“ประชา” แถลงข่าวพร้อม “สุรพงษ์” ท่องคาถาชุมนุมกระทบเชื่อมั่น โยนงานคุม ศอ.รส.ให้ รมว.กต. ตนถอยเป็นกุนซือ ปัดไร้นัยไม่มีปัญญาคุมม็อบ รับนายกฯ คุย “สุเทพ” จริง เผยท่องบทต้องยึด กม. เชื่อมีคุยอีกรอบ ลั่นทำเนียบยังใช้ได้ แต่อุบไต๋ที่ประชุม ครม. “ปึ้ง” ซัด ชุมนุมทำลายภาพลักษณ์ ศก. สั่ง ขรก.ทำงานปกติ ยันรัฐไม่รุนแรง
วันนี้ (2 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง พร้อมด้วยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ แถลงข่าวว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อควบคุมสถานการณ์ป้องกัน ระงับยับยั้งภัยต่อความมั่นคงของรัฐ เศรษฐกิจ และสังคมของชาติ อันเกิดจากการชุมนุม ในฐานะกำกับควบคุมดูแลสถานการณ์ ได้ใช้หลักสันติวิธี ไม่ใช้อาวุธ และความรุนแรงต่อผู้ชุมนุม การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลความสงบ โดยมุ่งเน้นการดูแลรักษาสถานที่ราชการ และระงับความรุนแรง รวมถึงไม่ให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน ซึ่งขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลง และยกระดับการชุมนุมขึ้นในลักษณะที่มีความประสงค์ให้เปลี่ยนแปลงการใช้อำนาจรัฐ โดยไม่ใช่วิถีทางตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศ จึงจำเป็นต้องมีการควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และทำความเข้าใจกับต่างประเทศมากยิ่งขึ้น และเพื่อใช้ชาวต่างประเทศได้รับรู้และเข้าใจสถานการณ์ภายในประเทศ นายกรัฐมนตรีจึงมอบหมายให้นายสุรพงษ์มากำกับดูแลงานศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ด้านนายสุรพงษ์กล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแล ศอ.รส. และการชี้แจงข้อมูลข่าวสาร เพื่อให้นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ด้านอื่นๆ ที่จะนำพาประเทศไทยให้เดินหน้าต่อไป เพราะการชุมนุมประท้วงได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ และภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของประชาคมโลกที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ทั้งนี้ ตนเองให้ความเคารพในสิทธิการแสดงออก หรือเรียกร้องภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่ควรให้การชุมนุมประท้วงสร้างความเสียหายต่อประเทศไทย โดยเฉพาะการปิดหน่วยราชการ กระทรวงต่างๆ และรัฐวิสาหกิจต่างๆ ทำให้ข้าราชการ และพนักงานรัฐวิสาหกิจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามปกติได้นั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ตนเองจึงขอให้ข้าราชการและเจ้าพนักงานของรัฐวิสาหกิจเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ของตนตามปกติ และรัฐบาลจะใช้ความอดทนจึงถึงที่สุด และยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี และการดำเนินการใดๆ ของรัฐบาลจะยึดแนวปฏิบัติตามหลักสากลต่อผู้ชุมนุมประท้วง และยึดมั่นในข้อกฎหมายบทบัญญัติภายใต้รัฐธรรมนูญ และเป็นที่ยอมรับในสังคมที่เป็นประชาธิปไตยของโลก และนานาชาติเห็นพ้องด้วย และรัฐบาลขอยืนยันว่าจะนำพาประเทศไทยกลับสู่ความสงบสุขโดยเร็ว
เมื่อถามว่าการเปลี่ยนตัวผู้กำกับดูแล ศอ.รส.นั้นมีปัญหาอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า นายกฯมีเจตนาที่แน่วแน่ที่จะสร้างความเข้าใจกับนานาประเทศให้มากยิ่งขึ้น เพราะเราเป็นห่วงภาพความเชื่อมั่นกับชาวต่างชาติ เพราะเกรงว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจะสังคม จึงเปลี่ยนให้นายสุรพงษ์ รองนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 รวมถึงรักษาการแทนกรณีที่นายกฯไม่สามารถปฏิบัติราชการได้เนื่องจากเดินทางไปต่างประเทศ หรือไปราชการไปที่อื่นใด และไม่มีนัยอะไร ส่วนตนก็รับผิดชอบในเนื้องานบริหารราชการแผ่นดินตามที่นายกฯมอบหมายะยังกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาตอ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เรื่องนี้ตนไม่เสียใจเพราะตนก็ยังเป็นที่ปรึกษาอยู่ และไม่ใช่เพราะว่าตนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์การชุมนุมได้
เมื่อถามว่าที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุม เปิดเผยว่า ได้ร่วมหารือกับนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย ผบ.เหล่าทัพ จริงหรือไม่ พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า จากการที่รัฐบาลยื่นไมตรีไป ถือว่าประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง เพราะได้มีการพูดคุยระหว่างนายกฯ และนายสุเทพ โดยการประสานงานจากผู้บัญชาการทั้ง 3 เหล่าทัพ ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีการพูดคุยกัน เพราะไม่มีสงครามใด การรบใดจะจบลงที่สนาม แต่ต้องจบลงบนโต๊ะด้วยการเจรจา ซึ่งการเจรจาครั้งนี้ถิอว่าเป็นเรื่องดี ส่วนจะมีเนื้อหาสาระที่สมบูรณ์ หรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องที่จะพูดคุยกันต่อไป ทั้งนี้นายกฯได้แจ้งให้ทราบแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่เราจะเดินออกนอกกรอบรัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่าประเด็นการเจรจานายกฯ ได้นำมาหารือกับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า นายกฯได้แจ้งให้คณะรัฐมนตรีได้ทราบแล้วในที่ประชุม ซึ่งการดำเนินการใดๆ ต้องเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ถ้าอยู่นอกเหนือกฎหมายมันไม่ใช่ และนายสุเทพจะนำเอาสิ่งที่กฎหมายไม่รองรับมาเป็นข้อยุตินั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยต่อหปโดยมีผู้บัญชาการทั้ง 3 เหล่าทัพเป็นคนกลาง
เมื่อถามว่า ถือว่ารัฐบาลปฏิเสธข้อเสนอที่นายสุเทพเสนอด้วยใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า ข้อเสนอนั้นต้องอยู่บนพื้นฐานที่กฎหมายรองรับจึงจะเป็นข้อยุติ จะต้องทบทวนให้ทุกอย่างถูกต้องที่สุด เพราะเราปกครองบริหารราชการแผ่นดินภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ส่วนการเจรจาร่วมกับนายสุเทพ อีกครั้งเมื่อไหร่นั้น จะเป็นเรื่องที่นายกฯ ซึ่งจะดำเนินการโดย ผบ.เหล่าทัพ ส่วนจะสามารถสรุปได้ภายในสองวันนี้หรือไหม ก็สุดแท้แต่นายกฯ ที่จะดำเนินการ
เมื่อถามว่า การที่นายสุเทพปฏิเสธว่าจะไม่มีการเจรจาใดๆ รองนายกฯ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า คงไม่ใช่เพราะความเป็นจริงสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะไม่สอดคล้องกบคำพูดทุกประการ เพราะทุกอย่างต้องจบลงดวยการพูดคุยทุกครั้ง
เมื่อถามว่า หากนายสุเทพมีการต่อรองให้ยกคดีกบฏออกไป รองนายกฯ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลักฐานและข้อเท็จจริงว่าเป็นอย่างไร ถ้าเข้าขั้นใครจะไปหลบเลี่ยงกฎหมายได้ ถ้าไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็คือละเว้นตามมาตรา 157
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู้หัว ได้ที่ไหน รองนายกฯกล่าวว่า มี เพราะเป็นงานพระราชพิธีที่สำคัญ ทุกเรื่องต้องดำเนินไปตามกำหนดการที่มีอยู่ เพื่อเป็นการถวายราชสดุดีรัฐบาลและการทำงานของข้าราชการต้องมีต่อไป ทุกคนตองมาปฏิบัติหน้าที่เพื่อบริการพี่น้องประชาชน และการถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนายกฯ ก็ยังต้องมีอยู่เพราะเป็นรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ขณะนี้ ทั้งนี้ถ้าเป็นไปได้ตนอยากจะขอเรียกร้องให้ผู้ชุมนุมหยุดชุมนุม เพื่อที่การพูดคุยจะได้ชุมนุมต่อไป เมื่อเริ่มมีการพูดคุยก็เป็นเรื่องที่ดีความราบรื่นก็จะเกิดขึ้น พี่น้องประชาชนจะได้ไม่ต้องมาขัดแย้งและไม่ต้องมาเผชิญหน้ากันอย่างนี้
พล.ต.อ.ประชากล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (วันอังคารที่ 3 ธ.ค.) ยังคงมีการระชุมคณะรัฐมนตรีตามเดิม แต่ยังไม่ยืนยันเรื่องสถานที่ แต่จะประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ ขออย่าไปยึดติดกับสถานที่อาคาร ขอให้เป็นกรณีที่รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้อยู่โดยชอบตามกฎหมาย ส่วนสถานที่ที่ไหนเราต้องดูสถานการณ์ เข้าไปแล้วไม่ปลอดภัยก็ใช้สถานที่อื่นได้ และการประชุมก็ขึ้นอยู่กับนายกฯเป็นคนกำหนด
พล.ต.อ.ประชากล่าวถึงกรณีที่ ชัย ราชวัตร คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่ระบุว่าตนบอกว่าการชุมนุมที่ราชดำเนินเป็นม็อบของที่ติดยาเสพติด และคนว่างงาน ตนขอปฏิเสธและยืนยันว่าไม่ใช่คำพูดของตนเพราะเป็นการให้ข้อมูลตามที่มีข่าวว่าจะมีผู้ไม่หวังดีไปเชิญชวนคนว่างงาน หรือผู้ติดยาเสพติดทางภาคอีสานตอนใต้มาร่วมการชุมนุม จึงขอให้ผู้ชุมนุมร่วมสังเกตเพื่อระวังทรัพย์สินของตัวเอง ตนขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้ด้วย
ขณะที่นายสุรพงษ์กล่าวว่า ขอให้ผู้ชุมนุมคิดถึงประเทศไทย เพราะทุกวันนี้ประเทศไทยไม่ได้ก้าวไปในทางบวก การประท้วงต่างๆ ทำความเสียหายให้แก่ประเทศมาก ในฐานะที่ตนรับผิดชอบในหน้าที่ผู้กำกับดูแล ศอ.รส.นั้น ก็พร้อมที่จะพูดคุยกับนายสุเทพ หากนายสุเทพไม่ต้องการคุยกับนายกฯ เพราะเราต้องการให้ความสงบสุขกลับสู่ประเทศไทย เพราะประเทศไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง