โฆษก ศอ.รส.แถลงเตรียมกำลังตำรวจจำนวน 18 กองร้อยพร้อมเครื่องปั่นไฟตั้งรับสถานการณ์มวลชนจะเคลื่อนพลมาปิด สตช. ลั่นยินดีต้อนรับ เชื่อมีเจตนาดี วอนเห็นใจผู้ป่วย รพ.ตำรวจ ล่าสุดได้มีการตัดน้ำตัดไฟที่ สตช.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมเจรจากับ “สุเทพ” ขอคืนพื้นที่หน่วยงานราชการ
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (28 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์ล่าสุดขณะนี้ว่า ได้มีมวลชน 15,000 คนพยายามขับเคลื่อนมวลชนเพื่อกดดันรัฐบาลกระจายไปในหลายพื้นที โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดูแลและป้องกันเพื่อให้การชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน ซึ่งเกิดเหตุความวุ่นวายบ่อยครั้ง เชื่อหากเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์จุดนี้ได้สถานการณ์จะคลี่คลายไปในทางที่ดี ส่วนกรณีการขอคืนพื้นที่กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ได้มีการจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจากับนายสุเทพ เช่นเดียวกับพื้นที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน ต้องดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน จึงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า กลุ่มผู้ชุมนุม คปท.ที่จะมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ทางเรายินดีต้อนรับ เชื่อมีเจตนาดี กรณีที่จะมีการตัดน้ำตัดไฟนั้นไม่ต้องกังวล ยังไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยได้มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยไว้ 18 กองร้อย พร้อมเตรียมเครื่องปั่นไฟไว้แล้ว และหากมีการกระทำจริงถือว่าผิดกฎหมาย แต่จะยังไม่มีการสลายการชุมนุม จะทำตามขั้นตอน เน้นการเจรจาเป็นหลัก อย่างไรก็ดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติติดกับโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งมีความละเอียดอ่อน ขอให้เห็นใจผู้ป่วย
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวอีกว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบเงื่อนไขที่แท้จริงของกลุ่มผู้ชุมนุม ฝากถึงประชาชนตรวจสอบข้อมูลและข่าวสารก่อนหลงเชื่อ แต่อย่างไรก็จะไม่ปล่อยคนผิดไป โดยจะดำเนินคดี เฉพาะคนที่ทำความผิดไว้ชัดเจน ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยยึดหลักปฏิญาณในการเป็นข้าของพระเจ้าอยู่หัว ทำงานถวายเพียงพระเจ้าอยู่หัว
เมื่อเวลา 12.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำกลุ่มได้มีผู้ชุมนุม กลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณ(กปท.) พร้อมด้วยรถขยายเสียง โดยการชุมนุมกินพื้นที่บริเวณถนนหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) โดยมีการสลับการปราศรัย และเป้านกหวีด กัดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อต้องการให้ตร. เข้าร่วมกับประชาชนเพื่อต่อต้านระบบทักทิษ หากยังไม่ได้รับคำตอบจะปักหลักชุมนุมค้างคืนบริเวณหน้า สตช. แต่ยังไม่ทราบว่าจะนานเท่าใด และประกาศว่าจะชุมนุมโดยสงบ ไม่มีการปีนรั้ว หรือปาขวดน้ำเข้ามายัง สตช.
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังคงตรึงกำลังเพื่อดูแล และรักษาความสงบเรียบร้อย โดยรอบบริเวณสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ต่อมาเมื่อเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าสำหรับมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้กำลังตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน จำนวน 18 กองร้อย ตรึงโดยรอบรั้วทุกด้าน พร้อมกับใช้แท่งแบริเออร์วางปิดกั้นประตูเข้า-ออกทุกด้าน และมีการนำลวดหนามมาตรึงบริเวณรั้วโดยรอบ พร้อมกับมีการสั่งการไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าออกโดยเด็ดขาด
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ตอบคำถามของสื่อข่าวกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมจะปักหลักค้างแรมว่า เราจะเน้นการเจรจาและพร้อมจะพูดคุย เพื่อจะขอร้องไม่ให้มีการปักหลักค้างคืน ซึ่งจะดำเนินการตามขั้นตอน ส่วนที่มีข่าวได้มีการตัดไฟภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้วนั้น ก็ได้เตรียมความพร้อมใช้เครื่องปั่นไฟแทนแล้ว
ด้านพล.ต.ต. ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) ทางศอ.รส.พร้อมรับฟังและเจรจาด้วยทุกเงื่อนไข ส่วนที่มีการตัดไฟ ก็ขอให้เห็นใจผู้ป่วยที่รพ.ตำรวจซึ่งขณะนี้มีจำนวน 414 รายรวมทั้งมีผู้ป่วยหนัก เนื่องจากต้องใช้สายไฟใหญ่จากสตช.ส่งไปที่รพ.ตำรวจ และชื่อว่าผู้ที่ตัดไฟนั้นจะต้องมีความรู้ในเรื่องของระบบสายไฟ ซึ่งในขณะนี้กล้องวงจรปิดสามารถจับไว้ได้แล้ว
ด้านแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่าการตัดไฟที่สตช.ไม่กระทบรพ.ตำรวจ เพราะเรามีหลักคุณธรรมที่เพียงพอและขอร้องอย่ามาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ถูกตัดน้ำ - ตัดไฟ ไปบางส่วนแล้ว ทำให้ข้าราชการตำรวจและสื่อมวลชนไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ทำงานได้
