รองโฆษกสำนักนายกฯ ร่วมตำรวจ บช.น.ตั้งโต๊ะแถลงข่าวอ้างประชาคมโลกไม่เห็นด้วย ม็อบต่อต้าน รบ.“อารยะขัดขืน” ไม่อายปากกล่าวโทษผู้ชุมนุมทำรายได้จากการท่องเที่ยวหดหาย แหล ตร.ไม่ใช้กำลังบุกจับ “สุเทพ” เกรงอันตรายทั้งสองฝ่าย ล่าสุดศาลอาญายังไม่อนุมัติออกหมายจับ “นิติธร” พร้อมพวกอีก 6 ราย รอการไต่สวนจันทร์หน้า ขณะที่ศาลแพ่งยกคำร้องกระทรวงการคลังขอคุ้มครองชั่วคราวเรื่องการขอคืนพื้นที่ โดยศาลเห็นว่า รบ.ได้ประกาศเป็นพื้นที่ความมั่นคงแล้ว
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (26 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมล่าสุด
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) เคลื่อนขบวนออกจากกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อที่จะเข้าทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภา แต่ จนท.ปิดกั้นทางเข้าออก ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจึงเดินทางไปรวมตัวกันที่ 4 แยกนางเลิ้ง เมื่อเวลา 11.00 น.การข่าวรายงานว่ากลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มประชาชนปฏิวัติปฏิรูปประเทศไทย(ปปปป.) ได้เดินทางไปปิดล้อมกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงกีฬาฯ กระทรวงคมนาคม และประกาศให้ข้าราชการออกจากพื้นที่ ภายในเวลา 12.00 น.ทำให้การจราจรบริเวณดังกล่าวเป็นอัมพาต และกลุ่มที่สาม นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังคงปักหลักชุมนุมที่สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง และกรมประชาสัมพันธ์
พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ได้เพิ่มกำลัง จนท.เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ซึ่งขณะนี้ จนท.กำลังเร่งดำเนินการหาหลักฐานและพยาน เพื่อออกหมายจับกลุ่มผู้ชุมนุม ข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ ส่วนกรณีที่กระทรวง ตปท.จะเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับม็อบนั้น ขณะนี้ได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สน.พญาไท แล้ว ทางเจ้าหน้าที่กำลังทำการสอบสวน
ด้าน พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.น.พร้อมด้วย ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันแถลงเกี่ยวกับสถานการณ์ม็อบในประเด็นต่างๆ
ร.ท.หญิง สุณิสา กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่การชุมนุมในขณะนี้เกินขอบเขตของกฎหมายไปแล้ว ต่างประเทศก็แสดงความเห็นว่า วิธีการที่กลุ่มผู้ชุมนุมทำนั้นไม่ใช่ “อารยะขัดขืน” ประชาคมโลกก็ไม่เห็นด้วย อีกทั้งการท่องเที่ยวในประเทศก็เสียหาย รายได้จากการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวของชาวต่าวชาติก็หายไป เจ้าหน้าที่ยันจะอยู่ข้างประชาชน แต่ไม่ขอทำตามข้อเรียกร้องใดๆ ของม็อบ อีกกรณีคือมีการปล่อยข่าวลือเพื่อปลุกระดมมวลชนว่า ตำรวจจะใช้กำลังเข้าไปบุกจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณนั้น ไม่เป็นความจริง เพื่อไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่ง และเพื่อความปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชน รัฐบาลยืนยันว่าจะบริหารตัดสินใจอย่างรอบคอบ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า รัฐบาล และตำรวจ ไม่เคยมองพี่น้องประชาชนเป็นศัตรูแน่นอน
ด้าน พล.ต.ต.ชยุต กล่าวว่าตำรวจยังไม่จับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในขณะนี้ เพราะมีอายุความตั้ง 10 ปี และหากจับกุมตอนนี้ อาจทำให้เกิดอันตรายทั้งผู้จับ ผู้ถูกจับ และประชาชนได้ ทั้งหมดยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา ยันว่าจะใช้การเจรจาเป็นหลัก
ขณะที่ ศอ.รส.ขออนุมัติศาลออกหมายจับ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายสำราญ รอดเพชร, น.ส.อัญชลี ไพรีรัก กรณีปิดล้อมกระทรวงมหาดไทย ข้อหาปลุกปั่นให้ประชาชนละเมิดกฎหมายแผ่นดิน พร้อมเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว น.ส.อัญชลี และนายสำราญ คดีบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ ปี 2551, นายนิติธร ล้ำเหลือ, นายอุทัย ยอดมณี และนายรชตชยุต ศรีโยธินศักดิ์ กรณีบุกยึดกระทรวงการต่างประเทศ ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป บุกรุกและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ล่าสุดศาลนัดไต่สวนพยานทั้งสองฝ่ายในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค.และยังไม่อนุมัติหมายจับตามข้อเสนอของ ตร.
พล.ต.ต.ชยุต กล่าวอีกว่า ตํารวจไม่มีนโยบายที่จะเข้าไปสลายการชุมนุมตามนโยบายของ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่เน้นการเจรจาเป็นหลัก ส่วนการขออํานาจศาลออกหมายจับ แกนนํากลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดําเนินการตามขั้นตอนสําหรับกรณีที่มีผู้ชุมนุมไปปิดล้อมเจ้าหน้าที่ตํารวจที่จอดเติมนํ้ามันอยู่ภายในปั๊มเอสโซ่ ถนนพระราม 6 และการวางตะปูเรือใบรถเจ้าหน้าที่ตํารวจที่วิ่ง มาบนถนนเพชรบุรีนั้น ต้องรอให้มีผู้เข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ จึงจะดําเนินคดีกับผู้กระทําความผิดได้ ซึ่งการกระทําดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการสับเปลี่ยนกําลังในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย จึงไม่อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมกระทําการดังกล่าว