xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” เหน็บใคร! ลั่นไม่หนีแม้เป็นสตรีก็กล้าเผชิญหน้า ขอม็อบเจรจา อย่าปะทะ คำนึงเสียงส่วนใหญ่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกฯ และ รมว.กห.วอนม็อบอย่าผิดสถานที่ราชการ ปัดใช้ กม.พิเศษก่อความรุนแรง ขอ 2 ฝ่ายอย่าเผชิญหน้า พร้อมเพิ่มกำลัง ตร. เชื่อ รมต.ขึ้นเวทีรู้ลิมิตตัวเอง อ้างยอมให้เห็นว่าอ่อนแอดีกว่าขอคืนพื้นที่แล้วสูญเสีย งงสภาประชาชน ชี้ต้องแก้ กม. ยันไม่มีทิฐิ ยินดีทำสิ่งให้เป็นประโยชน์แต่ต้องคำนึงเสียงส่วนใหญ่ด้วย แนะเปิดเวทีคุย อ้างงานเฉลิมฯ ไล่ งัดมุกป้องลูกมีอะไรให้มาลงที่แม่ ลั่นไม่หนีแม้เป็นผู้หญิงก็กล้าเผชิญหน้า


วันนี้ (30 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อเวลา 14.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เปิดให้สื่อมวลชนไทยสัมภาษณ์ ผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 ถึงกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศยึดทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 1 ธ.ค.ว่า ต้องเรียนว่าทำเนียบรัฐบาลคือจุดหัวใจหลักที่เรารักษา และในส่วนทำเนียบรัฐบาลเราก็คงให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าศูนย์ราชการอื่นๆ วันนี้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมพร้อมในการรักษา เนื่องจากเป็นสมบัติของราชการต้องขอความร่วมมือจากผู้ชุมนุมว่า กรุณอย่าบุกสถานที่ราชการเลย เพราะการบุกสถานที่ราชการและเขตหวงห้าม ที่ฝ่ายความมั่นคงได้ประกาศไว้ ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดขั้นตอนผิดกฎหมาย เราไม่อยากให้มีความวุ่นวาย หรือการดำเนินคดี

เมื่อถามว่า มีแนวคิดจะใช้กฎหมายพิเศษหรือไม่ เนื่องจากการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ยังมีการฝ่าฝืนอยู่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องเรียนว่าการที่เราต้องออก พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ในการขยายพื้นที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจัดสรรบุคลากรไปดูแล และป้องกันสถานที่ราชการต่างๆ เราไม่อยากบังคับใช้กฏหมายที่เกิดการกระทำรุนแรงต่อพี่น้องประชาชน เราอยากบังคับใช้กฎหมายตามข้อกฎหมาย และการทำงานของเจ้าหน้าที่ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่า เจ้าหน้าที่จะทำด้วยความละมุ่มละหม่อม เป็นไปตามขั้นตอนของหลักกฎหมาย และหลักสากล

เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าขณะนี้มีการเผชิญหน้ากันของกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่าย นายกฯ กล่าวว่าตรงนี้เป็นหน้าที่ของเจ้าหหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเราก็พยายามที่จะขอร้องกลุ่มผู้ชุมนุมว่าอย่าเผชิญหน้ากันเลย เพราะการที่เรามาชุมนุมเรียกร้องแม้ว่าความคิดเห็นเราจะแตกต่างกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการเรียกร้องนี้จะนำไปสู่ความรุนแรง ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน เราไม่อยากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับหลายๆ ประเทศที่มีการชุมนุม และนำไปซึ่งความวุ่นวายและความเดือดร้อนต่างๆ ที่ผ่านมาการดูแลของเจ้าหน้าที่ของ ศอ.รส.ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ จะเห็นว่ากว่าสองอาทิตย์ที่ดูแลผู้ชุมนุมเหตุการณ์ต่างๆ ก็ยังไม่เกิดจนถึงความรุนแรง จึงต้องขอความร่วมมือประชาชนมา ณ ที่นี้ด้วย

เมื่อถามว่าจะมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ตอบว่า คงจะเพิ่มแต่กำลังเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องใช้ในการปกป้องทรัพย์สินและความปลอดภัย ไม่ให้มีการเผชิญหน้า ขอความกรุณาพี่น้องประชาชนถ้าไม่จำเป็นอย่าใช้เส้นทางบริเวณนั้น ความร่วมมือในการหลีกเลี่ยงเส้นทางต่างๆ และเกรงในเรื่องบุคคลที่ 3 ที่ไม่อยากให้เหตุกระทบ ซึ่งวันนี้เราได้วางมาตรการต่างๆ ในเรื่องดูแลความปลอดภัยแล้ว

ถามว่ากรณีที่มีกลุ่มสนับสนุนรัฐบาลจัดเวทีปราศรัยและมีคนในรัฐบาลซึ่งเป็นรัฐมนตรีขึ้นเวทีปราศรัยแล้วจะเป็นการยั่วยุหรือไม่ และในฐานะนายกฯ มองว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่สนับสนุนหรือที่ไม่สนับสนุน จะเห็นว่ามีนักการเมืองเข้าไปร่วมทั้งสองเวที แต่ตนเชื่อว่าผู้ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็คงต้องรู้ลิมิตของตนเองว่าจะอยู่ที่ส่วนไหน และการพูดให้ประชาชนไปในลักษณะไหน เรื่องนี้คงต้องเป็นมุมของคนที่จะขึ้นเวทีเป็นผู้พิจารณาเอง

เมื่อถามว่า สำนักข่าวอัญจาซีราห์มีการวิเคราะห์ว่า การที่รัฐบาลไม่เข้มงวดกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่บุกรุกสถานที่ราชการ ตามใจแกนนำ เป็นเพราะรัฐบาลชุดนี้เกรงว่าจะกระทบรัฐบาลชุดที่แล้ว จนมีผู้เสียชีวิต 99 ศพใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า เราก็เลือกเป็นผู้ที่ถูกบอกว่า รัฐบาลอ่อนแอ ไม่ใช้กำลังกับผู้ชุมนุมรุก ดีกว่าที่เราจะบอกเรากำหนดเดตไลน์เพื่อขอคืนพื้นที่ และสุดท้ายผลที่ออกมา คือพี่น้องประชาชนเจ็บปวด และตนเชื่อว่าภาพฝันร้ายของความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในอดีต คงเป็นเหตุการณ์ที่หลอนประชาชนคนไทยไปอีกนาน เราไม่อยากเห็นเหตุการณ์นั้น เราจึงตัดสินใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล โดยปราศจากอาวุธ และดำเนินการขั้นตอนต่างๆ โดยกฎหมาย

เมื่อถามว่า กรณีที่กระแสข่าวมีกลุ่มผู้ปกครองในโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ ซึ่งเป็นสถานที่ศึกษาของ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร (น้องไปป์) บุตรชาย ได้แสดงพฤติกรรมต่อต้านรัฐบาลในโรงเรียนด้วยการเป่านกหวีดใส่ นายกฯ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ขอความกรุณา เชื่อว่าพี่น้องประชาชน ถ้าทุกคนมีลูกก็คงจะนึกหัวอกของความแม่ว่า ถ้าไม่ชอบใจ โกรธ ก็ขอให้มาลงที่แม่เถอะค่ะ อย่าไปลงกับเด็กเลย เพราะเด็กไม่รู้อะไร”

เมื่อถามว่า ในที่สุดหากสถานการณ์บานปลาย นายกฯ จะดูแลอย่างไร ในฐานะนายกฯเป็นผู้นำประเทศยังมีแนวคิดใหืกองกำลังทหารออกมาช่วยแก้ไขสถานการณ์หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่าในส่วนของ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ภายใต้การดูแลของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะ ผอ.ศอ.รส.ก็สามารถมีอำนาจในการขอกำลัง และขอความร่วมมือจากกองทัพมาช่วยสนับสนุนได้อยู่แล้ว ซึ่งเราคิดว่าในส่วนของการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯก็น่าจะเพียงพอ และก็จะดูในเรื่องการบริหารจัดการกำลังเจ้าหน้าที่และบุคลากรมากกว่า

เมื่อถามว่าจะใช้วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังทำงานได้อยู่ และได้มีการขอกำลังจากทางทหารให้ช่วยดูแลบางสถานที่อยู่แล้ว เราจะใช้มาตรการนั้นมากกว่า และในส่วนของการใช้กำลังทหารทั้งหมดคิดว่ายังไม่ถึงตรงนั้น คิดว่าการดูแลโดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นหลักน่าจะเพียงพอ เราคิดว่าพี่น้องประชาชนจะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่ถึงใช้กำลังรุนแรงซึ่งกันและกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯได้พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ บ้างหรือไม่ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดการชุมนุมขณะนี้ ได้ นายกฯ กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ได้เลยจุดนั้นมาแล้ว จุดประสงค์ผู้ชุมนุมนั้นต้องการรูปแบบสภาประชาชน ซึ่งการที่เราจะทำให้รูปแบบสภาประชาชนเกิดขึ้นได้จริงตามที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องนั้นจะเกิดขึ้นด้วยวิธีไหนเพราะหากจะให้อยู่ภายในรัฐธรรมนูญก็คงต้องมีการตรากฎหมาย ปรับปรุงต่างๆ ซึ่งก็คงต้องใช้เวลา รัฐบาลยินดีรับฟัง อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชานเราก็ยินดีอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ให้สถานการณ์ถึงขนาดไหนนายกฯถึงจะยุบสภาหรือลาออก น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า สำหรับตนไม่มีทิฐิใดๆ เรารักประเทศไทยไม่แพ้ทุกคน และเชื่อว่าคนไทยทุกคนก็รักประเทศ ดังนั้นอะไรที่เป็นทางออกของประเทศ เป็นประโยชน์แก่ประเทศเรายินดี แต่อยากขอความเป็นธรรมว่าทุกอย่างต้องคำนึงถึงเสียงหรือความต้องการของคนหมู่มากของประเทศด้วย และวันนี้ตนก็เชื่อว่าถ้าอะไรที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศก็ยินดี และไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่อย่างไรก็คิดว่ายังมีประโยชน์ที่จะทำเพื่อบ้านเมือง สิ่งต่างๆ เหล่านี้ก็ต้องบอกว่าภายใต้การทำงานและความรับผิดชอบในฐานะของนายกฯ นั้นก็ต้องประคองสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้งานต่างๆ เดินได้ วันนี้เราจะทำอย่างไรที่บ้านเมืองไม่มีทางออก เราก็ต้องมีคนมารับงานต่อ เราก็ต้องช่วยกันให้กำลังใจคนไทยทั้งประเทศในการประคองระบอบประชาธิปไตย ถ้าเราปล่อยให้สิ่งที่อยู่เหนือกฎหมายเดินได้ มันก็ไม่ใช่หนทางที่เป็นความสุข วันนี้ปัญหาทั้งหมดได้เกินเลยจุดแล้ว วันนี้เราได้เสนอทางออกของประเทศไทย ที่คนไทยทุกคน ทุกภาคส่วนมาเปิดเวทีพูดคุยกันว่าข้างหน้าเราจะก้าวไปอย่างไร ดีกว่าจะมาบอกว่าวันนี้เราจะมาสร้างความโกรธแค้นซึ่งกันและกัน และเดือนหน้าก็จะเป็นเดือนมหามงคล ก็หวังว่าคนไทยทุกคนจะพร้อมใจกันที่จะทำให้วันที่ 5 ธันวาคม ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา เป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเห็นความสามัคคีของคนไทยทุกคนกลับคืนมา

เมื่อถามว่า เวลานี้นายกฯพร้อมที่จะพูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนยินดี อะไรที่จะทำให้บ้านเมืองสงบลงได้ตนยินดี เมื่อถามต่อว่า จากการประสานมีการตอบรับที่จะพูดคุยแล้วหรือยัง นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มี เราก็ไม่ได้บอกว่ารัฐบาลจะเป็นเจ้าภาพ อะไรก็ได้ที่จะเริ่มให้เกิดเวทีการพูดคุยกัน แล้วเราก็ยินดีที่จะรับฟังโดยที่ไม่มีส่วนของรัฐบาลอยู่ด้วย ก็ต้องบอกว่าเวทีปฏิรูปการเมืองที่รัฐบาลได้เริ่ม ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะต้องชี้นำ และตนก็ได้บอกเจตนาตั้งแต่เริ่มต้นว่า เราเริ่มเปิดเวทีนี้ไว้ให้เพื่อให้ทุกกลุ่มมาพูดคุยกัน แต่ที่สำคัญเวทีนี้จะมาจากทุกภาคส่วนอย่างแท้จริงและสุดท้ายก็ต้องกลับไปถามประชาชนว่า ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่เป็นทางออกและเป็นคำตอบ

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่านายกฯ เดินทางไปประเทศรัสเซีย เพื่อหนีสถานการณ์วุ่นวายทางการเมือง นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และวันนี้ตนก็มีโอกาสมาให้กำลังใจตำรวจที่ทำงานเหน็ดเหนื่อยในการดูแลความปลอดภัยให้ประชาชน

“ดิฉันเองไม่หนีไปไหนหรอกค่ะ แม้ดิฉันจะเป็นผู้หญิง แต่ดิฉันก็กล้าเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ ค่ะ” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น