“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” เรียกประชุมปลัดกระทรวงรับมือมวลชนชุมนุม กำชับป้องกันไม่ให้สถานที่ราชการถูกบุกรุก สามารถปฏิบัติราชการได้ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าทุกภาคส่วนสามารถปฏิบัติราชการได้เช่นเดิม เปิดสายด่วน 1111 รับเรื่องราวที่ประชาชนได้รับผลกระทบ
ที่อาคารรัฐสภา วันนี้ (27 พ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงทุกกระทรวง เพื่อซักซ้อมความพร้อมในการรับมือสถานการณ์การชุมนุม รวมทั้งการบุกรุกสถานที่ราชการ โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม และหัวหน้าส่วนราชการร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวในที่ประชุมว่า ขอให้ทุกส่วนราชการรับมือสถานการณ์ด้วยความอดทนอดกลั้น ยึดหลักสันติวิธี และได้สำรวจสถานการณ์ ซึ่งพบว่าส่วนราชการสามารถรับมือสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี มีการสำรองข้อมูล และได้ซักซ้อมแนวทางการทำงานเพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถปฏิบัติราชการต่อไปได้
นอกจากนี้ ขอให้มีการเตรียมพร้อมป้องกันสถานที่ราชการไม่ให้ได้รับความเสียหาย หรือถูกบุกรุก พร้อมกับซักซ้อมแนวทางเพื่อเตรียมความพร้อม ทั้งทางด้านความปลอดภัย การติดต่อสื่อสาร ระบบสาธารณูปโภค เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อให้ทุกส่วนราชการสามารถปฏิบัติราชการได้อย่างต่อเนื่อง และให้บริการประชาชนได้ตามปกติ โดยให้นายพงศ์เทพเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมาย และ พล.ต.อ.ประชา ให้คำปรึกษาด้านความมั่นคง และให้ทุกส่วนราชการเรียกประชุมเครือข่ายของตนเอง เพื่อให้ความมั่นใจกับทุกภาคส่วนที่ต้องประสานงานด้วยว่ายังมีการปฏิบัติราชการตามปกติ และให้ประชาชนมั่นใจว่ายังจะสามารถรับบริการจากส่วนราชการได้เช่นเดิม อย่างไรก็ตาม ขอให้กำลังใจหัวหน้าส่วนราชการ และขอส่งต่อกำลังใจไปยังข้าราชการระดับปฏิบัติงานด้วย
ด้านกระทรวงการต่างประเทศ ได้รายงานในที่ประชุมว่าได้มีการชี้แจงสถานการณ์ให้ผู้แทนประเทศต่างๆ ทราบแล้ว พร้อมทั้งได้ขอความร่วมมือให้สะท้อนสถานการณ์ตามความเป็นจริง และเน้นว่าสถานการณ์ความไม่สงบนั้น เกิดขึ้นในพื้นที่จำกัดเท่านั้น
พล.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหมเรียกประชุมปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการ ว่าเพื่อรับทราบปัญหา และผลกระทบจากกระทรวงต่างๆ ที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกสถานที่ โดยนายกรัฐมนตรีย้ำให้เน้นความต่อเนื่องในการให้บริการประชาชน พร้อมทั้งได้เปิดสายด่วน 1111 รับเรื่องประชาชนที่ไม่ได้รับความสะดวกในการรับบริการ เพราะได้รับผลกระทบจากกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมบุกสถานที่ราชการ
นายพงศ์เทพกล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายงานถึงสถานการณ์ชุมนุมจะกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนธันวาคมที่คาดว่าจะลดลงร้อยละ 8 ถึง 10 หรือประมาณ 3 แสนคน กระทบต่อรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 16,000 ล้านบาท และอาจกระทบต่อเนื่องในเดือนมกราคม และกุมภาพันธ์ หากการชุมนุมยืดเยื้อ พร้อมย้ำว่าขณะนี้การชุมนุมได้เกินขอบเขตรัฐธรรมนูญและกฎหมายไปแล้ว จึงขอให้ผู้ชุมนุมถอนตัวอย่าหลงเชื่อแกนนำกระทำฝ่าฝืนกฎหมาย
พล.ต.อ.ประชายืนยันว่า รัฐบาลไม่มีแนวคิดใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมตามที่มีข่าวลือออกมา และเน้นการเจรจาแกนนำเพื่อขอคืนพื้นที่ ทั้งถนนราชดำเนิน และสำนักงบประมาณ พร้อมทั้งได้ประสานขอเจรจากับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำผู้ชุมนุมแล้ว แต่นายสุเทพยังไม่ตอบกลับ นอกจากนี้เตรียมขออนุมัติหมายจับแกนนำผู้ชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพิ่มเติมต่อไป
