเป็นเจ้าของตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 3 บัญญัติไว้ว่าอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย เราได้มอบอำนาจนี้ให้รัฐบาล รัฐสภา แต่รัฐบาล รัฐสภาได้ทรยศต่อเราที่เป็นเจ้าของอานาจ แทนที่จะใช้อำนาจให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน กลับไปบิดเบือน และใช้อำนาจโดยไม่เคารพกฎหมาย ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์พี่ชายและครอบครัวตัวเองเท่านั้น เมื่อคนที่ได้รับมอบอำนาจจากเราทำการทรยศต่ออำนาจที่เรามอบให้จึงมีความชอบธรรมที่จะดึงเอาอำนาจของเรากลับมาในยามที่สถานการณ์ไม่ปกติอย่างนี้

รัฐธรรมนูญมาตรา 7 มีบทบัญญัติไว้ว่าในกรณีที่รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนเอาไว้ว่าต้องดำเนินการอย่างไรในสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้ให้วินิจฉัยตามประเพณีการปกครองบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เรื่องที่สภา รัฐบาลทรยศต่อประชาชน รัฐธธรรมนูญไม่ได้เขียนไว้เพราะคาดไม่ถึงจะมีคนเลว คนชั่วทรยศต่อประชาชนได้ถึงขนาดนี้ ฉะนั้นจึงต้องกลับไปใช้บทบัญญัติมาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญ

พอเราพูดอย่างนี้ก็มีคนคัดค้าน ด้วยความไม่รู้ ด้วยความเข้าใจผิด คิดเอาเองว่ามาตรา 7 คือการไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาทพระเจ้าอยู่หัว ไปคิดเองว่าต้องไปขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี รัฐสภาใหม่ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น และพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยลงมาแทรกแซงก้าวก่ายการเมือง พระองค์วางตนอยู่เหนือการเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 ต.ค. 16 เป็นตัวอย่างการใช้มาตรา 7 ที่เคยใช้มาแล้วในประเทศไทย

วันนั้น นิสิต นักศึกษาลุกขึ้นเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลจอมพลถนอม กิตติขจร มีเหตุรุนแรงมีนักศึกษาเสียชีวิต เป็นวันมหาวิปโยค จอมพลถนอม ลาออกจากนายกรัฐมนตรี จอมพลประภาส จารุเสถียร ลาออกจากรองนายกฯ เดินทางออกนอกประเทศ ตอนนั้นไม่มีใครเป็นนายกรัฐมนตรี รองประธานวุฒิสภาขณะนั้น ได้เข้าไปกราบบังคมทูลพระองค์ท่านของให้ทรงแต่งตั้งนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย

พูดอย่างนี้เอาความจริงมาพูด ว่าไม่ใช่อยู่ๆ ในหลวงพระราชทานลงมา แต่ผู้มีหน้าที่ในขณะนั้นคือรองประธานรัฐสภา เห็นว่าบ้านเมืองจะเดินไปได้จำเป็นต้องมีนายกฯ จึงได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลและพระองค์ทรงแต่งตั้งนายสัญญา มาเป็นนายกฯ กรณีนี้เป็นตัวอย่างให้เรามาเทียบเคียงได้ว่าวันข้างหน้าถ้ายิ่งลักษณ์ลาออกจากนายกรัฐมนตรี และรักษาการนายกฯ ประเทศไม่มีนายกรัฐมนตรีคนที่มีอำนาจหน้าที่ที่เหลืออยู่สามารถนำความขึ้นกราบบังคมทูลว่าสมควรแต่งตั้งคนนั้นนี้เป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์นี้

ทีนี้จะทำอย่างไรให้นายกฯลาออกและไม่รักษาการ นั่นคือสิ่งที่เรากำลังเรียกร้อง เพราะเมื่อเขาไม่มีความชอบธรรมในการใช้อำนาจแล้ว ก็ไม่ควรที่อยู่ในอำนาจนี้อีกต่อไป เรื่องนี้ยังต้องพูดกัน และชี้แจงกัน เพราะทันทีที่เราบอกว่าจะปฏิบัติการตามรัฐธรรมนูญ เป็นการพูดโจมตีแบบไม่รู้ความจริง หรือบางคนก็แกล้งโง่

พรุ่งนี้เป็นวันมหามงคลของชาติไทย เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา เราเป็นพสกนิกร ก็จะได้ร่วมกันจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษาแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มีต่อพระองค์ท่าน และปีนี้ต้องจัดเป็นพิเศษเพราะไม่ใช่ปีปกติธรรมดา ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา จะมีนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นผู้นำการใช้อำนาจใน 3 ด้าน เป็นผู้นำถวายพระพรชัยมงคล แต่ปีนี้มีปัญหา มีความรู้สึกของมวลมหาประชาชนทั่วประเทศว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่สมควรเป็นผู้นำกราบบังคับทูลถวายพระพรในวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่เฉพาะพวกเราที่ลุกขึ้นต่อสู้กับระบอบทักษิณที่มีความรู้สึกอย่างนี้ แต่คนในหลายสาขาอาชีพรู้สึกอย่างนี้ เป็นความรู้สึกที่มีเหตุผลควรรับฟังอย่างยิ่ง

นายสุเทพ ก็ได้หยิบยกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ของสภาทนายความ เรื่องการปฏิบัติตนและการปฏิบัติหน้าที่ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุว่าการที่รัฐบาลไม่รับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และไม่กราบบังคมทูลของพระราชทานร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกลับคืนมา ถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ จึงไม่บังควรที่จะเข้าเฝ้าถวายพระพรชัยมงคลมาอ่านให้กับผู้ชุมนุมฟัง และเห็นว่าเป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะกราบถวายพระพรชัยมงคลในวันพรุ่งนี้

เพราะฉะนั้นวันพรุ่งนี้จึงเป็นวันพิเศษอย่างยิ่งสำหรับปวงชนชาวไทยที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยในประเทศนี้ต้องออกมาทุกผู้คน แสดงให้เห็นว่าปวงชนชาวไทยที่เป็นเจ้าของอำนาจได้ลุกขึ้นถวายพระพรโดยตรงต่อองค์พระมหากษัตริย์ ด้วยตัวเอง

จากนั้นนายสุเทพได้ขอฉันทามติจากมวลชนว่าจะให้ตนเองเป็นตัวแทนมหาประชาชนทำหน้าที่กราบบังคับทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามพสกนิกรชาวไทยทั่วประเทศ และยังเป็นผู้กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณตนว่าจะเป็นพลเมืองดี เป็นพลังของแผ่นดินภายในร่มพระบารมี หรือไม่ หากเห็นว่าตนเองมีความเหมาะสมก็ขอให้ประชาชนเดินทางมาใน 3 เวทีของ กปปส.เป็นล้านๆ คน เพื่อแสดงออกถึงความต้องการที่จะให้ตนเป็นผู้นำในการถวายพระพรชัยมงคล การมารวมพลังที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราในวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นพลังในการต่อสู้ยกสุดท้ายที่จะเริ่มขึ้นหลังงานวันเฉลิมพระชนมพรรษาที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 6 เป็นต้นไป ซึ่งจำนวนที่มานั้นจะเป็นจำนวนที่จะประกาศวันเผด็จศึกในวันที่ 6 ธ.ค.และเราทุกคนต้องประกาศร่วมกัน

ส่วนพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดก็ให้ไปที่เวทีที่ กปปส.ในต่างจังหวัดจัดตั้ง แล้วให้ตัวแทนของเราเป็นผู้แทนกล่าวนำถวายพระพรชัยมงคล วันนี้และวันพรุ่งนี้ขอเป็นวันมหามงคลจะไม่พูดด่ารัฐบาล พักรบ 2 วันแล้ววันที่ 6 ธ.ค.จะเป็นวันลั่นกลองรบที่นำไปสู่วันเผด็จศึก ซึ่งผมจะประกาศแนวทางในวันที่ 6 เพื่อเดินทางเข้าไปรับชัยชนะของมวลมหาประชาชนได้อย่างแน่นอนคราวนี้

คณะกรรมการ กปปส.ได้เตรียมเทียนไว้ล้านเล่ม และจะร่วมกันร้องเพลงจากหัวใจสดุดีมหาราชา ร้องด้วยกันสดๆ จากหัวใจ ถ้าพี่น้องออกมา

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมที่ศูนย์ราชการในวันนี้มีมวลชนเข้าร่วมค่อนข้างบางตากว่าทุกวันที่ผ่านมา บนเวทีปราศรัยก็ไม่ได้มีการจัดกิจกรรมรื่นเริง หรือเน้นหนักการปราศรัยมากเหมือนทุกวัน ขณะที่มวลชนซึ่งพักค้างภายในอาคารศูนย์ราชการมาหลายคืน ก็ได้เริ่มทยอยเดินทางกลับบ้าน ซึ่งอาจเป็นเพราะในวันนี้ไม่มีกิจกรรมการเคลื่อนไหวมากนัก และวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุดและมวลชนอยากที่จะไปฉลองวันพ่อแห่งชาติที่บ้าน









คำต่อคำ : สุเทพ เทือกสุบรรณ ปราศรัย 4 ธ.ค.2556

พี่น้องผู้รักชาติรักแผ่นดินที่ได้ลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ เพื่อขจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย ทุกเวทีทั่วประเทศไทย ผมขอกราบคารวะทุกท่านด้วยความเคารพอย่างยิ่งครับ วันนี้มีเรื่องสำคัญที่จะต้องกราบเรียนกับพี่น้องทั้งหลาย เพื่อซักซ้อมว่า เราจะร่วมกันปฏิบัติอะไรกันบ้างในวันพรุ่งนี้ แต่ว่าก่อนถึงเวลานั้น ก่อนถึงวาระนั้น กระผมขออนุญาตใช้เวลาเล็กน้อย เพื่อที่จะทำความเข้าใจเรื่องแนวทางขั้นตอนการต่อสู้ของมวลมหาประชาชน ที่ได้รวมตัวกันเป็น กปปส.ในคราวนี้

ประการที่ 1 พี่น้องครับ สิ่งที่เรากำลังดำเนินการกันอยู่ การต่อสู้ของเรานี้ เราต่อสู้ในฐานะผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญ ผู้ที่รักษากฎเกณฑ์กติกาสูงสุดของประเทศนี้ เพราะฝ่ายระบอบทักษิณเป็นกบฏต่อรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายสูงสุดของประเทศ จึงเป็นหน้าที่ของเราที่เป็นเจ้าของประเทศ ต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญในขณะนี้ และในการต่อสู้ของเราคราวนี้ เป้าหมายสำคัญของเราก็คือว่า ทวงคืนอำนาจอธิปไตยของประชาชน เราประชาชนชาวไทย ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามที่บทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ได้บัญญัติไว้ว่าอำนาจอธิปไตยนั้นเป็นของปวงชนชาวไทย แต่ว่าเราได้มอบอำนาจนั้นให้แก่รัฐบาลให้กับรัฐสภา แล้วปรากฏว่าทั้งรัฐบาล และรัฐสภาที่ได้รับมอบอำนาจมาจากเราได้ทรยศต่อเราต่อปวงประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ แทนที่จะไปใช้อำนาจให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติกับประชาชนกลับไปบิดเบือน อ้างประชาชน แล้วไปใช้อำนาจโดยไม่เคารพกฎหมายขัดต่อกฎหมาย ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของพี่ชายตนเอง และครอบครัวของตนเองเท่านั้น เมื่อคนที่ได้รับมอบอำนาจจากเราไปทำการทรยศต่อเจตนารมณ์ของเราปวงประชาชน เราจึงมีความชอบธรรมที่จะดึงเอาอำนาจนั้นคืนมาเป็นของเรา เพื่อที่จะมาจัดการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติแบบนี้ ถามว่าในสถานการณ์ที่ไม่ปกติอย่างนี้ กฎหมายรัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติไว้อย่างไร พี่น้องทั้งหลายครับ กฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 7 มีบทบัญญัติเอาไว้ว่า ในกรณีที่รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนเอาไว้ว่า จะต้องดำเนินการอย่างไร ในสถานการณ์ที่ไม่ปกตินี้ ให้วินิจฉัยตามประเพณีการปกครองบ้านเมืองในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เรื่องที่สภาฯ ทรยศต่อประชาชน เรื่องที่รัฐบาลทรยศต่อประชาชน รัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนเอาไว้ เพราะรัฐธรรมนูญคาดไม่ถึงว่า จะมีคนเลวคนชั่วทรยศต่อประชาชนได้ถึงขนาดนี้

เพราะฉะนั้นจึงต้องกลับไปใช้บทบัญญัติมาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญ พี่น้องทั้งหลายพอเราพูดอย่างนี้ก็เกิดมีคนคัดค้านด้วยความไม่รู้ ด้วยความเข้าใจผิด ไปคิดเอาเองว่า มาตรา 7 ในรัฐธรรมนูญนั้น คือการไปรบกวนเบื้องพระยุคลบาท พระเจ้าอยู่หัว ไปคิดเอาเองว่า การใช้มาตรา 7 คือการไปขอพระราชทานนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ไปขอพระราชทานรัฐสภาใหม่ ไม่ใช่ครับ ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐของประเทศเรานี้ พระองค์ไม่เคยลงมาแทรกแซงก้าวก่ายการเมือง พระองค์ทรงวางพระองค์เองอยู่เหนือการเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2516 เป็นตัวอย่างการใช้บทบัญญัติมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ ที่ได้ใช้ขึ้นมาแล้วในประเทศไทย วันนั้นเกิดอะไรขึ้นครับ วันนั้นปรากฏว่า มีนิสิตนักศึกษาลุกขึ้นเดินขบวนต่อต้านรัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร แล้วก็เกิดเรื่องใหญ่โต เกิดเหตุรุนแรง มีนักศึกษาเสียชีวิตบาดเจ็บจำนวนมาก เป็นวันมหาวิปโยคของชาติ จอมพลถนอม กิตติขจร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี จอมพลประภาส จารุเสถียร ลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี แล้วก็ทั้งสองท่านเดินทางออกนอกประเทศไทย เพื่อให้เหตุการณ์สงบลง ไม่มีคนเป็นนายกรัฐมนตรี รองประธานวุฒิสภาขณะนั้น ซึ่งยังมีตำแหน่งก็เป็นผู้เข้าไปกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้พระองค์ท่านได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ต่อจากจอมพลถนอม พูดอย่างนี้เพื่อเอาความจริงมากราบเรียนกับพี่น้องว่า ไม่ใช่อยู่ๆ พระเจ้าอยู่หัวจะพระราชทานลงมา แต่ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อบ้านเมืองที่เหลืออยู่ในขณะนั้นคือ รองประธานวุฒิสภา เห็นว่า บ้านเมืองจะเดินหน้าไปได้ต้องมีคนมาเป็นนายกรัฐมนตรี และเห็นว่า นายสัญญา ธรรมศักดิ์ ซึ่งเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันนั้น มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ รองประธานวุฒิสภาจึงได้นำความขึ้นกราบบังคมทูล และพระองค์ท่านก็ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้ง นายสัญญาเป็นนายกรัฐมนตรี
กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่เรามาเทียบเคียงได้ว่า ถ้าหากวันข้างหน้า คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจาก ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และลาออกจากการรักษาการประเทศไม่มีนายกรัฐมนตรี คนที่มีอำนาจหน้าที่ที่เหลืออยู่สามารถที่นำความขึ้นกราบบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัวว่า สมควรแต่งตั้งคนนั้นคนนี้เป็นนายกรัฐมนตรี ในสถานการณ์นี้ นี้คือการใช้อำนาจจากมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญครับพี่น้องประชาชน

ส่วนว่าเราจะทำอย่างไรให้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และไม่รักษาการนายกรัฐมนตรีต่อไปนั้นคือ สิ่งที่เรากำลังทำคือ เราถอนความชอบธรรมอำนาจที่เขาเอาไปใช้มาเป็นของเรา เขาหมดอำนาจเขาก็ต้องไป เพราะไม่มีความเป็นจริงในการใช้อำนาจเหลืออยู่สำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว เรื่องนี้ยังจะต้องพูดกัน ยังจะต้องชี้แจงกัน เพราะทันทีที่เราบอกว่า เราจะปฏิบัติการตามรัฐธรรมนูญตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เพราะพวกเราเป็นพลเมืองดีเป็นผู้พิทักษ์รัฐธรรมนูญ เขาก็โจมตีว่า ไม่มีข้อกฎหมายรองรับทุกวันนี้ และวันนี้รองนายกรัฐมนตรี สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ก็ออกมาพูด เพราะไม่รู้ความจริงหรือแกล้งโง่หรือไม่รู้จริงๆ ที่นี้เอาไว้แค่นี้ก่อน เพราะมีเวลาทั้งที่ต้องพูด และกระทำด้วยกัน มาถึงเรื่องวันพรุ่งนี้ครับ พี่น้องครับ วันพรุ่งนี้เป็นวันมิ่งมหามงคลของชาติไทย เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราซึ่งเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน ก็จะได้ร่วมกันจัดงานเฉลิมพระชนมพรรษา เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีที่มวลมหาประชาชน ผู้เป็นพสกนิกรของพระองค์ท่านมีต่อพระองค์ท่าน และปีนี้เราต้องจัดกันเป็นพิเศษ เพราะปีนี้ไม่ใช่ปีปกติธรรม ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยปกติจะมีนายกรัฐมนตรี จะมีประธานสภาผู้แทนราษฎร จะมีประธานศาลฎีกา ซึ่งเป็นผู้นำในการใช้อำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ด้าน เป็นผู้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล

แต่ปีนี้มันเกิดมีปัญหามีความรู้สึกของมวลมหาประชาชนทั่วประเทศว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่สมควรที่จะเป็นผู้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลในวันพรุ่งนี้ ไม่ใช่เฉพาะพวกเราที่อยู่หน้าเวทีนี้ หรือไม่ใช่เฉพาะพวกเราที่ลุกขึ้นต่อสู้กับระบอบทักษิณจะมีความรู้สึกอย่างนี้ แต่มีคนในหลายสาขาอาชีพ หลายองค์กร ที่เขารู้สึกอย่างนี้ และรู้สึกอย่างคนที่มีเหตุมีผลที่คนจะต้องสมควรรับฟังเป็นอย่างยิ่ง

ผมขออนุญาตอ่านเอกสารที่ผมเห็นว่า สมควรที่พี่น้องประชาชนทั้งประเทศจะได้รับทราบ เอกสารในมือผมฉบับแรก เป็นคำแถลงของสภาทนายความที่ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม เรื่องการปฏิบัติตนและการปฏิบัติหน้าที่ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เขาแถลง 3. ข้ออย่างนี้ครับ พี่น้องจะได้ฟังและคิดตาม

ข้อที่ 1.เขาบอกว่า ผู้ที่มีหน้าที่ และต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้น มาตรา 216 วรรค 5 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ได้บัญญัติไว้อย่างชัดเจนว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล และองค์กรอื่นของรัฐ ความชัดเจนของบทบัญญัตินี้ จึงไม่อาจแปลความเป็นอย่างอื่นได้ว่า จะมีองค์กรใด บุคคล หรือคณะบุคคลใดที่จะสามารถปฏิบัติหลักการถ่วงดุลในระบอบประชาธิปไตยตามหลักสากล ชัดไหมครับ พี่น้องครับ เขาบอกเลยว่า ใครก็ปฏิเสธไม่ได้

ข้อ 2.เขาเขียนต่อครับ หลักการถ่วงดุลนี้ มีปรากฏตามพระราชปณิธานที่ได้พระราชทานรัฐธรรมนูญไว้ มีความตอนหนึ่งอยู่ในวรรค 3 ว่า การยึดถือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นวิถีทางในการปกครองประเทศ การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ให้ประชาชนมีบทบาท และมีส่วนร่วมในการปกครอง และตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐอย่างเป็นรูปธรรม การกำหนดกลไกสถาบันการเมืองทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารไม่มีดุลพินิจ และประสิทธิภาพตามวิถีการปกครองแบบรัฐสภา รวมทั้งให้สถาบันศาล และองค์อิสระอื่นสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยสุจริตเที่ยงธรรม จึงเป็นการวางหลักการถ่วงดุลอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ทาง ซึ่งพระมหากษัรติย์จะทรงใช้พระราชอำนาจตามรัฐธรรมนูญ

ข้อ 3.หลักการที่มีพระมหากษัรติย์ทรงเป็นประมุขและทรงใช้พระราชอำนาจทั้งทางบริหาร ผ่านรัฐบาลทางนิติบัญญัติ ผ่านรัฐสภา และทางตุลาการผ่านศาลนี้ เป็นความสมดุลที่สอดคล้องกัน การที่มีกลุ่มบุคคลสมาชิกพรรคการเมือง รัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา ทั้งจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา ปฏิเสธคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญย่อมเป็นการไม่ชอบของการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา หรือรัฐมนตรีที่ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรมการแสดงออกต่อสาธารณะถึงการไม่ยอมรับต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เท่ากับเป็นการปฏิเสธอำนาจทางตุลาการ หากมีการกระทำดังกล่าวนี้ปรากฏอยู่ โดยที่ผู้กระทำยังไม่ได้รู้สำนึก รวมตลอดถึงนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่กราบบังคมทูลเกล้าขอพระราชทานร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้วกลับคืน จึงเป็นการกระทำผิดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ โดยชัดแจ้ง ไม่ชอบที่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ หรือบุคคลใดควรที่จะถือปฏิบัติ โดยเฉพาะเมื่อใกล้วันที่เข้าเฝ้าถวายพระพรแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นวันที่พระองค์เสด็จออกมหาสมาคม เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคมนี้ ผู้ที่ปฏิเสธคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มิบังควรที่จะเข้าเฝ้าถวายพระพรในขณะนี้ตนเองดันทุรังปฏิเสธอำนาจตุลาการ ที่พระองค์ทรงใช้ผ่านศาล

ผมย้ำพี่น้องครับ ผู้ที่ปฏิเสธคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ มิบังควรที่จะเข้าเฝ้าถวายพระพร ในขณะที่ตนเองยังดื้อรั้นปฏิเสธอำนาจตุลาการที่พระองค์ทรงใช้ผ่านทางศาล พี่น้องหาดูได้ในเว็บไซต์แถลงการณ์ของสภาทนายความ
มีอดีตผู้ปรึกษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกาของอีก 2 ท่าน ให้ความเห็นเรื่องนี้เหมือนกัน พูดชัดเจน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มิบังควรที่จะเป็นผู้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลในวันพรุ่งนี้

พี่น้องทั้งหลายจึงเป็นหน้าที่ของพวกเรา ที่จะต้องเป็นผู้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลต่อองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นวันพรุ่งนี้จึงเป็นวันพิเศษอย่างยิ่ง สำหรับปวงชนชาวไทยเจ้าของอำนาจอธิปไตยในประเทศนี้ ที่จะต้องออกมาพร้อมกันทุกผู้ทุกคน จะต้องเป็นการแสดงออกให้ชัดเจนให้โลกได้รู้ได้เห็นว่า มวลมหาประชาชนปวงชนชาวไทยผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยได้ลุกขึ้นแสดงตนแล้วว่า ขอเป็นผู้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลโดยตรงต่อองค์พระมหากษัตริย์ เพราะว่ายิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังถือดียังถือว่าตัวเองมีอำนาจมีสิทธิ์ ยังเป็นนายกฯ จะต้องไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนคนไทย กราบถวายพระพรชัยมงคล ผมจึงต้องเชิญชวนพี่น้องประชาชนว่า ถ้าพี่น้องมีความเห็นมีความรู้สึกสำเนียกในความเป็นจริงตามแถลงการณ์ของสภาทนายความ เราต้องลุกขึ้นมาแสดงตนให้พร้อมเพรียงที่เวทีของมวลมหาประชาชน และกล่าวคำถวายพระพรชัยมงคลด้วยกัน

พี่น้องทั้งหลายผมขอถือโอกาสนี้ ในฐานะที่เป็นเลขาธิการ กปปส.กราบเรียนเชิญชวนพี่น้องที่เคารพ วันพรุ่งนี้ต้องถือเป็นวันพิเศษสุดในชีวิตเรา ต้องออกมาทุกคน ที่ราชดำเนินและที่นี่ เราจะเริ่มกันตั้งแต่ 7 โมงเช้า ใครมาได้มา เราจะมีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป พระบิณฑบาต เราจะถวายภัตตาหารเพล ตอนเย็นเรามาพร้อมกัน พี่น้องมาเช้าไม่ได้ไม่เป็นไร พวกที่นอนอยู่ที่นี่ค้างที่นี่ ทำบุญตักบาตรถวายภัตตาหารไป แต่พอตอนเย็น 5 โมงเย็น ต้องมาพร้อมกันที่เวทีราชดำเนิน ที่เวทีกระทรวงการคลัง และที่เวทีศูนย์ราชการแห่งนี้ ให้มืดฟ้ามัวดินมากันให้หมด มากันให้ครบ 5 โมงเย็น เราจะเริ่มสวดมนต์ชำระใจให้ผ่องแผ้ว สวดมนต์ทำความดีตามหลักของศาสนา เพื่อที่จะถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระมหากษัตริย์ที่เราทุกคนจงรักภักดี พอสวดมนต์เสร็จ 6 โมงร้องเพลงชาติเสร็จ เราก็จะเริ่มประกอบพิธีสำหรับการถวายพระพรชัยมงคล ถ้าพี่น้องให้ฉันทานุมัติให้ความเห็นชอบให้กระผมได้เป็นตัวแทนของมวลมหาประชาชน ทำหน้าที่กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และถวายสัตย์ปฏิญาณของมวลมหาประชาชน เพื่อเป็นพลเมืองดี และพลังของแผ่นดินภายใต้ร่มพระบารมี เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ถ้าพี่น้องไม่ฉันทานุมัติ ผมจะขอทำหน้าที่นั้นในนามของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ พี่น้องให้ฉันทานุมัติใช่ไหมครับ

ฉะนั้นพรุ่งนี้กระผมจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของมวลมหาประชาชน กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามของพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ และจะเป็นผู้กล่าวนำคำถวายสัตย์ปฏิญาณให้มวลมหาประชาชนได้ปฏิญาณตนพร้อมกันทั้งประเทศ เพื่อจะเป็นพลเมืองดี และเป็นพลังของแผ่นดินภายใต้ร่มพระบารมี ตกลงไหมครับพี่น้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งวันนี้ ส.ส.ก็ลาออกแล้ว กำนันก็ไม่ได้เป็นมานานแล้ว เหลือแต่คนเรียกชื่อกำนัน แต่ยังมีศักดิ์ศรีมีฐานะที่จะเป็นผู้กราบบังคมทูล ถวายพระพรชัยมงคลได้ ถ้ามวลมหาประชาชนออกมาร่วมกันเป็นล้านคนในวันพรุ่งนี้ครับ พี่น้องครับ ผมเป็นประชาชนธรรมดา ไม่สามารถอ้างศักดิ์ตามกฎหมาย ตำแหน่งตามกฎหมาย แต่ผมสามารถที่จะเป็นตัวแทนของมวลมหาประชาชนตามความเป็นจริง ถ้ามีคนเป็นล้านคนเป็นออกมาให้ผมได้ยืนเอาหลังพิง

เพราะฉะนั้นถ้าพี่น้องประชาชน มีความเห็นเหมือนสภาทนายความว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มิสมควรที่จะเข้าเฝ้าถวายพระพร พี่น้องต้องมาที่เวทีราชดำเนิน เวทีกระทรวงการคลัง ต้องมาที่เวทีศูนย์ราชการแห่งนี้ แล้วให้โลกทั้งโลกเห็นว่าคนส่วนใหญ่ในแผ่นดินนี้ ไม่ต้องการให้ยิ่งลักษณ์เป็นตัวแทนถวายพระพร แต่ต้องการให้สุเทพ เทือกสุบรรณ กราบถวายพระพรแทนประชาชนทั้งหลาย พรุ่งนี้เราจะได้เห็นกันพี่น้องที่เคารพรักทั้งหลายครับ พอกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลแล้ว กระผมก็จะนำพี่น้องปฏิญาณตนขออนุญาตอ่านให้พี่น้องฟังก่อน ว่าคำปฏิญาณตนว่าเราจะปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันพรุ่งนี้มีอย่างไร ว่าอย่างนี้ครับพี่น้อง

ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นพลเมืองที่ดีดำรงตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จะสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ โดยยึดมั่นในกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อแผ่นดินไทย อันเป็นถิ่นกำเนิดที่อาศัยอันผาสุกร่มเย็น จะยึดมั่นและปฏิบัติตนตามหลักธรรมคำสอนของศาสนา เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท จะยึดมั่นในในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัรติย์เป็นองค์พระประมุข และจะพิทักษ์ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัรติย์ตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ นี่คือสิ่งที่เราจะปฏิญาณตนต่อหน้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นวันพรุ่งนี้ถ้ารักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง ต้องออกมาจากบ้านมาแสดงตนที่ราชดำเนิน ที่กระทรวงการคลัง และที่ศูนย์ราชการ และจะได้กล่าวปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ เนื่องในโอกาสพิเศษคือ วันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556 และจะต้องทำให้ยิ่งใหญ่มากมายเป็นประวัติการณ์ครับพี่น้องครับ เราจะได้แสดงตัวตนของผู้ที่จงรักภักดี เราจะได้แสดงตัวตน และปฏิญาณว่าเราจะเป็นพลังของแผ่นดินที่จะทำเรื่องดีๆ ให้กับบ้านเมืองให้กับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข การมารวมพลังที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราในวันพรุ่งนี้ จะเป็นพลังที่จะนำไปสู่การต่อสู้ในยกสุดท้าย ที่จะเริ่มขึ้นหลังจากงานเฉลิมพระชนมพรรษาคือ คืนตั้งแต่วันที่ 6,7 ,8,9 เป็นต้นไป จนกว่าเราจะพบชัยชนะ ได้รับชัยชนะ มาทำภารกิจสำคัญคือการรวมพลัง รวมใจคนไทยผู้จงรักภักดีถวายพระพรชัยมงคลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่พูดเรื่องการเรื่องการต่อสู้ 1 วัน พักวันหนึ่ง วันเดียว แต่ขณะนั้น จำนวนนั้นยังจะต้องอยู่ เพื่อจะประกาศวันเผด็จศึก ซึ่งจะประกาศกันในคืนวันที่ 6 ธันวาคมนี้ และเราทุกคนจะต้องประกาศร่วมกัน

นี้คือเรื่องสำคัญที่จะต้องกราบเรียนกับพี่น้องทั้งหลาย และหลังจากที่ได้กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล และปฏิญาณตนกันแล้ว ทางคณะกรรมการ กปปส.ได้เตรียมเทียนไว้ล้านเล่มจุดเทียนชัยถวายพระพร แล้วเราก็จะร่วมกันร้องเพลงจากหัวใจสดุดีมหาราชาในดวงใจของพวกเราชาวไทยทุกคน ร้องด้วยกันร้องสดๆ ร้องจริงๆ จากหัวใจ ถ้าพี่น้องออกกันมามากกลัวว่าเทียนไขที่เตรียมไว้ล้านเล่มไม่พอ พี่น้องจะถือมาจากบ้านบ้างก็ได้ไม่ขัดข้อง แต่พี่น้องที่อยู่ที่นี้แล้วเรามี 1 ล้านเล่มเตรียมเอาไว้แล้วครับพี่น้องครับ หลังจากประกอบพิธีกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลเสร็จแล้ว ก็จะมีทั้งดนตรี ก็จะมีหนังกลางแปลงหลายจอทั้งที่ราชดำเนินและที่นี้ เรียกว่าเป็นการสมโภชเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่สนุกสนานด้วยกัน นี้เป็นเรื่องสำคัญที่ กปปส.มอบหมายให้ผมกราบเรียนกับพี่น้องทั้งหลายในคืนนี้ และก็หวังที่สุดครับว่า จะได้เห็นพลังอันมหาศาลของมวลมหาประชาชนสมกับที่เราตั้งใจแสดงออก ให้เป็นที่ประจักษ์และให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มันต้องอับอายมุดดินไปตายที่ไหนก็ตามแต่ ส่วนพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดก็ให้ไปที่เวทีที่มวลมหาประชาชนเขาจัดขึ้นในแต่ละจังหวัด ไปเหมือนที่คนกรุงเทพฯ ไปราชดำเนิน หรือมาศูนย์ราชการ หรือกระทรวงการคลัง ไปพร้อมกันที่นั่น แล้วให้ตัวแทนของพวกเราเป็นผู้นำกล่าวถวายพระพรชัยมงคลในแต่ละจังหวัดครับ

วันนี้กระผมก็ขอถือโอกาสกราบเรียนกับพี่น้องเฉพาะเรื่องนี้ วันนี้ 1 วัน กับพรุ่งนี้อีก 1 วัน ขอเป็นวันมิ่งมหามงคล และจะไม่พูดกล่าวว่ารัฐบาลเว้นไป 2 วันเท่านั้น พักรบให้ 2 วัน วันที่ 6 ลั่นกลองรบด้วยกันต่อหน้าพี่น้องประชาชน และเป็นการรบขั้นเผด็จศึก คนที่เตรียมตัวมาทั้งคืน เตรียมตัวร่วมต่อสู้ยกสุดท้ายเตรียมตัวได้ และผมจะกราบเรียนรายละเอียดในคืนวันที่ 6 ธันวาคม ซึ่งพี่น้องฟังแล้วจะต้องตัดสินใจร่วมกัน เพราะนั่นคือการเดินทางไปสู่การเผด็จศึก และเดินทางเข้าไปรับชัยชนะของมวลมหาประชาชนอย่างเด็ดขาดคราวนี้
ขอกราบเรียนไว้เป็นการเบื้องต้นเฉพาะนี้ แค่นี้ ขอกราบขอบพระคุณ และจะรอต้อนรับพี่น้องทั้งหลาย อยู่ที่เวทีในคืนวันพรุ่งนี้ มาถึง 5 โมงเย็นนะครับพี่น้องครับ ขอบพระคุณครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น